เตรียมปักหมุด! ร้านอาหาร บาร์ ไนต์คลับในกรุงเทพฯ พึ่งเปิดช่วง ก.ค.-ก.ย. 61 ที่เตรียมต้อนรับทุกคนอยู่
เมืองที่ไม่เคยหลับใหลอย่างกรุงเทพฯ มีสถานที่น่าสนใจให้เราและคนรอบข้างได้มีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันมากมาย โดยครึ่งปีแรกของปี 2561 มีร้านอาหาร บาร์ และไนต์คลับเปิดใหม่ที่เราได้รวบรวมให้ทุกคนได้ตามลายแทงเหล่านั้นไปสังสรรค์ตั้งแต่เช้าจนดึกกันไปแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาของควอเตอร์ที่ 3 ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ที่เราจะมาอัพเดท 20 ร้านรวงเปิดใหม่ รอพวกเราไปตามเช็กอินให้ครบทุกย่านทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งจะมีร้านใดบ้างนั้น ไปดูกันเลยดีกว่า!
Wishbeer Home Bar (Wishbeer Garden)
เริ่มต้นจากผู้จำหน่ายคราฟต์เบียร์ออนไลน์ ปัจจุบัน Wishbeer เติบโตและเปิดพื้นที่ให้ผู้รักเบียร์ดีๆ มานั่งสังสรรค์กันในบาร์ที่เป็นเหมือนบ้านสาขาที่ 4 แล้ว กับ Wishbeer Garden ในย่านเจริญนคร ตัวร้านตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์ดิบๆ ทั้งผนังอิฐบล็อกที่ฉาบแบบหยาบๆ และกำแพงสังกะสีสุดเท่ คล้ายกับโฮมบาร์สาขาสุขุมวิทซอย 67 ที่บาร์มีทั้งคราฟต์เบียร์สดไทยและต่างประเทศรวมกว่า 20 แท็ป เบียร์แบบขวดกระป๋องยี่ห้อต่างๆ ให้เลือกดื่มได้ไม่ซ้ำกันตลอดคืน สำหรับเมนูอาหาร พร้อมเสิร์ฟอาหารไทย ยุโรป และอเมริกัน คละกันไป เป็นร้านที่เหมาะกับการมานั่งสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนสบายๆ หลังเลิกงานแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
Tailor Asok
Tailor Asok เป็นบาร์ใจกลางอโศกที่มีธีมสุดยูนีค คือได้แรงบันดาลใจจากร้านตัดเสื้อที่เคยเปิดในอาคารนี้เป็นเวลากว่า 40 ปี การตกแต่งภายในร้านจึงเต็มไปด้วยจักร หุ่นใส่สูท ไม้แขวนเสื้อ กรอบรูปดีไซน์เสื้อผ้า ฯลฯ เพิ่มลูกเล่นด้วยแสงไฟนีออนที่ทำให้บรรยากาศร้านดูชิคขึ้น ร้านมีทั้งหมด 2 ชั้น โดยบนชั้นสองเป็นกระจกที่สามารถมองความเร่งรีบของถนนสุขุมวิทได้อย่างชัดเจน แต่ละวันจะมีวงดนตรีสดเน้นเพลงยุค ‘90s - 2000s ที่รับรองว่าทุกคนร้องตามได้อย่างไม่ติดขัด สำหรับเครื่องดื่มในร้านมีทั้งเบียร์ วิสกี้ และค็อกเทลน่าลองหลากเมนูที่ครีเอทขึ้นใหม่โดยได้ไอเดียจากความเป็นร้านตัดเสื้อเท่ๆ นี้เอง
Funky Lam Kitchen
เมื่อตะวันตกดิน ในรั้วเดียวกันกับคาเฟ่เท่ๆ อย่าง Luka Moto มีร้านอาหารที่นำเสนอรสชาติความจัดจ้านของอาหารลาวไว้อย่างน่าสนใจชื่อ Funky Lam Kitchen ซ่อนตัวอยู่ บรรยากาศภายในร้านทั้งสองชั้น ค่อนข้างผ่อนคลาย ด้วยการหรี่ไฟให้สลัว จุดเทียนบนโต๊ะอาหาร พร้อมเปิดเพลงแนวฟังก์ และนอกกระแสเล็กๆ ให้เข้ากับมื้ออาหารที่แตกต่างไปจากอาหารรสไทยทั่วไปอย่างที่เราคุ้นชิน โดยเสิร์ฟอาหารลาวที่นำมาผสมผสานกับวิธีการปรุงและวัตถุดิบทั้งของไทยและยุโรป แต่ยังคงไว้ซึ่งความเผ็ดร้อนและจัดจ้านตามต้นตำรับหลวงพระบาง เช่น ส้มตำปูนิ่ม หมกลาบ สลัดลาว ไส้อั่ว ลาบเป็ด แจ่วบอง ฯลฯ สำหรับเครื่องดื่ม จากเคาน์เตอร์ชงกาแฟในตอนกลางวัน กลายเป็นบาร์พร้อมเสิร์ฟค็อกเทลหลายตัวที่น่าลิ้มลอง หากใครไม่ใช่แฟนค็อกเทลก็มีไวน์หลากชนิดให้เลือกดื่มคู่กับอาหารแซ่บๆ เป็นจำนวนมาก
Vision Bangkok
แฟนปาร์ตี้สายอีดีเอ็มมีสถานที่แฮงเอาท์ใหม่ในย่านทองหล่ออีกหนึ่งแห่งกับ Vision Bangkok ที่เล่นเพลงแนวทรานซ์และอีดีเอ็มเป็นประจำทุกวัน โดยดีเจประจำนับสิบคนที่พร้อมจะมาสร้างสีสันยามค่ำคืนให้ทุกคนได้โยกกันอย่างสุดเหวี่ยง ตัวร้านโดดเด่นตั้งแต่ทางเข้าโถงวงกลม เล่นกับแสงไฟหลากสี ทั้งชมพู น้ำเงิน เขียว ที่สาดเข้ามาตามโถงอย่างไม่เหมือนใคร อีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาคือบูทดีเจรูปตัววี (V) ดีไซน์เท่ ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงมุมไหนของร้านก็สามารถเห็นการแสดงของดีเจได้อย่างถนัดตา
Cali-Mex Bar & Grill
ร้านอาหารเม็กซิกันสไตล์อเมริกันน้องใหม่ย่านพร้อมพงษ์ ที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพนำเข้าจากหลายแห่ง เพื่อนำมาปรุงเป็นเบอร์ริโต, ทาโก้, นาโชส์, สเต็ก, เบอร์เกอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ให้เราได้ทานกันอย่างเอร็ดอร่อยในบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง คอเบียร์อย่าลืมเลือกนั่งบริเวณโต๊ะใหญ่ด้านใน เพราะได้ติดตั้งแท็ปเบียร์สดสั่งทำจากแคนาดาโดยเฉพาะ ซึ่งทางร้านบอกว่าเป็นที่เดียวในกรุงเทพฯ ที่ติดตั้งแท็ปเบียร์บนโต๊ะอาหารเลยทีเดียว แฟนกีฬาทั้งหลายก็สามารถมาทานอาหาร จิบเบียร์ และชมการถ่ายทอดสดกีฬานัดต่างๆที่ Cali-Mex Bar & Grill ไปพร้อมกันได้ เพราะด้านในติดตั้งจอโทรทัศน์เตรียมฉายถึง 6 จอ รับรองว่าไม่มีพลาดช็อตสำคัญในการแข่งขันกีฬาแน่นอน
Cube Nightclub
Cube เป็นอันเดอร์กราวด์ไนต์คลับ ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ศูนย์การค้าสีลมพลาซ่า ซึ่งให้ความสำคัญกับดนตรีเป็นอันดับหนึ่ง ศิลปินและดีเจแต่ละคนที่โปรโมเตอร์พามาแสดงในแต่ละสัปดาห์ มีเอกลักษณ์และความสามารถในด้านดนตรี โดยเฉพาะแนวเพลงอันเดอร์กราวด์ เฮาส์และเทคโน เช่น Juany Bravo, Neil Thorpe, Glafira, Kinky D, Dan Buri, Hexer, Alex Fisher, Peking Opera ฯลฯ ทีมเจ้าของต้องการสนับสนุนเหล่าดีเจให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยทำไลฟ์สตรีม ถ่ายทอดสดทุกการแสดงที่เกิดขึ้นผ่านยูทูปและเฟสบุ๊ก เพื่อทางโปรโมเตอร์และตัวดีเจเองจะได้มีช่องทางในการเผยแพร่ผลงานของตัวเองง่ายขึ้น ความฮิปของ Cube แห่งนี้ คือเปิดร้านให้ทุกคนมาสนุกด้วยกันเพียงแค่ 2 วันต่อสัปดาห์ คือคืนวันศุกร์และเสาร์เท่านั้น จึงมั่นใจได้ว่าดีเจที่มาเล่นเพลงในปาร์ตี้เปี่ยมด้วยคุณภาพแน่นอน
Ladprao Sky Bar by บ้านปู่
จากบาร์บ้านปู่ที่เปิดมานานนับสิบปี ถูกแปลงโฉมเป็นบาร์บนดาดฟ้าเปิดใหม่ย่านลาดพร้าว ตั้งอยู่เยื้องกับยูเนี่ยนมอลล์ ที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับภาพบรรยากาศในเมือง มองรถราวิ่งกันแน่นขนัดบนถนนลาดพร้าว ในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง หากเป็นคนชอบฟังเพลงไปดื่มไป ที่แห่งนี้มีดนตรีสดหลากแนว ทั้งป็อป ร็อก อะคูสติก ฯลฯ ให้ฟังพลางพูดคุยสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนเป็นประจำทุกวันตั้งแต่เวลา 21.00 - 22.30 น. (ยกเว้นวันจันทร์ที่เริ่มแสดงเวลาสองทุ่มเป็นต้นไป) จากนั้นเป็นเวลาของดีเจที่จะมาเล่นเพลงสนุกๆ เต้นได้ทั้งคืน นอกจากนี้ยังมีโต๊ะพูลให้เราได้ดวลฝีมือกับเพื่อนตั้งอยู่กลางร้าน พร้อมเป็นตัวช่วยเพิ่มสีสันในยามค่ำคืนของทุกคน อาหารที่ร้านเป็นอาหารไทยทานง่ายประเภทกับแกล้ม อาหารจานเดียว อาหารทานเล่นในราคาไม่แพง สามารถมามีมื้อเย็นที่บาร์แห่งนี้ พลางจิบเครื่องดื่มเย็นๆ บนบาร์ดาดฟ้าเอาท์ดอร์ได้เลย
Illionaire Club Lounge
คลับเลาจน์แห่งใหม่ย่านเอกมัยที่ผสานศิลปะการชงเครื่องดื่มค็อกเทลโดยบาร์เทนเดอร์และมิกโซโลจิสต์ผู้เชี่ยวชาญ กับดนตรีฮิปฮอป เออร์เบิร์น และอันเดอร์กราวด์เฮาส์สนุกๆ เข้าด้วยกัน ภายในร้านมีจำนวนสองชั้น ออกแบบและตกแต่งในสไตล์ไนต์คลับใต้ดินดิบๆ ที่เล่นกับแสงสีเล็กน้อย ความพิเศษคือแนวเพลงที่เล่นในแต่ละคืน จะสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น คืนวันอังคารเป็นคืนสำหรับคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมสื่อ ดีไซน์ ศิลปะ โฆษณา เล่นเพลงสไตล์เฮาส์ ส่วนคืนวันพฤหัสบดีเป็นเค-ฮิปฮอป, เค-ป็อป, โอลด์สคูล, อาร์แอนด์บี ให้ทุกคนเลือกได้ตามใจชอบว่าอยากไปสังสรรค์กับเพื่อนคอเดียวกันในวันไหนของสัปดาห์
Susie Q
ผู้จัดปาร์ตี้ที่เคยพาดีเจเจ๋งๆ ระดับสากลมาแสดงถึงเมืองไทยมากมาย และไนต์คลับฮิปฮอปย่านทองหล่อที่พึ่งปิดตัวไปอย่าง Blaq Lyte ได้บ้านหลังใหม่ในย่านกลางคืนที่ไม่มีนักท่องเที่ยวและคนไทยคนไหนไม่รู้จักบนถนนข้าวสาร ณ Susie Q โดยนำเสนอแนวเพลงสไตล์โมเดิร์นฮิปฮอป (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นงานถนัดของ Blaq Lyte) เป็นประจำทุกคืน ดีเจแต่ละคนสามารถเล่นเพลงที่ตัวเองถนัดได้อย่างไร้กรอบ ทั้งโอลด์สคูล, ฟิวเจอร์ เบส ไปจนถึงเฮาส์และฟังก์ในบางอีเว้นท์พิเศษ จาก Susie Pub ที่เคยดังมากสมัยก่อน ถูกปรับปรุงใหม่โดยคงโครงสร้างเดิม และกลิ่นอายของความคลาสสิกในยุค 60’s ไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ความคอนทราสต์กันระหว่างเพลงยุคนี้ และสถานที่ที่ให้บรรยากาศเก่าๆ ทำให้ Susie Q น่าดึงดูดอย่างปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้งยังจัดปาร์ตี้พิเศษ เชิญศิลปินต่างชาติระดับสากลมาแสดงอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเป็นส่วนทำให้มิวสิกซีนในเมืองไทยมีความน่าสนใจและสดใหม่อยู่เสมอ
Atomik Club
ไนต์คลับสไตล์อีดีเอ็มแห่งใหม่ในย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ที่สายปาร์ตี้จะต้องสนใจ เพราะที่ Atomik Club ไม่เพียงแต่มีดีเจและเอ็มซีประจำที่รับหน้าที่สร้างความสนุกทุกค่ำคืน แต่ยังดึงดีเจมากฝีมือระดับโลกมาร่วมแสดงในอีเว้นท์พิเศษอีกด้วย (ซึ่งล่าสุดพา Ookay ดีเจและโปร์ดิวเซอร์ชาวอเมริกัน เขาได้ไปแสดงมาแล้วหลายเฟสติวัลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Ultra, EDC และ Lollapalooza) บรรยากาศความสุดเหวี่ยงข้างในร้าน ถูกกระตุ้นด้วยเหล่าไฟเลเซอร์หลากสี และเพดานไฟแอลอีดีที่จะสาดออกไปตามจังหวะของเสียงเพลง นอกจากนี้ยังจัดปาร์ตี้ตามธีมต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ จึงมั่นใจได้ว่าหากชักชวนเพื่อนฝูงไปสังสรรค์ที่แห่งนี้ จะไม่มีเบื่ออย่างแน่นอน
The Key Room No.72
ค็อกเทลบาร์แห่งนี้ ซ่อนตัวอยู่ในจอชโฮเทลสุดฮิป ก่อนเดินผ่านประตูบานใหญ่สีแดงที่มีสัญลักษณ์หมายเลขห้อง 72 เข้าไปด้านใน จะต้องเช็กอินกับโรงแรมก่อน เมื่อเราได้คีย์การ์ดสีแดงสดและเปิดประตูเข้าไป จะพบกับร้านเล็กๆ โทนสีแดง-เขียวเข้มสุดคลาสสิก ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากภาพยนตร์เรื่อง The Grand Budapest Hotel ส่วนที่ดึงดูดสายตามากสุด คือบาร์ยาวลายหินอ่อนที่กำลังรอให้ทุกคนไปนั่งจิบเครื่องค็อกเทลซิกเนเจอร์เย็นๆ สักแก้ว ซึ่งรังสรรค์ขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของ Mr.Josh ไว้อย่างน่าสนใจ ทั้งประเทศญี่ปุ่น ไทย เม็กซิโก ฝรั่งเศส คิวบา อเมริกา ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีคลาสสิกค็อกเทล และ Spirit forward ให้เลือกดื่มพลางฟังเพลงแจ๊ส, สวิงแจ๊สหรือฟังก์ เคล้าบรรยากาศที่มีกลิ่นอายความโรแมนติกนิดๆ ใครที่ไปคนเดียวก็สามารถชวนบาร์เทนเดอร์คุย และฟังเรื่องราวเบื้องหลังเครื่องดื่มที่แฝงไว้ในแต่ละแก้วได้ ซึ่งฟังดูเป็นคืนที่น่าเพลิดเพลินไม่น้อยเลยทีเดียว
Ross Kitchen
Ross Kitchen (รส คิทเช่น) เป็นร้านอาหารไทยน้องใหม่บนโรงแรมอัคราที่ตั้งใจนำเมนูอาหารไทยพื้นบ้านจาก 4 ภาคมาแปลงโฉม โดยคงไว้ซึ่งรสชาติความอร่อยจัดจ้านแบบไทยๆ ไม่เปลี่ยนแปลง เสิร์ฟอาหารประเภท ลาบ ก้อย ส้มตำ น้ำพริก แกง ผัด ทอด และอาหารกึ่งฟิวชั่นอีกมากมาย คอนเซ็ปต์ร้านในภาพรวมตั้งใจทำให้เป็นเมืองไทยสมัยก่อน ช่วงหลังปีพ.ศ. 2499 ในสไตล์ของโรงหนังกลางกรุง มีกลิ่นอายความวินเทจชัดเจน เมื่อเดินออกจากลิฟต์จะพบอินฟิวส์บาร์เล็กๆ สำหรับคอดื่ม ที่สามารถมานั่งดื่มพลางพูดคุยกับบาร์เทนเดอร์ในบรรยากาศแสงไฟนีออนสีแดงสุดชิค ซึ่งเลียนแบบจากวัฒนธรรมสมัยก่อนเมื่อตลาดปิด ผู้คนจะมาตั้งโต๊ะกินดื่มกันหน้าตลาด ภายในห้องอาหารสอดแทรกความเป็นไทยย้อนยุคไว้ เช่น ใช้ลายผ้าขาวม้าบนโซฟา และหน้าปกเมนูอาหาร แขวนโปสเตอร์หนังไทยสมัยก่อนไว้บนฝาผนัง มีเคาน์เตอร์ที่เป็นครัวเปิดอันได้แรงบันดาลใจจากรถทัวร์ของไทยซ่าๆ ซึ่งเข้ากันอย่างลงตัว
จองเลยตอนนี้ที่ AgodaBrew House Sports Bar & Grill Bangkok
สปอร์ตบาร์และร้านอาหารสไตล์อเมริกันโมเดิร์นลอฟต์ย่านอารีย์แห่งนี้ สามารถเป็นแหล่งสถานที่สังสรรค์แห่งใหม่ของคอกีฬาได้ เพราะไม่เพียงแต่ถ่ายทอดการแข่งขันกีฬานัดต่างๆ เป็นประจำ ยังมีโต๊ะพูลให้ได้ดวลกับเพื่อนฝูงอย่างเพลิดเพลิน ระหว่างนั้นก็สามารถทานอาหารไทยหรืออเมริกันฟิวชั่นจากเชฟที่ปรุงอย่างพิถีพิถันหลากเมนู เช่นข้าวผัด ส้มตำ สเต็ก สปาเกตตี้ ฯลฯ ส่วนเครื่องดื่มก็มีครับครันพร้อมเสิร์ฟทั้งเบียร์คราฟต์ ค็อกเทล วิสกี้ ไวน์ ซอฟต์ดริ้ง บรรยากาศสบายๆ ในร้านถูกกล่อมด้วยดนตรีสดแนวโฟล์ก ฟังก์ และอินดี้ ก่อนที่ดีเจจะขึ้นมาเล่นเพลงเฮาส์และฮิปฮอปสร้างความสนุกสนานยาวไปจนถึงเที่ยงคืน
Pour
บาร์สุดเท่ย่านลาดพร้าว ที่นำเสนอได้น่าสนใจทั้งตัวร้าน และเมนูค็อกเทล เริ่มจากการตกแต่งร้านที่เปลี่ยนห้องแถวเล็กๆ ให้มีสีขาวล้วน ก่อนเพิ่มกิมมิกด้วยการติดไฟนีออนหลากสี ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในหนังไซไฟสักเรื่อง บริเวณบาร์ถูกเจาะลงไปเป็นช่องเล็กๆ ใส่หลอดไฟไว้ด้านใน เมื่อบาร์เทนเดอร์ชงเครื่องดื่ม เราจึงเห็นส่วนผสมและสีสันของค็อกเทลอย่างสวยงาม เมนูเครื่องดื่มสามารถดูได้จากกระดานหลังบาร์ที่จะเขียนรายละเอียดของส่วนผสมไว้ ซึ่งทางร้านจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับไอเดียจากเครื่องดื่ม Custom ตามที่ลูกค้าต้องการ และวัตถุดิบที่ได้มาในแต่ละช่วง เช่น ผลไม้ตามฤดูกาล หรือของที่ได้จากสถานที่ต่างๆ ที่เจ้าของไปเยือนแล้วซื้อกลับมา ลูกค้าจึงได้ลองดื่มอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ความพิเศษคือวิธีการนำเสนอเครื่องดื่มที่ครีเอทหน้าตาค็อกเทลแต่ละแก้วให้โดดเด่นและมีลูกเล่นแปลกตา
M.T. Rollin Club
อาคารเก่าแก่สไตล์โคโลเนียลอายุนับร้อยปีแห่งนี้ ถูกปรับปรุงใหม่ กลายเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร และบาร์ที่มีสไตล์โอลด์แฟชั่นอันโดดเด่น ด้านในแบ่งออกเป็น 4 ห้องที่มีจุดประสงค์ในการใช้งานแตกต่างกันไป ได้แก่ ห้องรับแขก ห้องน้ำชาสำหรับหญิงสาว คลับที่เป็นทั้งห้องซิการ์และร้านตัดสูทของหนุ่มๆ และคาเฟ่ที่จะเปลี่ยนเป็นร้านอาหารและบาร์ในตอนเย็น การตกแต่งภายในให้ความรู้สึกวินเทจเล็กน้อย ด้วยบรรดากรอบรูปภาพทองเหลือง เฟอร์นิเจอร์ไม้ กระเบื้องเคลือบ และไม้ประดับหลากพันธุ์ที่จัดวางอย่างลงตัวทั่วร้าน ที่ M.T. Rollin Club เสิร์ฟอาหารตะวันตกฟิวชั่นและขนมหวานโฮมเมดที่ปรุงขึ้นอย่างพิถีพิถัน นอกจากนี้ยังมีชา กาแฟ ม็อกเทล และค็อกเทลที่นำเสนอได้อย่างมีเอกลักษณ์ ใครที่ชื่นชอบร้านบรรยากาศดีๆ ถ่ายรูปสวย ที่แห่งนี้ก็น่าไปใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ทานขนมอร่อยๆ ดูสักครั้ง
Favela
Favela (ฟาเวล่า) เป็นไนต์คลับที่เน้นแนวเพลงเรเกตอน เออร์เบิร์น และละตินเพียงแห่งเดียวในย่านทองหล่อ ตัวร้านออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่แฝงความหรูหราเล็กๆ ใช้สีขาวในการตกแต่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น พื้น ผนัง บาร์ หรือเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มลูกเล่นให้กับสถานที่ด้วยไฟหลากสีที่สามารถเปลี่ยนเป็นสีใดก็ได้ สำหรับเครื่องดื่ม ที่ฟาเวล่ามีให้เลือกครอบคลุมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น คลาสสิกค็อกเทล ไวน์ แชมเปญ จิน วิสกี้ เบอร์เบิร์น วอดก้า เตกีล่า หรือเบียร์ แต่ที่น่าสนใจ คือ เครื่องดื่มละติน-อเมริกัน หรือ ค็อกเทลซิกเนเจอร์กว่าสิบรายการ เราสามารถสัมผัสวัฒนธรรมบราซิลที่ถูกถ่ายทอดผ่านเพลง เครื่องดื่ม และผู้คนที่ฟาเวล่า ถ้าอยากรู้จักไลฟ์สไตล์ของผู้คนในอีกซีกโลกหนึ่ง ก็ลองมาเยือนที่ไนต์คลับแห่งนี้ดูได้
The Champagne Bar - Waldorf Astoria Bangkok
The Champagne Bar ตั้งอยู่บนชั้น 57 ของโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ (สาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ที่ออกแบบและตกแต่งในสไตล์ร่วมสมัย และด้วยโลเคชั่นใจกลางกรุงเทพฯ จึงสามารถดื่มด่ำกับทัศนียภาพของเมืองในยามค่ำคืนได้อย่างเต็มตา แน่นอนว่าที่แห่งนี้เน้นเครื่องดื่มประเภทแชทเปญจากทั่วโลก ซึ่งมีให้บริการทั้งแบบแก้ว (680-1,200 บาท/แก้ว) และขวด (3,400-32,250 บาท/ขวด) รวมถึงค็อกเทลที่รังสรรค์ขึ้นให้เลือกดื่มอีกหลายชนิด (850-900 บาท) หากต้องการมีค่ำคืนสุดพิเศษในบรรยากาศอันโรแมนติกแล้วล่ะก็ แชมเปญบาร์บนชั้นสูงสุดของโรงแรมสุดหรูแห่งนี้ สามารถมอบช่วงเวลาดีๆ ให้ทุกคนได้อย่างไม่สงสัย
Mitr Bar
กลุ่มผู้ผลิตเบียร์คราฟต์ไทยจำนวน 6 แบรนด์ รวมตัวกันในชื่อ Mitr Craft (มิตรคราฟต์) ก่อตั้งโรงเบียร์มิตรสัมพันธ์หรือโรงเบียร์เปิด เพื่อให้ผู้ผลิตรายเล็กๆ สามารถมาต้มเบียร์ยี่ห้อของตัวเองได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่ง Mitr Bar (มิตรบาร์) แห่งนี้ เป็นสถานที่ขายเบียร์คราฟต์ที่ถูกต้มจากโรงเบียร์มิตรสัมพันธ์นั่นเอง ภายในร้านออกแบบและตกแต่งอย่างเรียบง่ายในโทนสีเข้ม มีกลิ่นอายของสไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์เท่ๆ มีมุมกระจกที่สามารถมองเห็นวิวกรุงเทพฯ ตรงปากซอยร่างน้ำ และรถไฟฟ้าวิ่งไปมาอย่างเต็มตา เครื่องดื่มที่ร้านมีเบียร์คราฟต์ไทยและต่างประเทศให้เลือกดื่มสดๆ ถึง 20 แท็ป (โดยมีเบียร์ใหม่ให้ลองดื่มทุกวันพฤหัสบดี) ยังไม่รวมแบบขวดและกระป๋องพร้อมเสิร์ฟอีกกว่า 20 ยี่ห้อ ที่จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ขณะที่ทุกคนกำลังจิบเบียร์และพูดคุยกับเพื่อนฝูง (หรือคนต้มเบียร์ที่มาดูแลเบียร์ด้วยตัวเองที่ร้าน) อย่างเพลินเพลิน บรรยากาศโดยรอบก็เคล้าไปด้วยเสียงเพลงจากวงดนตรีสดฟังสบาย ประจำทุกวันพุธ ศุกร์ และเสาร์ ในสไตล์เพลงไทย-สากล อะคูสติก ส่วนวันอื่นจะเปิดเพลงแนวแจ๊ส บอสซ่า และบลูส์
Middle Bar
ค็อกเทลกึ่งบ้านกึ่งบาร์แห่งใหม่นี้ ซ่อนตัวอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้านคาเฟ่สุดยูนีคอย่าง Blue Dye Cafe โดยตกแต่งในสไตล์อเมริกันวินเทจ ที่แฝงกลิ่นอายความคลาสสิกและเรียบง่าย ด้วยการใช้ของโบราณในการตกแต่งทั้งหมด เช่นบาร์และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม โคมไฟแขวนเพดานคละดีไซน์สุดเท่ที่เปิดไฟส้มสลัว และบรรดาสัตว์สตัฟฟ์ และของสะสมของเจ้าของร้านที่เข้ากันอย่างลงตัว (ซึ่งการตกแต่งร้านจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ) ภายในร้านมีพื้นที่ไม่กว้างขวางนัก จากความต้องการให้ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่สามารถมานั่งคุยกัน มากกว่าร้านเหล้าปกติ จึงให้ความรู้สึกเหมือนนั่งจิบค็อกเทลบ้านเพื่อน (ที่แนวๆ หน่อย) ร้านนำเสนอทั้งคลาสสิกค็อกเทลหลากเมนู และซิกเนเจอร์ค็อกเทลจำนวน 10 ตัวที่น่าลอง โดยตั้งชื่อให้จำง่าย ว่า No.1 - No.10 มีตั้งแต่ค็อกเทลหวานดื่มง่าย ไปจนถึงเข้มหนักคอเลยทีเดียว หากอยากดื่มเครื่องดื่มดีๆ ในบรรยากาศอันเรียบง่ายที่พบได้ไม่มากนักในย่านสุดครึกครื้นอย่างทองหล่อ Middle Bar แห่งนี้ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
Tenshino Bangkok
ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวใหม่ในสไตล์โบฮีเมียนชิค ที่ผสานบิสโตรแบบฝรั่งเศส เข้ากับความดั้งเดิมของญี่ปุ่น ออกมาเป็นร้านอาหารดีไซน์สะดุดตาที่เล่นสีสันและลวดลายได้อย่างน่าสนใจ การจัดโต๊ะมีทั้งเป็นส่วนตัวและโต๊ะใหญ่ความยาว 5 เมตรสำหรับนั่งทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หรือที่เรียกว่า Communal Table โดยเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นที่ใช้วิธีการปรุงแบบฝรั่งเศส และนำเสนอในรูปแบบใหม่ ทำจากวัตถุดิบนำเข้าจากสองประเทศนี้โดยตรง มีทั้งกานาเป (Canapé), อาหารทานเล่น, อาหารทะเลดิบ ประเภทซูชิ ซาซิมิ, อาหารจานหลัก และของหวาน ส่วนใครที่ต้องการเรียกน้ำย่อยด้วยเครื่องดื่ม ก็สามารถนั่งจิบไวน์ ค็อกเทล สาเก หรือวิสกี้จากญี่ปุ่นตรงบาร์ยาวสีเขียวสุดชิคได้อย่างสบายๆ เหมาะกับการมีมื้ออาหารสุดพิเศษกับครอบครัวและเพื่อนฝูงเป็นอย่างมาก