เปลี่ยนที่แฮงเอาท์กับ 20 ร้านอาหาร บาร์ และคลับที่เพิ่งเปิดสดๆร้อนๆในช่วงเมษายน-มิถุนายน 2018
ปี ค.ศ. 2018 เดินมาถึงครึ่งทางอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราได้อัพเดท 20 ร้านอาหาร คลับ และบาร์เปิดใหม่ที่น่าลองแวะไปเยี่ยมชมในช่วงแรกของปี (มกราคม - มีนาคม) กันไปแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงเจอแหล่งแฮงเอาท์แห่งใหม่ที่ประทับใจจนกลายเป็นสถานที่โปรดอันดับต้นๆได้ไม่ยาก เราจึงไปค้นหาสถานที่ใหม่ๆที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงที่สองของปี (เมษายน - มิถุนายน) และพบว่าสถานที่เหล่านั้นเหมาะสำหรับการเป็นสื่อกลางให้เราและเพื่อนฝูงได้สังสรรค์กันอย่างสนุกสนานตลอดทั้งวันและคืน
ไปดูกันดีกว่าว่า 20 ร้านอาหาร บาร์ และคลับใดบ้างในกรุงเทพฯ ที่เพิ่งเปิดให้บริการสดๆร้อนๆในช่วงเดือนเมษายน - มิถุนายน ที่ผ่านมา
The Bar Upstairs
ร้านขายและบาร์ไวน์ที่มีคอนเซ็ปต์มาจากบ้านสวนร้างในตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ร้านตกแต่งด้วยไม้เลื้อยสีเขียวปกคลุมสถานที่ เฟอร์นิเจอร์ บาร์ บันได ต่างใช้ไม้เป็นวัสดุ จึงให้ความรู้สึกดิบและรัสติกเล็กน้อย เมนูอาหารเน้นคอมฟอร์ตฟู้ดโฮมเมดโดยครัวของร้าน Brasserie Cordonnier เช่น ชีส โคลด์คัท สลัด หรือพาสต้า เครื่องดื่มในร้านโฟกัสที่ไวน์หลากชนิดกว่า 150 ยี่ห้อทั่วโลก สามารถเลือกดื่มที่ร้านหรือซื้อเป็นขวดกลับบ้านได้ตามสะดวก เมนูค็อกเทลที่สร้างสรรค์ขึ้น มีแรงบันดาลใจจากสวนและพืชพรรณต่างๆ และสามารถเลือกส่วนผสมค็อกเทลด้วยตัวเองได้ตามต้องการ สถานที่แห่งนี้เหมาะกับผู้ที่อยากจิบไวน์ในบรรยากาศโรแมนติกอย่างปฏิเสธไม่ได้
The Photobooth
สปีกอีซี่บาร์ที่ก่อนจะเข้าร้านได้จะต้องหาตู้ถ่ายรูปให้เจอเสียก่อน ตู้ถ่ายภาพทางเข้าบาร์ที่ว่านี้ ตั้งอยู่ในสปอร์ตบาร์ใจกลางสุขุมวิท ซอย 11 อย่าง Score Bar เมื่อเข้าไปในตู้ถ่ายรูปและถ่ายจนหนำใจ เราจะได้รูปถ่ายขาว-ดำจำนวน 2 ใบ (ซึ่งทางร้านขอเก็บไว้ 1 ใบเพื่อเป็นที่ระลึก) ด้านหลังตู้เป็นทางเดินที่ดีไซน์ให้เหมือนห้องล้างฟิล์ม ทั้งการใช้ไฟมืด ซิงก์ รูปภาพขาว-ดำ และอุปกรณ์สำหรับล้างฟิล์มต่างๆ ซึ่งเมื่อเดินตามทางไปเรื่อยๆจะพบกับทางเข้าบาร์ ภายในร้านตกแต่งในโทนน้ำตาล-ส้มเข้ม ใช้เฟอร์นิเจอร์เบาะหนังและกำมะหยี่เป็นหลัก มีคาแร็กเตอร์แบบเท่ๆ แฝงความวินเทจเล็กน้อย The Photobooth เป็นค็อกเทลบาร์ จึงเน้นคลาสสิกค็อกเทลและเมนูที่นำมาทวิสต์ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
Hooters Silom
สปอร์ตบาร์และร้านอาหารสไตล์อเมริกันที่มีสาขามากมายทั่วโลก ซึ่งสาขาสีลมเป็นสาขาที่ 3 ในกรุงเทพฯ และสาขาที่ 6 ในประเทศไทย จุดเด่นของร้านนี้คือ Hooters Girls ในชุดเครื่องแบบสีส้ม-ขาวสุดเซ็กซี่ที่เตรียมเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มอย่างเป็นกันเอง อาหารในร้านส่วนใหญ่เป็นอาหารทานเล่น เช่น ปีกไก่ทอด นาโชส์ คาลามารี แซนวิช เฟรนช์ฟรายส์ ฯลฯ ส่วนเครื่องดื่มมีทั้งค็อกเทล ช็อตส์ เบียร์ แชมเปญ ไวน์ และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์อื่นๆ หากเป็นแฟนกีฬาตัวยง และกำลังมองหาสถานที่ชมการถ่ายทอดสดอยู่ Hooters ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะภายในร้านมีจอโทรทัศน์ติดตั้งนับสิบเครื่องที่เปิดการแข่งขันกีฬาต่างๆอยู่ตลอดเวลา
The Club @ Koi
The Club @ Koi แห่งนี้ เข้ามาแทนที่ CÉ LA VI ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นไนต์คลับที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งดูแลและบริหารโดยทีมผู้บริหารเดียวกับร้านอาหารแคลิฟอร์เนีย-ญี่ปุ่น Koi การตกแต่งและโครงสร้างภายในยังคงลักษณะเดิมไว้ เพียงแต่ประดับตกแต่งให้ดูหรูหรามากขึ้นเท่านั้น สิ่งที่ทำให้คลับแห่งนี้แต่งต่างจากคลับอื่น คือ วิวของกรุงเทพฯยามค่ำคืนจากชั้น 39 ผ่านกระจกใสด้านนอกที่ช่วยสร้างบรรยากาศการสังสรรค์ให้มีลูกเล่นมากขึ้น รวมถึงเพดานสูงติดตั้งระบบไฟ เล่นแสงสีกับโคมไฟระย้าขนาดยักษ์ที่ห้อยลงมาจากเพดาน ดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก ในแต่ละคืนมีดีเจประจำและดีเจรับเชิญมาเล่นเพลงสร้างความสนุก โดยวันธรรมดาเป็นสไตล์ฮิปฮอป ส่วนวันเสาร์เป็นฟิวเจอร์เฮ้าส์ เฮ้าส์ และอิเล็กทรอนิกส์
Where is my beer?
Where Is My Beer? ดัดแปลงบ้านสองชั้นสีขาว-น้ำตาลให้กลายเป็นเฮ้าส์บาร์บรรยากาศอบอุ่น ด้วยการตกแต่งในสไตล์รัสติกที่แฝงกลิ่นอายชนบท ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งสังสรรค์ในบ้านเพื่อนที่เชียงราย เมนูอาหารที่ร้านเป็นฟิวชันเยอรมัน-ไทยสูตรโฮมเมดที่คิดค้นขึ้นเพื่อให้ทานคู่กับเบียร์อย่างลงตัว เช่น ไส้กรอกเยอรมัน เสิร์ฟคู่ซอสมะเขือเทศ พริกป่นและสมุนไพรไทย ปีกไก่ทอดหมักเบียร์และมัสตาร์ด เกี๊ยวทอดสอดไส้ยำทูน่า ฯลฯ ที่แห่งนี้เป็นเบียร์ค็อกเทลบาร์แห่งแรกในหรุงเทพฯ เพราะฉะนั้น เครื่องดื่มซิกเนเจอร์จึงเป็น Beertails หลากชนิดที่ใช้คราฟต์เบียร์ผลิตเองเป็นส่วนผสมหลัก นอกจากนี้ยังมีคราฟต์เบียร์ไทยและต่างประเทศให้เลือกดื่มมากมาย ในแต่ละวันจะมีการจัดโปรโมชั่นอาหารและเครื่องดื่มแตกต่างกันไป จึงมั่นใจได้ว่า ไปเที่ยววันไหนก็สามารถกิน ดื่มได้อย่างคุ้มค่า
Scruffy Murphy
ไอริชผับแห่งใหม่ย่านอโศก ที่นำเสนออาหาร เบียร์ และบรรยากาศสไตล์ไอริชแท้ ด้วยการดกแต่งร้านในโทนเข้ม ทั้งเฟอร์นิเจอร์ กำแพงและบาร์ไม้ อาหารเน้นเมนูทานง่ายเช่น ปีกไก่ทอด ไส้กรอก เบอร์เกอร์ ฯลฯ และหากคุณเป็นแฟนกีฬาที่ชื่นชอบการพบปะสังสรรค์และเชียร์กีฬาไปพร้อมกัน ไอริชบาร์ดูจะเป็นคำตอบที่เหมาะที่สุด เพราะภายในร้านติดตั้งจอโทรทัศน์กระจายตัวอยู่ตามบริเวณต่างๆเป็นจำนวนมาก มั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดการแข่งขันกีฬานัดใดๆก็ตามอย่างแน่นอน
Witch Craft by Bad Burger
Bad Burger ร้านเบอร์เกอร์วัตถุดิบคุณภาพเปิดบาร์คราฟต์เบียร์ใหม่ในบริเวณเดียวกันชื่อ Witch Craft การตกแต่งร้านยังคงบรรยากาศเป็นกันเองเช่นเดิม ทั้งผนังปูนเปลือย และเฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยนำเสนอคราฟต์เบียร์นำเข้าหลายประเภททั้งแบบขวดและจากแท็ป ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆในราคาสมเหตุสมผล ทางร้านมักออกโปรโมชั่นน่าสนใจสม่ำเสมอ เช่น ซื้อ 2 แถม 1 ในวันพุธ หรือฟรีโฟลว์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงในราคา 999 บาท ที่นี่จึงเหมาะกับการทานเบอร์เกอร์รสอร่อย จิบคราฟต์เบียร์เย็นๆ และสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนฝูงในเวลาเดียวกัน
Score Bar
Score Bar สปอร์ตบาร์แห่งใหม่ในสุขุมวิท ซอย 11 ที่สามารถเอนเตอร์เทนทุกคนได้ตลอดทั้งคืน เพราะบริเวณร้านเต็มไปด้วยเกมต่างๆให้เลือกเล่นและแข่งขันกับคนอื่นๆมากมายเช่น ฟุตบอลโต๊ะ ปาลูกดอก พูล เบียร์ปอง และไม่ต้องกลัวว่าระหว่างเล่นเกมจะพลาดชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาต่างๆ เพราะมีจอโทรทัศน์ติดตั้งไว้ทั่วบริเวณเตรียมฉายเกมทุกนัดให้เชียร์อย่างเพลิดเพลิน การตกแต่งร้านใช้โทนสีเขียวเป็นหลัก เพื่อสื่อถึงสนามกีฬา แสดงตัวตนของสปอร์ตบาร์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี เมนูอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารทานเล่น เช่น นาโชส์ ปีกไก่ทอด มินิเบอร์เกอร์ ฯลฯ ส่วนเครื่องดื่มมีหลายตัวเลือกให้เราได้ลองจิบเมนูใหม่ๆไม่ซ้ำกันเลยทีเดียว
Kangkao
ค็อกเทลบาร์ดีกรีบาร์ที่ดีที่สุดในเอเชียปี 2018 อันดับ 49 อย่าง Ku Bar เพิ่งเปิดไวน์บาร์เล็กๆบริเวณชั้น 2 ของอาคาร ในชื่อ Kangkao ยังคงตกแต่งในสไตล์เรียบง่ายและเป็นกันเองเช่นเดิม เมื่อเปิดประตูเข้าไปในร้านจะพบกับโต๊ะสูงและบาร์ขนาดยาวหันหน้าออกนอกหน้าต่าง ที่เราสามารถมองบรรยากาศโดยรอบได้อย่างถนัดตา ผนังปูนเปลือยสีเทา และของตกแต่งน้อยชิ้นทำให้ไวน์บาร์แห่งนี้ยิ่งมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ร้านนำเสนอไวน์ธรรมชาติหรือไวน์ออร์แกนิกเป็นส่วนใหญ่ เจ้าของบอกกับเราว่า เพราะในเมืองไทยสามารถหาไวน์ทั่วไปได้ไม่ยาก แต่ยังไม่มีใครให้ความสำคัญกับไวน์ออร์แกนิกเท่าไรนัก จึงอยากนำเสนอสถานที่ที่เราสามารถดื่มด่ำกับรสชาติและคุณภาพจากไวน์ประเภทนี้ได้อย่างเต็มที่ ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 40 ชนิดให้เลือกดื่ม โดยลิสต์ไวน์ที่ร้านจะอัพเดทเสมอ สำหรับอาหารเน้นอาหารทานเล่นและกับแกล้มคู่ไวน์เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีอาหารจานหลักให้ทานอยู่ 1-2 เมนู ซึ่งเมนูอาหารก็จะสลับเมนูหมุนเวียนไปเรื่อยๆเช่นกัน
The Steakhouse Co.
The Steakhouse Co. ผสานลักษณะการตกแต่งร้านสเต็กแบบดั้งเดิมและโมเดิร์นเข้าด้วยกัน โดยก่อกำแพงอิฐในสไตล์อังกฤษสมัยก่อน ใช้ไม้โทนสีเข้มทั้งหมด ตัดความคลาสสิกด้วยเฟอร์นิเจอร์ในสไตล์โมเดิร์น ร้านเสิร์ฟมื้อเย็นที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพจากเชฟผู้เชี่ยวชาญ มีทั้งไก่ หมู ทะเล และที่พลาดไม่ได้คือเนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา โดยคัดสรรเนื้อทุกส่วนมาเป็นอย่างดี เช่น เทนเดอร์ลอยน์ ริบอาย ทีโบน สันนอก นอกจากนี้ยังมีซุป สลัด อาหารทานเล่นอื่นๆที่น่าลองไม่แพ้กัน เมนูเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟทุกประเภทไม่ว่าจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือไม่ก็ตาม จึงมั่นใจได้ว่าจะได้ทานอาหารและเครื่องดื่มชั้นเยี่ยมแน่นอน
Urbani Truffle Bar & Restaurant
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแบบไฟน์ไดน์นิ่ง (Fine Dinning) แห่งนี้ เกิดจากแบรนด์ผู้คัดสรรและผลิตสินค้าจากทรัฟเฟิลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกอย่าง Urbani และความร่วมมือจากเชฟผู้ผ่านประสบการณ์จากร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ การันตีได้ว่าอาหารแต่ละจานนั้น ใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ และปรุงอย่างพิถีพิถัน ภายในร้านตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นที่แฝงความหรูหรา แบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ ร้านอาหาร ห้องส่วนตัว และบาร์ โดยโซนบาร์มีลักษณะเป็น Chef’s Table ที่เชฟจะปรุงอาหารและเสิร์ฟต่อหน้าเราในทันที เครื่องดื่มที่นี่เน้นไวน์นำเข้าจากทั่วโลกที่เลือกสรรอย่างดี อีกทั้งมีสินค้าอื่นๆจากทรัฟเฟิลนำเข้าจากประเทศอิตาลีจัดจำหน่ายโดยตรง ความพิเศษคือวิวกรุงเทพฯ ย่านสาทร ที่สามารถชมผ่านกระจกใสรอบร้านได้อย่างชัดเจน ยิ่งสร้างบรรยากาศอันมีเสน่ห์ให้มื้ออาหารของเรา
Cactus Bangkok
รูฟท็อปค็อกเทลบาร์ย่านสาทร นำเสนอไลฟ์สไตล์การดื่มแบบแคลิฟอร์เนีย และแตกต่างไปจากบาร์บนดาดฟ้าแห่งอื่น เริ่มจากการตกแต่งอย่างโมเดิร์น แต่ก็ยังให้ความรู้สึกอบอุ่น ล้อมรอบไปด้วยต้นกระบองเพชรหลายขนาด รวมถึงใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้และพื้นสีเข้ม แบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่อินดอร์ และเอาท์ดอร์ บาร์แห่งนี้เชี่ยวชาญด้านค็อกเทล แต่ละเมนูคิดค้นและสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน ยังมีไวน์และเครื่องดื่มชนิดอื่นให้เลือกจิบได้ไม่ซ้ำกันตลอดคืน ส่วนอาหารสามารถสั่งจากร้านด้านล่างขึ้นมาทานได้ ทางร้านมักจัดอีเว้นท์และปาร์ตี้อยู่เรื่อยๆ หากต้องการสังสรรค์ในบรรยากาศบนดาดฟ้าที่ไม่เหมือนใคร Cactus Bangkok เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าลองไม่น้อย
Yào Restaurant & Rooftop Bar
ร้านอาหารและบาร์บนดาดฟ้าแห่งนี้ ตั้งอยู่บันชั้น 32 ของโรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ในบรรยากาศการตกแต่งที่แฝงกลิ่นอายวัฒนธรรมจีนอย่างชัดเจน ภายในร้านแบ่งเป็นโซนอินดอร์สบายๆ และเอาท์ดอร์ที่สามารถดื่มด่ำกับภาพกรุงเทพฯ และแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนได้อย่างเต็มที่ เมนูอาหารเป็นจีนกวางตุ้งและเซี่ยงไฮ้ฟิวชั่น โดยเชฟและทีมจากประเทศจีน เครื่องดื่มมีทุกประเภทพร้อมเสิร์ฟ แต่ที่พลาดไม่ได้คือค็อกเทลซิกเนเจอร์ต่างๆที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่โดยเฉพาะ
Kanom Chan Thai Desserts Bar
ร้านขนมไทยบนดาดฟ้าที่ไม่ได้มีดีแค่ขนมหวาน เพราะนอกจากบรรดาขนมไทยทำสดหลากเมนู เช่น ปลากริมไข่เต่า ขนมครก ทองม้วนสด ครองแครง ไอติมขนมไข่ ฯลฯ ยังมีอาหารคาวแบบไทยๆที่น่าลิ้มลองไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ยำแหนมข้าวทอด ผัดไทย หมูและเนื้อแดดเดียว ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน มั่นใจได้เลยว่าร้านไม่ใส่วัตถุกันเสียและผงชูรสทุกเมนู หากไปที่ร้านช่วงเวลาเย็นๆ สามารถเอ็นจอยกับคราฟต์เบียร์ไทยยาวไปจนถึงเที่ยงคืน ในบรรยากาศดาดฟ้าสบายๆ มองวิวย่านบางลำภูได้อย่างชัดเจน หากอยากนั่งโซนอินดอร์ก็สามารถทำได้ ภายในร้านตกแต่งสไตล์ไทยอย่างโดดเด่น โดยใช้ผ้าขาวม้า ไม้ไผ่ โอ่ง ไห กระติ๊บ หมอนขิด ฯลฯ ประดับโดยรอบ แต่ต้องขอเตือนไว้ก่อนว่า ร้านนี้ตั้งอยู่ชั้น 5 และไม่มีลิฟต์ อย่าลืมเตรียมตัวเดินขึ้นบันไดไปสู่มื้อขนมไทยรสอร่อยได้เลย
Octo Seafood Bar
ซีฟู้ดบาร์กลางกรุงขนาดกว่า 2,000 ตร.ม. ที่เรียกได้ว่าครบวงจร ภายในอาคารมีทั้งหมด 2 ชั้น ประกอบไปด้วยร้านต่างๆได้แก่ Happy Fish, โกดังทะเล , Cutts, Hidden Bar และ Gourmet ในบริเวณชั้น 1 ส่วนชั้นสองเป็นค็อกเทลบาร์อย่าง Dr. Fitch การตกแต่งเรียกได้ว่าดึงดูดสายตาตั้งแต่ระยะไกลเลยก็ว่าได้ เห็นได้จากรูปปั้นหมึกยักษ์ขนาดใหญ่สีเขียวฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ สิ่งที่ทำให้ Octo Seafood Bar แตกต่างจากที่อื่น คือความเชี่ยวชาญด้านอาหารทะเลโดยเฉพาะ มีโซน Live Seafood ที่เราสามารถเลือกวัตถุดิบได้เองแบบสดๆ นอกจากนี้ยังมีบาร์ขนาดยาว ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือไม่ก็ตาม ในทุกๆวันจะมีดีเจมาเล่นเพลงสร้างสีสันและบรรยากาศสนุกๆอีกด้วย
Ryn Speakeasy Bar
อีกหนึ่งบาร์ไอเดียแหวกแนวที่น่าสนใจ Ryn Speakeasy Bar ไม่ได้เสิร์ฟแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะคราฟต์สปิริตเป็นแก้วอย่างที่เราคุ้นเคย แต่เสิร์ฟเป็นสกู้ปไอศกรีม และเพิ่มกิมมิกด้วยการจับคู่แอลกอฮอล์กับไอศกรีมที่เข้ากันอย่างลงตัว ถึงแม้หน้าตาจะดูหวานอร่อยเฉกเช่นไอศกรีมทั่วไป แต่ถ้าได้ลองตักชิมเพียงหนึ่งคำก็สามารถรับรู้ได้ทันทีเลยว่า รสชาติไม่เบาเหมือนหน้าตา เพราะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เต็มๆนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมค็อกเทลและคราฟต์สปิริตจากหลายแบรนด์ทั่วโลกที่จะทำให้เราหันมาให้ความสำคัญกับชนิดของแอลกอฮอล์ และพิถีพิถันกับการดื่มมากขึ้น การตกแต่งร้านภายนอกดูน่ารักและสดใสราวกับเป็นคาเฟ่ทั่วไป แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นสปีกอีซี่บาร์ที่ถูกความน่ารักพรางไว้ เมื่อตะวันลับฟ้า บาร์สุดน่ารักก็เปิดไฟนีออนสีชมพูที่ทำให้ดูเท่และมีสไสตล์แตกต่างจากตอนกลางวันอย่างชัดเจน
Alexander’s German Eatery
ร้านอาหารเยอรมันที่ตั้งใจแสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นแบบบ้าน พื้นที่ภายในร้านแบ่งเป็นโซนอินดอร์และเอาท์ดอร์ ที่ตกแต่งแตกต่างกันไป เราสามารถเลือกได้ว่าอยากนั่งทานอาหารในบรรยากาศแบบไหน ได้แก่ Bavarian Beer Garden ด้านนอกที่ประดับประดาด้วยไฟให้ความรู้สึกสบายๆ Knight’s Bar สำหรับเอ็นจอยกับอาหารประเภทโคลคัทส์และชีส Prussian Corner มีบรรยากาศแบบร่วมสมัยที่แฝงความบ้านแบบรัสติกไว้ และ Fireplace Room เป็นโต๊ะทานอาหารที่จัดวางไว้เป็นอย่างดี พนักงานทุกคนในร้านให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง วัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารล้วนนำเข้าจากประเทศเยอรมนีโดยตรง จึงมั่นใจได้ว่าคุณภาพ และรสชาติอาหารเป็นตำรับเยอรมันไม่ผิดเพี้ยน
Beans
จากร้านเอสโค่บาร์ (Escobar) คลับชื่อดังย่านเอกมัย-ทองหล่อที่พวกเรารู้จักกันดี ได้เปลี่ยนโฉมเป็น Beans ไนต์คลับเต็มรูปแบบที่สาวกเพลงฮิปฮอป และอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องชื่นชอบ เพราะ ในแต่ละวันจะมีดีเจสลับมามิกซ์เพลงมันๆให้เราได้โยกตามตลอดทั้งคืน จุดเด่นของร้านคือ แสงสีเสียงที่ดีไซน์ออกมาได้อย่างสวยงาม ช่วยสร้างบรรยากาศการสังสรรค์ให้สนุกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการจัดอีเว้นท์เป็นประจำ ให้เราได้ปาร์ตี้ตามธีมต่างๆอย่างไม่ซ้ำ เช่นฮิปฮอป และเพลงยุค 90’s
Rewind Bar
บาร์ย่านทองหล่อแห่งใหม่แห่งนี้ จะเป็นตัวช่วยให้เราทุกคนได้หวนกลับไปยังยุคที่มีเสน่ห์ล้นเหลืออย่างยุค 90’s เป็นยุคที่หลายๆคนเติบโตมาพร้อมฟังเพลงจากเทปคาสเซ็ต ใช้เพจเจอร์ และเล่นเกมบอย ซึ่ง Rewind Bar เตรียมเพลย์ลิสต์ยอดฮิตทั้งไทยและสากลของยุคนั้นมาเปิดสร้างบรรยากาศเก่าๆ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถร้องตามได้ ตัวร้านตกแต่งได้อย่างมีเอกลักษณ์ ตั้งแต่การใช้อิฐบล็อก เฟอร์นิเจอร์ไม้และหนังที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคเล็กๆ ส่วนเมนูเครื่องดื่มมีทุกประเภทพร้อมเสิร์ฟ ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ ไวน์ คลาสสิกค็อกเทล ฯลฯ แต่ที่น่าสนใจคือบรรดาค็อกเทลที่สร้างสรรค์และตั้งชื่อขึ้นตามปุ่มบนรีโมท เช่น Fast Forward, Play หรือ Pause ซึ่งเป็นกิมมิกเล็กๆที่ดึงความสนใจได้เป็นอย่างดี
Fake Illusion
แหล่งแฮงเอาท์ครบวงจรแห่งนี้สามารถตอบโจทย์สไตล์การฟังเพลงของแต่ละคนที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดี เพราะในร้านแบ่งเป็น 2 โซนเพลง ได้แก่ Chill Zone บริเวณที่นั่งเอาท์ดอร์ มีวงดนตรีสดและศิลปินหมุนเวียนมาเล่นเพลงเพราะๆ ตั้งแต่เพลงฟังสบาย จนถึงแนวร็อก เป็นประจำทุกวัน และ EDM Zone อินดอร์มีดีเจคอยมิกซ์เพลงอีดีเอ็มมันๆให้ได้เต้นกันตลอดทั้งคืน พร้อมแสง สี เสียงสร้างสีสันและความสนุกให้ทุกคนเต็มที่ นอกจากนี้ยังมี Exclusive Zone ห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวที่สามารถสังสรรค์พร้อมบรรยากาศสบายๆของโซนด้านนอกได้พร้อมๆกัน ผ่านกระจกใสที่ติดไว้รอบห้อง หากใครอยากเที่ยวคุ้มๆก็สามารถติดตามโปรโมชั่นที่ Fake Illusion มักทำขึ้นเป็นประจำทุกเดือนได้