Bliss Ekkamai แหล่งดื่ม แดนซ์ ฟังเพลง เที่ยว สุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ถ้าชื่นชอบความสนุกจากการฟังดนตรีสดแนววาไรตี้ ไทย-สากล ตั้งแต่ยุค 90 จนถึงเพลงฮิตในปัจจุบันที่ร้านนั่งชิลล่ะก็… ห้ามพลาด!
มีตึกหนึ่งในย่านเอกมัยที่อัดแน่นไปด้วยความบันเทิงทุกชั้นตั้งแต่ชั้นแรกถึงรูฟท็อป เพราะเป็นที่ตั้งของแหล่งแฮงเอาต์ใหม่สุดชิลถึง 2 ร้านด้วยกัน ได้แก่ Bliss Ekkamai (ชั้น 1-2) และ Abovestone(ชั้น 3-4)
Bliss Ekkamai เป็นบาร์ที่มีบรรยากาศกึ่งผับ ซึ่งนำเสนอมู้ดปาร์ตี้ผ่านการดีไซน์ร้านและเอนเตอร์เทนเมนต์ ที่พร้อมเสิร์ฟความสนุกเป็นประจำทุกวัน โดยสถานที่แห่งนี้ เกิดจากความตั้งใจของทีมหุ้นส่วนที่อยากให้ขาเที่ยวได้มีตัวเลือกสำหรับสังสรรค์อีกแห่ง ที่มอบค่ำคืนแบบเอ็กซ์คลูซีฟให้ ผ่านการคัดเลือกวงดนตรีและดีเจมากฝีมือ อาหาร-เครื่องดื่มคุณภาพ รวมถึงการบริการเฉกเช่นโรงแรมห้าดาวสุดหรู
แม้คอนเซ็ปต์ร้านตั้งใจจะเป็นบาร์สำหรับปาร์ตี้สบายๆ แต่มีการตกแต่งในสไตล์อันเดอร์กราวด์คลับ ที่ใช้ไฟนีออนหลากสีสัน ตัดกับโทนสีร้านที่เป็นสีดำล้วน พื้นที่ร้านทั้งสองชั้นถูกคั่นด้วยหนึ่งชั้นลอยซึ่งแปลงเป็นเวทีคอนเสิร์ต หมายความว่าไม่ว่าคุณจะนั่งอยู่บริเวณใดของร้าน ก็ยังสามารถชมดนตรีสดได้อย่างถนัดตา
จุดเด่นของที่นี่คือเอนเตอร์เทนเมนต์ที่หลากหลาย มีทั้งวงดนตรีสดฟูลแบนด์และดีเจพร้อมมอบความสนุกเป็นประจำทุกวัน โดยดนตรีสดจะเน้นเพลงวาไรตี้ เพลงไทย เพลงสากล ตั้งแต่ยุค 90 จนถึงเพลงฮิตในปัจจุบัน ความพิเศษคือนักร้องและนักดนตรีจะลงมาจอยกับลูกค้า ร่วมสร้างสีสันให้กับค่ำคืน มีวันละ 2 วงด้วยกัน เวลา 21.00 - 22.30 และ 23.00 - 00.30 น. จากนั้นเป็นต้นไป ทุกคนจะได้แดนซ์ไปกับเพลงมันๆ จากดีเจในแนว Hip-Hop, R&B และ Twerk กระทั่งจบคืนเลยทีเดียว
ที่ Bliss Ekkamai เสิร์ฟอาหารประเภททานเล่นและกับแกล้มเป็นหลัก อาทิ นักเก็ต แหนมเอ็นข้อไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ ปีกไก่ทอด แต่สำหรับใครที่ท้องว่างอยู่ ทางร้านมีเมนูอาหารจานเดียวที่เราคุ้นชินอย่างข้าวผัดกระเพราพร้อมให้บริการเช่นกัน
เราได้ลอง ข้าวกะเพราไข่ออนเซ็นเนื้อ (180 บาท) จัดจานเป็นวงกลมได้อย่างน่าทาน โดยเนื้อสับผัดกะเพรามีรสเข้มข้นแต่ไม่เผ็ดมากจนเกินไป โรยด้วยใบกะเพราทอด และไข่ลวกออนท็อป เมนูต่อมาคือ ปูอัดทอด (120 บาท) และ ไก่ป๊อป (160 บาท) ทั้งสองเมนูถูกนำไปทอดจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟคู่น้ำจิ้มไก่ที่เข้ากันพอดี
สำหรับเมนูเครื่องดื่ม ทางร้านมีให้บริการครบถ้วนไม่ว่าคุณจะชอบหนักหรือเบา อาทิ ไวน์นานาชนิด แชมเปญ เหล้าสปิริต เบียร์ ม็อกเทล ค็อกเทล และอีกมากมาย ส่วนซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่คิดขึ้นมาใหม่นั้น จะเน้นประเภทฟรุตตี้ หรือมีกลิ่นหอมของดอกไม้เป็นส่วนใหญ่ ที่มีหน้าตาน่าดื่มเป็นอย่างมาก
แก้วแรกเป็นเครื่องดื่มสีแดงม่วง Blushing Blondle (330 บาท) ใช้เบสเป็นวอดก้า ผสมกับน้ำแครนเบอร์รีและราสเบอร์รี ตกแต่งด้วยใบโหระพาและเชอร์รีเชื่อม
Sun Flower (330 บาท) ค็อกเทลสีเหลืองสด เบสเป็นวอดก้าเช่นกัน ผสมกับน้ำมะม่วง แต่งกลิ่นดอกไม้ จึงมีความหอม พร้อมรสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่น ส่วนแก้วสุดท้ายชื่อว่า Blue Frose (750 บาท) เป็นค็อกเทลไซส์ยักษ์ เหมาะสำหรับดื่ม 3-4 คน เบสคือวอดก้ารสพีช ผสมบลูคูราโซ่ไซรัป ท็อปปิ้งด้วยผลไม้และขนมต่างๆ อย่างเชอร์รีเชื่อม ส้ม เยลลี่ มาร์ชเมลโล่ และลูกอม
ในคืนวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ลองชวนแก๊งเพื่อนไปรับประสบการณ์กิน ดื่ม เที่ยว และแฮงเอาต์ในบรรยากาศสบายๆ พร้อมเอนเตอร์เทนเมนต์ที่หลากหลาย ทั้งดนตรีสดแนววาไรตี้ ไทย-สากล และดีเจฮิปฮอป อาร์แอนด์ฟังเพลิน ณ ร้าน Bliss Ekkamai ระหว่างซอยเอกมัย 12-14 ได้ทุกวัน เวลา 18.00 - 00.00 น.