5 Senses Thailand Festival 2019 เทศกาลดนตรีเฮาส์และเทคโนบนเกาะพะงันที่ปาร์ตี้ได้เต็มอิ่มถึง 5 วัน!
จะมีสิ่งใดสามารถเติมเต็มประสบการณ์ทางดนตรีใหม่ๆ ให้เราได้อย่างเสียงเพลง งานศิลปะ และธรรมชาติอันงดงามที่ 5 Senses Thailand Festival 2019 ผสานทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน และนำเสนอออกมาเป็นมิวสิกเฟสติวัลริมชายหาดซึ่งกำลังจะจัดขึ้นเป็นปีที่สองในวันพฤหัสบดีถึงคืนวันจันทร์ที่ 14-18 กุมภาพันธ์ 2562 ให้เราได้เต็มอิ่มกับเทศกาลดนตรีความยาว 5 วันเต็ม ดื่มด่ำไปกับเพลงเฮาส์และเทคโนสนุกๆ ในบรรยากาศแบบทรอปิคอลที่รายล้อมไปด้วยหาดทรายขาว น้ำทะเลสีคราม ทิวเขาและต้นไม้ที่เรียงราย และน้ำตกบนโขดหินสีน้ำตาล ณ อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ บนเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 26,000 ไร่ โดยทัศนียภาพที่จะได้ชมอย่างเต็มสองตา คือที่ราบหุบเขาและอ่าวต่างๆ รอบเกาะ รายล้อมด้วยพืชพรรณที่อุดมสมบูรณ์ (ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นสัตว์ป่าหายากด้วยก็ได้!) ที่ไม่ได้สามารถหาได้จากในกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน
เหล่าเฮดไลน์เนอร์ชื่อดัง รวมศิลปินและดีเจนานาชาติกว่า 50 ชีวิตที่จะมาทำให้ภายในงานอบอวลไปด้วยเพลงอิเล็กทรอนิกส์เข้ากับบรรยากาศริมทะเล จะร่วมโชว์บน 3 เวทีใหญ่กับ Bombface Floor, Thrive Floor และ Breakfast Floor โดยดีไซน์และตกแต่งใหม่อย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมระบบเสียงที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ซึ่งแต่ละเวทีก็จะมีทัศนียภาพและบรรยากาศที่แตกต่างกันไป โดยเวทีหนึ่งมีแดนซ์ฟลอร์พร้อมภาพพาโนราม่าของท้องทะเลเป็นฉากหลัง หนึ่งเวทีตั้งอยู่ในป่าที่แวดล้อมไปด้วยพืชพรรณไม้ และอีกหนึ่งเวทีมาพร้อมภาพพาโนราม่าของภูเขาที่งดงาม ที่พิเศษคือด้านหน้าของสองเวทีเป็นทิศตะวันออก จึงเตรียมตัวพบกับวิวพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าท่ามกลางทะเลและภูเขาได้อย่างเต็มตา
ซึ่งเฮดไลน์เนอร์ที่ไม่ควรพลาดได้แก่ Behrouz จากไมอามี่ สหรัฐอเมริกา สไตล์เพลงของเขาเป็นการผสมผสานระหว่างดีพเฮาส์และทรานซ์ที่มีเรื่องราว ซึ่งความโดดเด่นนั้นเองที่เปิดโอกาสให้เขาได้ร่วมงานกับดีเจโปรดของหลายๆ คนอย่าง Danny Tenaglia, Deep Dish, John Digweed และ Paul Oakenfold
สมทบด้วย Francesca Lombardo โปรดิวเซอร์และดีเจสาวชาวอิตาลีจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ประสบการณ์ด้านการเล่นเปียโนและร้องเพลงโอเปร่าของเธอ ทำให้ดนตรีเทคโนของเธอมีเอกลักษณ์ และได้แสดงฝีมือในเทศกาล Burning Man festival มาแล้ว
มีดีเจผู้มากประสบการณ์จากเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีอย่าง Thomas Schumacher, ดีเจดูโอ้จากอิตาลี Supernova, Miyagi ที่พวกเขาแสดงฝีมือมาแล้วในหลายประเทศทั้ง ชิคาโก, เบอร์ลิน, ลอนดอน, เกาหลีใต้ นิวยอร์ก ปารีส ฯลฯ Graham Gold ดีเจและโปรดิวเซอร์รุ่นใหญ่จากลอนดอน ที่ติดอันดับในโพล DJ MAG TOP 100 ยาวนานถึง 8 ปี รวมถึง Dirrty Dishes, Davide, Silky Thunder, James Trystan, Jan Golly, Angelica Di Majo, Bank, Katy De Jesus, Justin Ramsey Rosa, Luxemberg, Daf, Cr0e & Grey, MakZem และอีกมากมายที่พร้อมจะมาสร้างสีสันในงานตลอดระยะเวลา 5 วัน
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเวทีเล็กที่ดูแลโดยผู้จัดปาร์ตี้ที่มีชื่อเสียงจากเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียอย่าง The Sound Project ที่จะมอบบรรยากาศความสนุกด้วยเพลงอันเดอร์กราวด์เฮาส์และเทคโนตามสไตล์ออสซี่ที่น่าสนใจ
เทศกาลดนตรีครั้งนี้จะถูกเติมเต็มด้วยงานศิลปะเจ๋งๆ หลายชิ้น โซนกิจกรรมให้เราเข้าร่วมเวิร์กช็อป และบูทอาหารเมนูต่างๆ ให้ทุกคนได้อิ่มท้องและอิ่มใจไปพร้อมกัน ที่สำคัญคือ การจับจ่ายภายในงานเป็นระบบไร้เงินสด ซึ่งใช้ริสแบนด์ในการซื้ออาหารและเครื่องดื่มทั้งหมด จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการพกเงินสด และการจ่ายเงิน-ทอนเงินที่ใช้เวลามากกว่า ไม่เพียงเท่านี้ เพราะยังมีทีมรักษาความปลอดภัยที่เตรียมสอดส่องดูแลความเรียบร้อยภายในงานตลอดเวลา
ประสบการณ์ที่ทุกคนจะได้รับในเฟสติวัลนี้ ถูกคิดและออกแบบโดยทีมโปรดักชั่นที่ผ่านการสร้างสรรค์ปาร์ตี้และเทศกาลดนตรีในหลายประเทศมาแล้ว ทั้งในประเทศเยอรมนี โปแลนด์ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เพราะฉะนั้น 5 Senses Thailand Festival 2019 จะเป็นการผสมผสานกลิ่นอายของการจัดงานในแบบตะวันตกอย่างที่ทีมเชี่ยวชาญ เข้ากับบรรยากาศสบายๆ ของไทย ซึ่งสามารถมอบความรู้สึกของการเที่ยวเฟสติวัลแบบใหม่ให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้อย่างไม่เหมือนใคร และได้รับการสนับสนุนจากสื่อผู้คร่ำหวอดในวงการอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์มิวสิกอย่าง Mixmag และ MrAfterParty ที่ร่วมการันตีความสนุกของงานครั้งนี้
หากต้องการชมวิวพระอาทิตย์ฝั่งชายหาด และพระอาทิตย์ตกฝั่งภูเขา ในขณะที่กำลังเพลิดเพลินไปกับเซ็ตเพลงจากดีเจนานาชาติ ปลุกประสาทสัมผัสทั้ง 5 และปล่อยตัวเองไปกับบรรยากาศที่หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 สัปดาห์เต็ม เทศกาลดนตรีนี้คือคำตอบ สามารถซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้ โดยบัตรเข้างาน 1 วัน ราคา 1,500 บาท (ซื้อได้ที่หน้างาน) บัตรเข้างาน 5 วัน ราคา 3,700 บาท บัตรวีไอพี ราคา 10,100 บาท ที่สามารถเข้าหลังเวทีได้ พร้อมบาร์ เลาจน์ และพื้นที่เต้นส่วนตัวสุดกว้างขวาง หากซื้อบัตรพรีเซลจะได้รับส่วนลดถึง 30 เปอร์เซ็นจากราคาปกติเลยทีเดียว
สามารถติดตามข้อมูลและรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทางเฟสบุ๊กเพจ และอย่าลืมเตรียมตัวไปสนุกพร้อมกันในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ตั้งแต่เวลาเที่ยงตรง ยาวไปจนถึงเวลาตีหนึ่งในคืนวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้!