‘พี่หมีเฟสติวัลมอนสเตอร์’ ชายหนุ่มผู้ไม่อยากหยุดอยู่แค่คนใส่ชุดหมีไปเที่ยว
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่โปรดปรานการไปเทศกาลดนตรีต่างๆ เรามั่นใจว่าคุณจะต้องเคยเห็นเพื่อนร่วมปาร์ตี้บุคคลหนึ่งที่มักใส่ชุดหมี (บ้างก็สีน้ำตาล บ้างก็สีเขียว บ้างก็สีขาว!) พร้อมแว่นกันแดดปกปิดดวงตา เดินผ่านไปผ่านมาและเต้นอย่างสนุกสนานอยู่หน้าเวที พลางถามคำถามหนึ่งในใจว่า “ไม่ร้อนเหรอ?”
Siam2nite จึงชวนชายผู้นี้ ‘กั้ม-กิตติศักดิ์ อัมพรวิวัฒน์’ หรือเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘พี่หมีเฟสติวัลมอนสเตอร์’ มานั่งพูดคุยทำความรู้จักตัวตนของเขาให้มากขึ้น และหลังจากบทสนทนาครั้งนั้นก็ทำให้เราได้รู้ว่า ‘พี่หมี’ ไม่ได้เป็นเพียงแค่คนแต่งคอสตูมหมีมาเที่ยวงานเฟสติวัลอย่างที่หลายคนเข้าใจ
และจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้สวมใส่ชุดหมีครั้งแรก ไม่ใช่งานดนตรีอีดีเอ็มอย่างที่เราเคยคิดไว้ แต่เป็นงานดนตรีเพลงป็อป-ร็อกของไทยอย่าง Big Mountain Music Festival ที่เขาใหญ่เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว
“ตอนนั้นไปร่วมทำเต็นท์ชื่อไหล่ปลาหมึก กลุ่มน้องๆ ก็เอาชุดไปแต่งกัน มีชุดหนึ่งที่เวิร์กมากคือชุดหมีขนฟูฟ่องและหนามาก ด้วยใจที่เป็นผู้นำอยากจะพาน้องๆ ไปสนุก เราก็คว้ามาใส่เลย แล้วสภาพอากาศตอนนั้นร้อนมาก จะเป็นลม(หัวเราะ) แต่ไม่เป็นไร มีสปิริต เราก็วิ่งนำไป ไปละลายพฤติกรรมน้องๆ ให้เห็นว่าเราลุยนะ น้องก็ตาม หลังจากนั้นก็เริ่มรู้สึกว่า การใส่ชุดมันเหมือนอวตาร เป็นอีกร่างหนึ่ง อีกโลกหนึ่ง ซึ่งสนุกและเฮฮามาก เลยเริ่มอยากใส่ชุดแบบนี้ไปเที่ยวตามงานต่างๆ”
ซึ่งความชอบในดนตรีป็อป-ร็อก เพลงไทยทั่วไปในตอนแรกของกั้ม เปลี่ยนมาเป็นเพลงอีดีเอ็มก็เพราะ Big Mountain เช่นกัน
“ปีหนึ่งมีเวทีหมี By T.E.D. ของโดม ปกรณ์ ลัม เขาทำเป็นอีดีเอ็มหลายสไตล์ เปิดโลกมาก ก่อนหน้านี้เราไม่ชอบเพลงตื้ดเลย แต่พอลองมาฟังจริงๆ เราก็รู้สึกว่ามันใช่และน่าศึกษา เพราะอีดีเอ็มมันเป็นจุดเริ่มต้นไปยังสายต่างๆ แนวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Trap, Trance, Dubstep, Hard Style แล้วเรารู้สึกว่าสนุก ไปทางนี้ดีกว่า”
ชุดหมีชุดแรกเป็นยังไง เล่าเรื่องราวให้ฟังหน่อยได้มั้ย
“พอเราเริ่มรู้สึกว่าการใส่ชุดไปเที่ยวเป็นอะไรที่ท้าทาย ก็วิ่งเข้าไปที่บริษัทเจเอสแอล (ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์) เลยครับ ไปขอเช่า ประมาณวันละ 700-1,000 บาท พอเราเช่าไม่ไหวแล้วก็เลยอยากขอซื้อ แต่พี่ที่เป็นคอสตูมที่นั่นบอกว่าขายให้ไม่ได้ เลยแนะนำให้เราไปตัดเอง เราก็ลุยเลยครับ ไปพาหุรัด ซื้อผ้ามาทำแบบ แล้วค่อยๆ จ้างคนอื่นเย็บ ปรับแบบไปเรื่อยๆ
ลุยงานแรกคือ Arcadia แมงมุมยักษ์ที่มาเมืองไทยครั้งแรก ผลเป็นไงเหรอครับ…เป็นลมสิครับ! ยิงไฟเยอะมาก เรารู้เลยว่าถ้าทำชุดนี้สองชั้นคือไม่ไหว…ตาย เราก็ปรับแต่งชุดไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ตัดเอง เย็บเอง แก้แบบเอง แล้วก็ลุยตามงานเฟสติวัลต่างๆ”
ครั้งแรกที่ใส่ชุดหมี ได้ผลตอบรับยังไงบ้าง คนในงานให้ความสนใจมากน้อยขนาดไหน
“ในสายตาของคนอื่นก็เฮ้ย! ทนได้ไง ร้อนขนาดนี้ ขนาดเขายังต้องถอดเสื้อเลย แล้วไอนี่ทำได้ไง? ครับ…ยอมรับครับ ต้องบ้าและใจรักเท่านั้นครับ แต่ที่สะเทือนใจคือ คนอื่นเรียกเราว่าพี่หมา ผมอยากบอกว่า หมีเถอะครับ… จะเรียกผมแกะหรือกระต่ายก็ว่าไป แต่ว่าหมีเถอะครับ หมาไม่เวิร์ก (หัวเราะ)”
ในอนาคตเราจะได้เห็น ‘พี่หมีเรนโบว์หรือพี่หมีเรืองแสง’ ตามงานเฟสติวัลบ้างมั้ย
“ในอนาคตหวังว่าจะติดพัดลม ใส่ไฟ ยิงแสงได้ แล้วก็ติดแอร์ แต่กลัวอย่างเดียวครับ…กลัวไฟไหม้ ไฟฟ้าลัดวงจร (หัวเราะ) แต่จะต้องอัพเกรดขึ้นแน่นอนครับ ขนาดหมวกของ Marshmello ยังมีติดแอร์ในตัวเลย”
หลังจากงาน Big Mountain ครั้งนั้น เพราะอะไรถึงตัดสินใจใส่คอสตูมหมีไปมิวสิกเฟสติวัลต่อ และทำไมถึงเลือก ‘หมี’ เป็นตัวแทนของเรา
“เราอยากเป็นตัวของเราที่ไม่ใช่ตัวของเรา และอยากให้มองเราเป็นคนของทุกคนครับ พี่หมีไม่ใช่สถานที่ ไม่ใช่บุคคล แต่คือผู้คนครับ
ส่วนต้นความคิดที่เลือกหมีคือ เด็กวัยหมี เป็นวัยเรียนรู้ พี่หมีเข้ามาในวงการนี้แบบไม่รู้อะไรเลย แต่มาเพื่อเรียนรู้ เวลาพี่หมีเข้าไปงาน จะดูและศึกษา เช่น ใช้เครื่องเสียงอะไร งานนี้ใช้แสงนี่ Lightsource นะ การจัดการ การขายตั๋วเป็นยังไง มีอุปสรรคอะไร ทำไมถึงต่อคิวยาว ผู้จัดคนไหน เวทีเป็นยังไง พี่หมีคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกอย่าง แต่มาเพื่อรู้เพิ่ม อีกข้อคือตุ๊กตาที่จะซื้อให้เด็กไปกอดตัวแรก คนก็ต้องนึกถึงหมี ซึ่งเด็กก็ไม่ตะขิดตะขวงที่จะกอด เลยอยากให้ทุกคนมารู้ด้วยกัน มาเจอประสบการณ์ใหม่ เพื่อนใหม่ แล้วมาสร้างความประทับใจใหม่ๆ กันครับ”
เคยคิดมาก่อนมั้ยว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะเปลี่ยนให้คุณกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์หนึ่งผู้เป็นเจ้าของโควท ‘งานไหนมีพี่หมี งานนี้ดีแน่นอน’ ที่ขาเที่ยวและผู้จัดเฟสติวัลทั้งหลายจะคอยติดตามตลอด
"ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ความบังเอิญครับแต่คิดไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว เราต้องการมาอยู่จุดนี้ ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง ไม่เช่นนั้นก็จะหยุดอยู่แค่คนใส่ชุดหมีไปเที่ยว จริงๆ แล้วพี่หมีต้องการเป็นสื่อกลางที่คอยสนับสนุน โปรโมท ช่วยเหลือให้เกิดเฟสติวัลดีๆ ขึ้น”
จุดไหนที่ทำให้รู้สึกว่าเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว
“อยากให้มากขึ้นกว่านี้นะ ถึงจุดที่ทุกคนเข้าใจความคิดของเราว่าพี่มาเป็นหมีเพื่ออะไร”
แต่เราคิดว่าในตอนนี้ หลายคนก็ยังไม่เข้าใจว่าคุณมาเป็นพี่หมีเพื่ออะไร
“นั่นแหละครับ ประสบความสำเร็จแล้ว ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องเข้าใจครับ ขอแค่ว่ามาเจอพี่หมี มาทักทาย มาเต้นด้วยกันพอแล้วครับ ทำให้มันยากแล้วบอกว่าลืมมันซะ แล้วไปด้วยกันดีกว่า”
ข้อดีของการเป็นพี่หมี เฟสติวัลมอนสเตอร์คืออะไร
“ได้เจอคนมากขึ้น มีเพื่อนมากขึ้น มีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นครับ เราสามารถเป็นสื่อกลาง เป็นกาวเชื่อมใจของกลุ่มสองกลุ่ม รวมกันเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น แล้วสนุกมากขึ้น มันรู้สึกดีมากเลยนะเวลาทำ”
ฝากอะไรถึงคนอยากแต่งคอสตูมไปเที่ยวแต่ยังเขินอายหรือไม่กล้าทำแบบคุณบ้าง
“ไม่จำเป็นต้องเป็นหมีครับ แค่เป็นตัวของคุณที่อยากจะเป็นก็พอแล้ว เดี๋ยวคุณจะรู้เองว่ามันใช่หรือไม่ใช่ ความเขินหรือความไม่กล้าเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวข้าม เขินดีแล้วครับ ไม่กล้าดีแล้วครับ แล้วลองพิจารณาดูว่า ทำไมเราต้องเขินล่ะ ทำไมเราต้องไม่กล้าล่ะ แต่ลองหยุดความเขินความไม่กล้านั้นไว้สักวัน แล้วลองให้เต็มที่ แล้วคุณค่อยกลับมาคิดว่า คุณได้อะไร ได้ในสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าได้และรู้สึกดีมากเลย ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะได้มากกว่านั้นขึ้นเรื่อยๆ ครับ”