รวม 20 ร้านอาหาร บาร์ และคลับเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ ช่วงควอเตอร์แรกปี 2018
ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมจนถึงขึ้นไตรมาสแรกของปี 2561 (มกราคม-มีนาคม) ก็มีร้านเปิดใหม่มากมาย ที่อ้าแขนรอต้อนรับลูกค้าอย่างเราๆให้ลองไปเปิดประสบการณ์ ณ สถานที่เหล่านั้นดูสักครั้ง
เราจึงรวบรวมร้านอาหาร บาร์ และคลับที่พึ่งเปิดให้บริการสดๆร้อนๆจำนวน 20 ร้านทั่วกรุงเทพฯ ให้คุณได้ลองไปใช้เวลายามว่างตอนค่ำนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ฟังเพลงเพราะๆ หรือมีมื้ออาหารอันแสนอร่อยกับคนใกล้ชิดของคุณ
เราเชื่อว่าต้องมีสักร้านที่เข้าตา…จนคุณต้องชวนเพื่อนไปซ้ำอีกหลายรอบอย่างแน่นอน
Pirate Arena
จาก Seenspace ได้ปรับโฉมมาเป็นเรือโจรสลัดกลางทองหล่ออย่าง Pirate Arena เป็นแหล่งกิน ดื่ม เที่ยวที่ใหม่จำนวน 3 ขั้น บรรยากาศของร้านในแต่ละชั้นจะมอบประสบการณ์ดีๆให้กับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนของคุณได้ ชั้นแรกคือ Pirate Saloon เบียร์และวิสกี้บาร์ที่ตกแต่งราวกับกำลังนั่งอยู่กลางมหาสมุทรใต้ท้องเรือ มีอาหารและเครื่องดื่มรสชาติดีสารพัดเมนูให้เลือกทาน ชั้น 2 เป็น Pirate Bazaar ที่จะมีโซนอาหารและร้านไวน์พร้อมดนตรีแจ๊สเพราะๆ ส่วนชั้น 3 คือ Fallabella Luxe ที่เที่ยวในตำนานที่กลับมามอบความสนุกและสีสันในยามค่ำคืนให้ทุกคนอีกครั้ง ต้องลองสัมผัสความพิถีพิถันของการปรุงและจัดอาหาร รวมถึงความสร้างสรรค์ของเมนูค็อกเทลและเครื่องดื่มต่างๆด้วยตัวเองสักครั้ง
Pink Flamingo by Prelude
ค็อกเทลบาร์แห่งนี้ซ่อนตัวอยู่หลังร้านอาหาร Prelude การตกแต่งภายในร้านเป็นธีมเรโทรยุค 80’s ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกิจกรรมและดนตรีในสมัยนั้น มีนกฟลามิงโกสีชมพูแสนน่ารักรายล้อมไปทั่วร้าน ให้บรรยากาศราวเป็นเป็นทรอปิคอลบาร์ใจกลางทองหล่อเลยก็ว่าได้ สำหรับเมนูค็อกเทล คิดค้นและสร้างสรรค์โดยหัวหน้าบาร์เทนเดอร์จากสถาบัน Culinary Institute of America (CIA) ซึ่งถ่ายทอดออกมาเป็นเครื่องดื่มที่น่าสนใจทั้งรสชาติและหน้าตา เช่น Angel Pink (350 บาท) ที่มีส่วนผสมของจิน ไซรัปดอกเอลเดอร์ และชิโซะแดง Mystery Box (350 บาท) ค็อกเทลตามใจบาร์เทนเดอร์ ซึ่งถ้าใครอยากลุ้นว่าบาร์เทนเดอร์จะเลือกเครื่องดื่มชนิดไหนให้เรา เมนูนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย
Koi Restaurant & Lounge
ร้านอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นบนชั้น 39 อาคาร Sathorn Square แห่งนี้เป็นสาขาที่ 2 ในประเทศไทย โดย Koi เป็นที่กล่าวขานมาอย่างยาวนานในระดับโลก มีสาขามากมายทั้ง ลาสเวกัส ลอสแอนเจลิส นิวยอร์ก อาบูดาบี และประเทศไทย ด้วยเหตุผลที่อาหารและเครื่องดื่มสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความพิถีพิถันจากวัตถุดิบชั้นเลิศ ภายในร้านแบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่ ห้องอาหาร และ เลานจ์ ตกแต่งอย่างทันสมัย ด้านในร้านมีมุมกระจกที่สามารถเห็นวิวกรุงเทพได้อย่างถนัดตา นอกจากนี้ยังมีเพลงแจ๊สเล่นคลอเพื่อสร้างบรรยากาศดีๆ อีกด้วย
ABar & ABar Rooftop
บาร์ทั้งสองแห่งนี้ให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน โดย ABar เป็นอินดอร์บาร์ที่ตกแต่งในสไตล์เรโทรเท่ๆ ผสมผสานระหว่างยุควิกตอเรียและช่วงยุค 30’s ด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มเป็นหลัก มีระเบียงที่สามารถออกไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ชมวิวของสวนเบญจสิริได้ ส่วน ABar Rooftop ตกแต่งออกมาในลักษณะโมเดิร์นและสบายๆมากกว่า ความพิเศษของบาร์บนดาดฟ้าโรงแรมแห่งนี้เป็นบาร์จิน ที่มีมากกว่า 55 ชนิด ซึ่งแต่ละเมนูผ่านการคิดและทดลองสูตรมาแล้ว เมนูซิกเนเจอร์ของที่ร้านคือ G&T No.3 (425 บาท) มีส่วนผสมของจิน Martin Miller และโทนิก Fever-Tree Mediterranean ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ทานได้นานาชนิดที่ จึงมั่นใจได้ว่ารสชาติค็อกเทลอร่อยๆ และบรรยากาศเมืองกรุงสวยๆ จะทำให้มีค่ำคืนที่ดี
Asia Today
บาร์แห่งนี้เกิดขึ้นจากทีมผู้ก่อตั้ง บาร์ Teen of Thailand ที่ต้องการเน้นความสำคัญของวัตถุดิบที่ใช้ในเครื่องดื่มเมนูต่างๆ โดยใช้น้ำผึ้ง สมุนไพร ฯลฯ จากท้องถิ่น ที่ทีมเจ้าของเดินทางไปหามาด้วยตนเองทั้งสิ้น ทำให้เมนูเครื่องดื่มจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังมีค็อกเทลพื้นฐานที่สามารถไปชิมได้อยู่เรื่อยๆ เมนูค็อกเทลส่วนใหญ่ใช้รัมเป็นเบส และตั้งชื่อตามวัตถุดิบหลักที่ใช้ เช่น ใบหูเสือ (360 บาท) หรือ Wild Honey Khao Yai (360 บาท) หากได้คุยกับบาร์เทนเดอร์เรื่องเครื่องดื่มนานาชนิดที่คุณสั่ง จะได้ทราบเรื่องราวของวัตถุดิบเบื้องหลังอันน่าสนใจอย่างแน่นอน
Drink Bar & Pool Club at Pooltime Cafe
กลางวันเป็นแร็กคูนคาเฟ่สุดน่ารัก แต่เมื่อตะวันตกดินจะกลายเป็นบาร์ธีมปาร์ตี้ริมสระน้ำ มีการตกแต่งร้านด้วยไฟนีออนหลากสีที่ทำให้บรรยากาศโดยรวมดูมีสไตล์และเท่มากขึ้น สำหรับเมนูอาหารและเครื่องดื่มจะแตกต่างจากเวลากลางวัน เช่น Whirlpool (250 บาท) ที่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่มดับกระหายเท่านั้น แต่ยังใส่ไอเดียลงไปออกมาเป็นเครื่องดื่มใส่กลิตเตอร์สีเขียวทานได้ ความพิเศษคือทุกวันศุกร์และเสาร์จะมีดีเจมาเล่นเพลงสนุกๆโยกได้ให้ทุกคนได้ฟังไปเล่นเกมต่างๆที่มาพร้อมกับเครื่องดื่มในร้านไป
Brainfreeze
ค็อกเทลบาร์สไตล์ใหม่ย่านทองหล่อ ดึงดูดสายตาตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง ด้วยการใช้ไฟ LED ตกแต่งร้าน เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆทั้งม่วง น้ำเงิน ชมพู ราวกับอยู่ในภาพยนตร์ไซไฟสักเรื่อง จุดขายของร้านคือสารพัดเมนูค็อกเทลที่กดได้ทันทีจากเครื่องปั่น โดยแบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ Fizzy Cocktail ที่อร่อยซ่าจากการอัดคาร์บอนไดออกไซด์ลงไป Fluffy Cocktail เป็นเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ และ Slushie Cocktail ที่ละเอียดนุ่มลิ้น ถึงแม้หน้าตาจะดูน่ารัก ดื่มง่าย แต่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่เข้มข้นไม่น้อย เช่น Long Island (330 บาท) ที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์หลากชนิดทั้ง วอดก้า จิน เตกีล่า รัม แต่ที่ชัดสุดคือรสโคล่าที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี
The Woodshed
บาร์แห่งนี้อยู่ในร้านอาหาร Harvest การตกแต่งภายในนั้น ตามชื่อบาร์ไม่ผิดเพี้ยน เพราะใช้ไม้โทนสีเข้มเป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้บรรยากาศดูเท่ๆขรึมๆ ที่นั่งมีทั้งตรงบาร์และโต๊ะไม้ เบาะหนังเตี้ยๆ ทุกวันศุกร์จะมีวงดนตรีแจ๊สมาเล่นเพลงสด ส่วนวันจันทร์จะมีนักเปียโนมาบรรเลงเพลงให้ฟังกันกันอย่างเพลิดเพลิน สำหรับเมนูเครื่องดื่มก็มีให้เลือกสรรมากมาย ความพิเศษคือจะมีการคิดเมนูค็อกเทลขึ้นใหม่ตามฤดูกาล เมนูแนะนำคือ The Smoke Lingers (450 บาท) มีส่วนผสมของวิสกี้ เตกีล่า เอสเพรสโซ่ ไซรัป และตกแต่งด้วยผลวอลนัทเผา และ Deadly Invitation (430 บาท) ที่มีส่วนผวมของ วอดก้า รัม เรดเคอร์แรนท์ไซรัป เสิร์ฟในแก้วที่ตกแต่งด้วยต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งทำให้ค็อกเทลที่นี่มีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร
Luna Lounge
ค็อกเทลบาร์แห่งนี้โดดเด่นด้วยการตกแต่งเพดานด้วยวัสดุสีขาวและแสงไฟระยิบระยับ ราวกับกับทุกคนกำลังเต้นอยู่ทามกลางท้องฟ้าและพระจันทร์ยามค่ำคืน ที่ออกแบบโดยนักออกแบบแสงชาวฝรั่งเศส Matteo Messervy สำหรับเมนูค็อกเทลจะมีการคิดสูตรใหม่เป็นประจำในแต่ละเดือน ซิกเนเจอร์ค็อกเทลของร้านมีหลากหลายเมนูให้เลือกดื่ม เช่น Star Dust (300 บาท) มีส่วผสมของวอดก้า ไข่ขาว และสมุนไพรต่างๆ แต่ละคืนจะมีดนตรีแตกต่างกันไป มีทั้งวงดนตรีสด ดีเจมิกซ์เพลงมันๆ แนวฮิปฮอป หรือ เทคโน ทำให้บรรยากาศแต่ละคืนไม่ซ้ำกัน
Maison Close
สถานที่แห่งนี้เป็นทั้งบาร์ ร้านสัก และแกลเลอรีในที่เดียวกัน ส่วนของบาร์มีความแตกต่างจากที่อื่นคือ นอกจากคราฟต์เบียร์และค็อกเทลต่างๆ ที่นี่มียาดองหลากหลายชนิดให้เลือกดื่ม เช่น ม้ากระทืบโรง นารีรำพึง โด่ไม่รู้ล้ม ฯลฯ ในบรรยากาศเพลงฮิปฮอปจากศิลปินต่างๆ สำหรับนิทรรศการนั้น มีการจัดแสดงผลงานจากศิลปินไทยและต่างประเทศอยู่เรื่อยๆ แต่ที่พิเศษคือ การแสดงและเวิร์กช็อป Bondage หรือพันธนาการด้วยเชือกในเชิงศิลปะ อย่าง Shibari การผูกเชือกบนร่างกายของญี่ปุ่น ที่เราสามารถมีส่วนร่วมได้นั่นเอง
Kiki Korean Bar
หากชื่นชอบในวัฒนธรรมเกาหลี บาร์แห่งนี้เป็นหนึ่งสถานที่ที่เหมาะจะใช้เวลาว่างมานั่งซึมซับบรรยากาศ เพราะทั้งเพลง อาหาร เครื่องดื่ม ล่วนแล้วแต่เป็นของเกาหลีทั้งสิ้น ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีแดง และให้บรรยากาศที่เป็นกันเอง หากสนใจอาหารสไตล์เกาหลีก็มีให้เลือกหลากหลาย เช่น ชีสต็อกบกกี (200 บาท) แป้งต็อกสีขาวเหนียวนุ่มในซอสหวานเผ็ด พร้อมชีสเยิ้มๆ ซุปลูกชิ้นปลาแผ่นสไตล์เกาหลี (390 บาท) ที่เสียบไม้มาในหม้อซุปร้อนๆ สำหรับเมนูเครื่องดื่มมีทั้ง มักกอลลี (300 บาท) ไวน์ข้าวเกาหลี โซจู (230-250 บาท) รสต่างๆ เบียร์ หรือวิสกี้ เป็นต้น
Aire Bar
บาร์บนดาดฟ้าแห่งใหม่ในกรุงเทพที่มีบรรยากาศสบายๆเป็นกันเอง ที่ตกแต่งด้วยต้นไม้ และชุดโต๊ะ-เก้าอี้สาน ที่สามารถนั่งชมวิวตึกสูงในกรุงเทพ และสวนเบญจสิริได้ มีทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์ เมนูอาหารจะเป็นเมนูทานเล่น อย่าง Charcuterie (390 บาท) Mini Chicken Mayonnaise Buns (360 บาท) หรือ Guacamole, Salsa with Corn Chips (350 บาท) ความพิเศษของเมนูค็อกเทลวันอาทิตย์คือ เสิร์ฟกันในเหยือกขนาดใหญ่ ราคา 1,100 บาท สามารถชวนเพื่อนมานั่งชมวิวพร้อมจิบค็อกเทลอร่อยๆ ช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ จะมีดีเจมาเล่นเพลงแนวอาร์แอนด์บี ฮิปฮอป สลับกับนักร้องเสียงดีที่ช่วยเติมเต็มค่ำคืนของเราได้อย่างดี
Escape Bangkok
บนดาดฟ้าของห้างฯ The Emquartier ถูกเนรมิตให้เป็นบีชบาร์ริมชายหาด ด้วยการตกแต่งในสไตล์ทรอปิคอลโทนสีเขียว-ชมพู ทั้งต้นไม้รายล้อม ชุดเก้าอี้ไม้ บาร์แบบเปิด ในบรรยากาศสบายๆราวกับได้พักผ่อนริมทะเล ในแต่ละวันจะมีดีเจและวงดนตรีสดมาเล่นเพลงเพราะๆสลับกันไป เมนูอาหารมีทั้งอาหารทานเล่นและอาหารหลัก เช่น เบอร์เกอร์ สปาเกตตี้ เฟรนช์ฟราย สลัด ส่วนเมนูเครื่องดื่ม ความพิเศษอยู่ที่ค็อกเทลซิกเนเจอร์สูตรพิเศษที่ทางร้านคิดขึ้นมา อย่าง Flora Wind (340 บาท) มีส่วนผสมของวอดก้า ใบเตย ไซรัปดอกเอลเดอร์และโฟมไข่ขาว
Sape Bar BKK
Sape (เสพย์) เป็นบาร์ที่นำเสนอวัฒนธรรมการดื่มกินแบบไทยๆได้อย่างดี เริ่มจากการตกแต่งที่นำเฟอร์นิเจอร์และภาชนะของไทยมาใช้ เช่น ขันโตก แคร่ หมอนขิด ขันเงิน กระจาด กระด้ง ฯลฯ อาหารและกับแกล้มก็เป็นอาหารไทยแทบทั้งสิ้น เมนูน่าลองคือ บ้องตันแดดเดียว (150 บาท) เนื้อจระเข้ ทานกับน้ำพริกหนุ่ม เมนูเครื่องดื่มของที่ร้านก็ต้องไม่พลาดค็อกเทลและยาดองชนิดต่างๆ มีทั้งโด่ไม่รู้ล้ม กำลังช้างสาร นารีรำพึง ม้ากระทืบโรง ส่วนค็อกเทลซิกเนเจอร์ของทางร้านคือ เงาะป่า (180 บาท) ที่มีคาลัวร์หรือเหล้าสกัดจากกาแฟ ไอริชครีม ไว้ราดบนเฉาก๊วย ทุกคืนวันศุกร์-เสาร์ จะมีดนตรีสดเล่นให้ฟังกันเพลินๆ โดยมีเครื่องดนตรีไทยไปผสมโรงอย่างน่าสนใจ
Wishbeer Thonglor
จากเว็บไซต์จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์และคราฟต์เบียร์ชนิดต่างๆ เติบโตอย่างก้าวกระโดดจนตอนนี้เปิดร้านเป็นสาขาที่ 4 แล้ว การตกแต่งร้านสาขาทองหล่อนี้ยังคงเน้นบรรยากาศสบายๆ นั่งชิลได้เรื่อยๆ เหมาะสำหรับนั่งพูดคุยสังสรรค์กับเพื่อนเป็นอย่างดี ถึงแม้สาขานี้จะมีคราฟต์เบียร์สดมากไม่เท่าสาขาดั้งเดิมอย่าง Wishbeer Home Bar แต่ก็มีให้เลือกดื่มถึง 13 แท็ป นอกจากนี้ยังมีคราฟต์เบียร์ไทยและนำเข้าแบบบรรจุขวดอีกกว่า 40 ชนิด ที่หากทุกคนอยากลองจิบให้ครบทุกชนิดที่มีล่ะก็ ต้องกลับมาซ้ำอย่างนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
Oh Chic Social Club & Eatery
แหล่งสังสรรค์ใหม่สำหรับคนที่อยากมีดินเนอร์ดีๆ พร้อมค็อกเทลรสอร่อย ร้านตกแต่งด้วยธีม Forbidden City อย่างมีเอกลักษณ์ ซึ่งแบ่งเป็น 4 โซนด้วยกัน ได้แก่ Bar & Bistro, Eatery & Lounge Bar, The Premiere Lounge และสนามเอาท์ดอร์ เมนูอาหารจะเป็นสไตล์อิตาเลี่ยน-เอเชียฟิวชั่น ทุกจานการันตีความอร่อยด้วยเชฟไพเราะ อรุณงาม นอกจากนี้ยังมีดีเจเพลงแด๊นซ์ ตั้งแต่วันพุธ-เสาร์ ส่วนวงดนตรีสดจะเล่นทุกวันศุกร์ ความพิเศษในคืนวันเสาร์คือ จะมีการแสดงเต้นและธีมโชว์อื่นๆที่น่าสนใจสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
Future Factory
กลับมาเปิดอีกครั้งงหลังย้ายจากบริเวณอารีย์-สนามเป้า มายังใจกลางกรุงย่านทองหล่อ โดย Future Factory เป็นทั้งบาร์ ครีเอทีฟสเปซ และแกลเลอรี่ศิลปะ จัดนิทรรศกาลแสดงผลงานของเหล่าศิลปินไทยและต่างประเทศ รวมถึงปาร์ตี้สนุกๆแนวเฮ้าส์ คลับ เทคโนเป็นประจำ ความพิเศษคือการจัดปาร์ตี้พิเศษที่เชิญเหล่าดีเจต่างประเทศมาเล่นเพลงเช่น Cherub หรือ Drewbyrd ที่นี่ผสานศิลปะและดนตรีเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว
Wallflowers Upstairs
อยากไปบาร์บนดาดฟ้าที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนนั่งอยู่กลางสวนต้นไม้วินเทจเท่ๆ ต้องลองที่แห่งนี้ จากร้านดอกไม้ Oneday Wallflowers เดินขึ้นบันไดวนมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับบาร์ที่มีบรรยากาศน่านั่ง ด้วยบรรดาต้นไม้สีเขียวชอุ่มนานาพันธ์ุที่ตกแต่งอยู่โดยรอบ เมื่อมองออกไปก็จะเห็นตึกในย่านเก่าอันมีเอกลักษณ์ ถึงแม้จะไม่ใช่วิวกรุงเทพตอนกลางคืนอย่างบาร์ดาดฟ้าที่เราคุ้นเคย แต่ที่นี่กลับมีเสน่ห์แตกต่างออกไป เมนูเครื่องดื่มนั้นมีให้เลือกหลายประเภท ทั้งม็อกเทล ค็อกเทล เบียร์ จิน ไซเดอร์ และไวน์
House Ekkamai
House Ekkamai แห่งนี้เป็นสาขาที่ 2 จากเดิมที่ได้มอบความเพลินเพลินให้ผู้คนย่านรังสิตมานาน เป็นบาร์กึ่งคลับจำนวน 2 ชั้น ที่จะคอยจัดปาร์ตี้สนุกๆอยู่เรื่อยๆ ลักษณะการตกแต่งร้านไม่ต่างจากสาขาแรกเท่าไรนัก ที่ยังคงความเท่และพื้นที่กว้างขวางเพื่อรองรับลูกค้าให้ไปสนุกด้วยกันได้อย่างสบายๆไม่แออัด หากใครชอบดื่มเบียร์สุดคุ้ม ที่นี่ก็มี เมายกลัง (699 บาท) เบียร์ช้างจำนวน 12 ขวดที่สามารถดื่มกับเพื่อนฝูงได้อย่างจุใจเลยทีเดียว
20Something Bar
กลับมาอีกครั้งในสถานที่ใหม่ซึ่งใหญ่กว่าเดิม การตกแต่งร้านให้ความรู้สึกสบายๆอย่างเป็นกันเอง ด้วยพื้นที่กว้างขวางทำให้สามารถนั่งฟังเพลินๆได้อย่างไม่อึดอัด แน่นอนว่าบรรยากาศและความสนุกของปาร์ตี้ที่ 20STH จัดให้ยังคงเหมือนเดิมและดีขึ้นเรื่อยๆ ความพิเศษของร้านนี้อยู่ที่ บรรดาศิลปินไทยที่เชิญมาสร้างความสนุกในอีเว้นท์ต่างๆโดยไม่ซ้ำกัน เพราะฉะนั้น หากเราไปร่วมก็จะได้รับประสบการณ์ความสนุกที่แตกต่างกันไปทุกครั้ง