เข้าถึงบรรยากาศย่านเก่าของกรุงเทพฯ ในยามค่ำคืนกับ 5 Rooftop Bar ในเจริญกรุง-เจริญนคร
การนั่งซึมซับบรรยากาศยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานครจากร้านอาหารหรือบาร์บนดาดฟ้าเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ต้องโปรดปราน เพราะการได้มองวิวชื่นชมแสงสีของกรุงเทพฯ พร้อมกับรับประทานอาหารคุณภาพดี เครื่องดื่มรสชาติเด็ดจากมุมสูง สามารถบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการเรียนหรือการทำงานได้เป็นอย่างดี
Rooftop Bar บริเวณใจกลางเมืองย่านสุขุมวิทเป็นที่ยอดนิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เพราะที่ตั้งตรงกลางกรุงเทพฯสามารถรับประกันได้ว่าบรรยากาศโดยรอบจะสวยงามและน่าประทับใจสุด ๆ แต่ลองเขยิบออกมาจากบริเวณนั้นสักเล็กน้อย แล้วไปนั่งกิน ดื่ม เที่ยวร้านใหม่ ๆ แถวเจริญกรุงและเจริญนครกันดูบ้าง เพราะความรู้สึกที่จะได้รับจากการมองวิวซึมซับบรรยากาศย่านเก่าของกรุงเทพนั้นจะแตกต่างไปจากที่เดิมที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างแน่นอน
เราได้รวบรวม 5 Rooftop Bar น่าสนใจย่านเจริญกรุง-เจริญนครมาให้ทุกคนได้เลือกแวะเวียนไปลอง บรรยากาศดี ๆ จากร้านเหล่านี้จะทำให้คืนธรรมดาของคุณพิเศษขึ้นมาเลยล่ะ
Seen Restaurant & Bar Bangkok (ซีน เรสเตอรอง แอนด์ บาร์ แบงค็อก)
เริ่มต้นกันที่รูฟท็อปบาร์สุดหรูหนึ่งใน 3 สาขาของบาร์ระดับโลก Seen Restaurant & Bar ของเซเลบริตี้เชฟชาวโปรตุเกส Chef Olivier da Costa ที่ปัจจุบันเปิดบริการใน 3 เมืองใหญ่คือ เซาเปาโล ลิสบอน และกรุงเทพฯ อย่าง Seen Restaurant & Bar Bangkok ณ ชั้น 26 โรงแรม Avani+ Riverside Bangkok
ห้องอาหารและบาร์ตกแต่งสไตล์เดโคยุค80 ที่แฝงความเป็นไทยร่วมสมัยเอาไว้ ซึ่งออกแบบโดย M&J London บริษัทอินทีเรียร์ชื่อดังจากกรุงลอนดอน พร้อมจัดสรรพื้นที่ใช้งานไว้อย่างลงตัว แบ่งออกเป็น 3 โซนได้แก่โซนอินดอร์, เอาต์ดอร์ และเคาน์เตอร์บาร์ สำหรับสายดริงก์ เน้นดื่ม
บรรยากาศโรแมนติกถูกเติมเต็มด้วยภาพวิวสกายไลน์ย่านเจริญนครยามค่ำคืน ไม่ว่าคุณจะนั่งอยู่ตรงไหนก็สามารถดื่มด่ำทัศนียภาพคุ้งน้ำเจ้าพระยาได้อย่างเต็มสองตาแบบ 180 องศา คลอเคล้าไปกับบีทเพลงจังหวะสนุกๆแนวนูดิสโก้, โซลฟูลเฮาส์ และเทคโน จาก Scotty B มิวสิคไดเรคเตอร์ชาวอังกฤษ ที่ทำคอยทำหน้าที่สร้างสีสันเป็นประจำทุกค่ำคืน
สำหรับเมนูอาหารเน้นเสิร์ฟสไตล์นานาชาติ ซึ่งได้ Chef Alexandre Castaldi เชฟชาวฝรั่งเศสผู้เคยร่วมงานกับร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในหลายประเทศ มาทำหน้าที่ควบคุมกรรมวิธีปรุงแต่งอย่างพิถีพิถัน เพื่อคงสูตรและรสชาติเฉพาะที่คิดค้นโดย Chef Olivier da Costa อีกทั้งความพิเศษคือมีเมนูที่เป็นกลูเตนฟรี, วีแกน และมังสวิรัติเป็นทางเลือก นอกจากนี้ยังมีซูชิบาร์สำหรับแฟนอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะอีกด้วย
อิ่มท้องจากเมนูอาหารสุดพรีเมียม ก็ปิดท้ายค่ำคืนด้วยเครื่องดื่มนานาชนิด ที่บาร์รวบรวมไว้บริการอย่างครบครัน อาทิ แชมเปญ, ไวน์, วิสกี้, วอดก้า, เบียร์, สาเก, คอนยัค, ลิเคียว และอีกมากมาย
ที่พลาดไม่ได้คือเมนูซิกเนเจอร์ค็อกเทลต่างๆที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ โดยมิกซ์โซโลจิสต์แถวหน้าอย่าง Mochammad Fadli ซึ่งแต่ละแก้วนำเสนอรสชาติและหน้าตาออกมาได้อย่างน่าสนใจ การันตีฝีมือด้วยสูตรค็อกเทลของเขาที่เคยได้อยู่ในหนังสือ 101 Best New Cocktails (2014) ที่เขียนโดย Gary Regan บาร์เทนเดอร์ระดับโลกผู้ทรงอิทธิพลของวงการมาแล้ว
การเดินทางมายัง Seen Restaurant & Bar Bangkok สามารถนั่งรถไฟฟ้าBTS มายังสถานีที่ใกล้ที่สุดอย่างวงเวียนใหญ่หรือลงสถานีสะพานตากสิน เพื่อเดินทางต่อโดย Shuttle Boat โดยอนันตรา ริเวอร์ไซด์ ซึ่งให้บริการฟรีจากท่าเรือสาธร มายังโรงแรมอย่างสะดวกสบายเช่นกัน
Top Knot (ท็อปน็อท)
Top Knot ร้านอาหารและบาร์บนดาดฟ้าชั้น 8-9 ของโรมแรม Hotel Once ที่สามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและตึกสูงของกรุงเทพตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ตกสีส้มยาวไปจนถึงบรรยากาศยามค่ำคืน ภายในร้านมีทั้งหมด 2 โซน บริเวณแรกเป็นพื้นที่อินดอร์บนชั้น 8 ตกแต่งด้วยกระจกใสล้อมรอบ ประดับด้วยต้นไม้สีเขียว เหมือนนั่งอยู่ในกลาสเฮ้าส์สวย ๆ ส่วนบริเวณดาดฟ้าบนชั้น 9 นั้นจะตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น แต่เพิ่มลูกเล่นด้วยโต๊ะ-เก้าอี้ไม้สีน้ำตาลที่ทำให้ดูอบอุ่น และวินเทจเล็ก ๆ เมนูอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารฟิวชั่นที่ดึงจุดเด่นของวัตถุดิบแต่ละอย่างออกมาได้เป็นอย่างดี สำหรับเครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท ทั้งม็อกเทล ค็อกเทล สมูทตี้ เบียร์ หรือวิสกี้ ให้เลือกจิบไปพลางฟังดนตรีอะคูสติกที่เล่นสดทุกวันเสาร์และอาทิตย์
Three Sixty Lounge (ทรี ซิกซ์ตี้ เลานจ์)
Three Sixty Lounge ตั้งอยู่บนชั้น 31-32 ของโรงแรม Millennium Hilton โดดเด่นด้วยการออกแบบที่สวยงามและหรูหราโดย Interior designer มืออาชีพจากนิวยอร์กอย่าง Toni Chi ภายในร้านแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Three Sixty Outdoor Lounge ชั้น 31 ที่ประดับประดาไปด้วยต้นไม้ การตกแต่งเน้นในโทนสีน้ำตาล-ขาว ดูอบอุ่นแต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา ส่วนชั้น 32 คือ Three Sixty Jazz Lounge เป็นพื้นที่อินดอร์ที่สามารถเห็นวิวโดยรอบได้ ผ่านกระจกใสที่ล้อมรอบด้านเป็นวงกลม 360 องศา สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศของย่านเก่าแก่ไปพร้อมกับฟังเพลงแจ๊สจากวงดนตรีสดที่มีการแสดงหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ทุกวัน จุดเด่นของร้านนี้คือบรรดาค็อกเทลสูตรพิเศษที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเครื่องดื่มเท่านั้น เพราะรสชาติก็อร่อยสมใจไม่แพ้กัน
Alfresco 64 - A Chivas Bar (อัลเฟรสโก 64)
เอาท์ดอร์วิสกี้บาร์ที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ อยู่ที่ชั้น 64 Tower Club at lebua ที่นอกจากจะให้ประสบการณ์การดื่มวิสกี้ชั้นเยี่ยมที่ไม่เหมือนใครแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่คุณจะได้รับคือความเพลิดเพลินจากการชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและเส้นขอบฟ้าเหนือกรุงเทพฯที่น่าประทับใจ การออกแบบตกแต่งภายในร้านได้แรงบันดาลใจมากจากเรือยอร์ชสุดหรู ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 โซนได้แก่ โซนอินดอร์ที่ดีไซน์เป็นห้องโดยสารของเรือยอร์ช , ห้อง Heritage Room สำหรับแขก VVIP และโซนเอาท์ดอร์ เป็นส่วนหัวเรือสำหรับชมบรรยากาศโดยรอบ ความพิเศษของ Alfresco 64 คือคุณสามารถลิ้มรสวิสกี้ระดับพรีเมี่ยมเพียงหนึ่งเดียวอย่าง Chivas Exclusive lebua blend ที่ Chivas Regal ได้ผลิตขึ้นให้กับพาร์ทเนอร์โดยเฉพาะ
Flute A Perrier-Jouët Bar (ฟลูท เอแพริเอ จูเอ่ท์ บาร์)
นอกจากเอาท์ดอร์วิสกี้บาร์ที่สูงที่สุดในโลก ชั้น 64 ของโรงแรมเลอบัวยังมีแชมเปญบาร์กลางแจ้งสุดหรูที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Flute A Perrier-Jouët Bar ที่รวบรวมแชมเปญสุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมายให้คุณได้เลือกลิ้มรสโดยเฉพาะ Perrier-Jouët แชมเปญชั้นเลิศจากฝรั่งเศส บาร์แห่งนี้ตกแต่งอย่างหรูหรา ที่ประดับด้วยผลงานศิลปะที่แวะเวียนมาจัดนิทรรศการอยู่เรื่อย ๆ ทำให้คุณสามารถชมทั้งงานศิลปะเจ๋ง ๆและบรรยากาศกรุงเทพในมุมสูงได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้หากคุณอยากรับประทานหอยนางรมสดแกล้มแชมเปญอร่อย ๆ การันตีด้วยรางวัลระดับโลก ที่นี่ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน