รวม 3 ร้าน Pub & Restaurant ในกรุงเทพ ที่ลุงกับหลานจะกลายเป็นเพื่อนต่างวัย
ในยุคนี้ที่มีการพูดถึงเรื่องเจเนอเรชั่นกันมากขึ้น และได้มีการใช้คำจำกัดกลุ่ม เช่น “Millennial” และ “Gen Y” อย่างมากมายในบทความต่างๆ ที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ มีพูดคุยถึงเหตุผลว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงเริ่มไม่เข้าใจเด็กรุ่นใหม่ และอะไรเป็นตัวแปรที่ทำให้เกิด generation gap มากขึ้นเรื่อยๆ จากเหตุผลต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจที่ในช่วงนั้นที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้คนในแต่ละยุคมีพฤติกรรม ความคิด ทัศนคติ ไลฟ์สไตล์ ความรู้ความสามารถ และค่านิยมที่แตกต่างกันออกไป หนึ่งเรื่องที่เราไม่ควรลืมคือผู้ใหญ่นั้นได้ใช้ชีวิตช่วงพีคในยุดที่เต็มไปด้วยการเริ่มต้นของหลายๆ สิ่ง บางอย่างอาจเป็นถึงแรงบัลดาลใจให้กับเด็กๆ รุ่นนี้ในการสร้างและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ เลยก็ว่าได้
หนึ่งในสิ่งนั้นคือยุด Golden Age ของดนตรีโดยเฉพาะในช่วง 60’s-70’s จากวงระดับตำนานอย่าง The Beatles, Jimi Hendrix, Led Zeppelin, Bee Gees และอีกหลายๆ วง ที่ทำให้หนุ่มสาวค่อนประเทศลุกขึ้นมาจับกีตาร์ ออกไปผจญชีวิตที่เดิมพันด้วยท่อนโซโลร้อนแรง ก่อนตัวโน้ตเหล่านั้นจะโรยราด้วยภาระหน้าที่การงาน หนุ่มผมยาวสาวผมสั้นในวันนั้นคงเป็นคุณลุงคุณป้าสุดเท่ของใครหลายๆ คนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ ผู้ซึ่งนานๆ ครั้งจะฝืนคำสั่งหมอเพียงเพราะอยากกลับไปหาช่วงเวลาเหล่านั้นเป็นครั้งคราว ด้วยการพาตัวเองมายังบาร์อันมีเครื่องดื่มและอาหารที่ทำให้ทุกจังหวะของเพลงจากยุครุ่งเรื่องของท่านดังชัดขึ้น
ครั้งหน้าที่คุณเตรียมวางแผนไปเที่ยวรอบดึกในสถานที่ประจำของคุณ ลองเปลี่ยนแนวสักนิดและนัดเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวที่ต่างวัยไป 3 บาร์สุดเก๋า ที่เสียงเพลงเต็มไปด้วยเรื่องราว และที่ลุงกับหลานจะกลายเป็นเพื่อนต่างวัยเมื่อได้เข้ามา แล้วคุณอาจจะได้เห็นว่าอะไรๆ สมัยก่อนก็เต็มไปด้วยความสนุกไม่แพ้คนรุ่นใหม่เหมือนกัน
The Cavern Club Bangkok
Night Club ริมถนนประเสริฐมนูกิจ ได้ตั้งชื่อเพื่อเป็นการสรรเสริญแก่คลับชั้นใต้ดินในเมือง Liverpool อันเป็นสถานที่ที่วง The Beatles ปรากฏตัวเป็นครั้งในโลก แค่ชื่อก็รับประกันได้ว่าสิ่งที่คุณได้ยินจะไม่หนีไปไหนไกลจากยุค 60’s-70’s มากนัก โดดเด่นด้วยรูปแกะสลักจำลอง The Mount Rushmore ที่เปลี่ยนจากใบหน้าของ 4 ประธานาธิบดีคนสำคัญของสหรัฐอเมริกา เป็นใบหน้าของ 4 เต่าทองผู้ยิ่งใหญ่แห่งคณะดนตรี The Beatles
เมื่อเดินผ่าน Hall Of Fame ที่เต็มไปด้วยรูปของนักดนตรีในตำนาน ก็จะพบห้องโถงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าโปร่งสบายคล้ายๆ กับ The Cavern Club ดั้งเดิมซึ่งเป็นระบบอคูสติคที่เหมาะกับดนตรีสด โต๊ะถูกจัดวางให้เป็นเส้นนำสายตาไปยังเวทีที่กำลังมีวงดนตรีบรรเลงเพลงของ Bee Gees เบาๆ เข้ากับเบียร์ลาเกอร์รสชาตินุ่มที่ทางร้านหมักเอง ความสดชื่นของบอดี้ช่างให้ความรู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็กเหลือเกิน ที่คุณลุงจะเอาเบียร์ให้ลองชิมตอนไปรับประทานอาหารในสวนอาหารกับครอบครัว โดยมีแม่ที่คอยส่งสายตาปรามอยู่ไกลๆ
เพลงของวง Queen ถูกเล่นขึ้นมาด้วยความคิดถึงเสียงร้องอันบาดลึกของ Freddie Mercury ทำให้การรับประทานอาหารบนโต๊ะเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะรสชาติของขาหมูเยอรมันและปากเป็ดทอดสูตรเฉพาะของทางร้านทำให้คุณไม่อยากกินหมดเร็วจนเกินไปเหมือนได้ฟังเพลงที่ชอบแล้วไม่อยากให้ถึงท่อนจบ และถ้าคุณคิดจะสั่งนาโช่ไก่ที่กำลังเป็นเมนูเด็ดของร้านอยู่ในขณะนี้ ขอให้สั่งตั้งแต่ไปถึงและกินให้หมดก่อนที่ชีสจะแข็งตัว เพราะเมื่อวง The Beatles Bangkok ขึ้นเล่น คุณอาจจะไปเต้นจนลืมอาหารบนโต๊ะ
เมื่ออิ่มกับอาหารและดนตรีแล้ว ก็ทิ้งท้ายด้วย Cocktails ซักแก้วสองแก้ว พูดคุยถึงอดีตเพื่อหาทางไปสู่อนาคต แต่ถ้าคุณจะหาทางไปร้านนี้ให้เข้าไปดูรายละเอียดใน Facebook ของร้านได้เลย
Roadhouse BBQ Bangkok
ตึกสีเนื้อไม้อ่อนและประตูแบบ American Saloon ที่ตั้งอยู่ปากทางเข้าถนนสุรวงศ์ สะกดสายตาตั้งแต่รอไฟเขียวอยู่ที่แยกอังรีดูนังต์ ช่างดูสุขุม ขัดกับความวุ่นวายของการจราจรบนถนนพระรามสี่เหลือเกิน
กลิ่นหอมของอาหารประกอบกับกลิ่นเฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้ความรู้สึกถึงความเป็นรุ่นใหญ่ตั้งแต่ผลักประตูบานพับเข้าไปเหมือนในหนังคาวบอยไม่มีผิด แสงแดดอ่อนๆในเวลาบ่ายแก่ๆ ทะลุหน้าต่างเข้ามาตัดกับไฟเหลืองสลัวทำให้ลำคอเรียกหาเบียร์ IPA เย็นๆ มาดื่มด่ำก่อนแสงสุดท้ายจะหมดลง บรรยากาศดีซะจนเพลง Wish You Were Here ของวง Pink Floyd ที่กำลังเปิดอยู่ในร้านนั้นให้เศร้าอย่างที่มันควรจะเป็น
ระหว่างที่ Onion Ring ชิ้นสุดท้ายกำลังหมด BBQ Ribs จานใหญ่ก็ยกมาเสิร์ฟ เคียงมาด้วยโควสลอว์ โฮมเมดและมันฝรั่งอบหอมเนย ทำเอาคุณลุงที่นั่งดูบอลอยู่โต๊ะข้างๆ หันมาตามความหอมก่อนที่จะหันไปขอให้พนักงานเปลี่ยนช่องที่ถ่ายทอดสดสควอช ทางร้านบอกว่าหากใครเป็นแฟนกีฬาอะไรก็ตาม สามารถขอให้ทางร้านเปลี่ยนช่องให้คุณได้เสมอ
เมื่ออิ่มกับอาหารและมึนๆ กำลังได้ที่ ก็ทำให้อยากยืดเส้นยืดสายที่ชั้น 3 ของร้าน เพราะบนนั้นมี Shuffleboard และโต๊ะพูล ให้คุณได้โชว์ความแม่นและมั่วได้ตามอัธยาศัย รวมทั้งเปิดเพลงที่คุณอยากฟังได้ตลอดบนคอมที่ร้านเตรียมไว้ให้บริการตัวเอง เป็นร้านที่จะทำให้คุณรู้สึกสนุกแบบผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบอย่างแท้จริง
Saxophone Pub & Restaurant
Jazz & Blues Pub ที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ เพราะเปิดมาตั้งแต่ปี 1987 เป็นเหมือนอาศรมของสุดยอดนักดนตรีเพราะทางร้านให้แค่คนที่เก่งและน่าสนใจที่สุดเท่านั้นมาเล่นที่ร้าน แต่ร้านกลับมีท่าทีถ่อมตัวตั้งแต่หน้าร้านด้วยประตูไม้เก่าเล็กๆ ช่างเข้ากันกับป้ายชื่อร้านที่อยู่เหนือประตูที่ถูกออกแบบด้วยความตั้งใจว่าจะทำให้มันอยู่เหนือกาลเวลา เสียงดนตรี Fusion Jazz ดังออกมาเบาๆ โดยไม่คิดจะแข่งกับเสียงรถไฟฟ้าของสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เครื่องดนตรีเก่าๆ ทั้งเครื่องเป่าและเครื่องสาย ถูกจัดวางตามกำแพงประดุจงานศิลป์ที่เคยส่งเสียงให้ผู้คนหลงใหล เข้ากันกับภาพเขียน Abstract ที่แขวนไว้ทั่วบริเวณร้าน และแผ่นเสียงหายากของนักดนตรี Jazz ในตำนานที่วางไว้ข้างระเบียงชั้นสองเหนือเวที ทำให้รู้สึกว่าศิลปะไม่มีอายุไข ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความงามของมัน
ด้วยความชัดเจนในแนวทางตลอดระยะเวลา 30 ปี ทำให้เป็นเวทีในฝันของนักดนตรีหลายๆ คนที่ต้องการพิสูจน์ฝีมือก่อนที่จะเรียกตัวเองได้ว่าเป็นนักดนตรีอาชีพ หนึ่งในนั้นคือวง T-Bone ตำนานวง Ska-Reggae ของประเทศไทย ที่มีจุดกำเนิดมาจากการเล่นประจำที่นี่ ก่อนจะโด่งดังจนไปเล่นไกลถึง Glastonbury หากคุณอยากชมสดๆสักครั้งให้โทรถามกับทางร้านได้เลยว่าเดือนนี้จะเล่นวันไหนบ้าง นอกจากนี้ยังมี หนึ่ง จักรวาล นักเปียนโนอัจฉริยะของประเทศในขณะนี้ และ โก้ Mr.Saxman ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก และยังมีนักดนตรีที่มีชื่อเสียงอีกหลายๆ คนผลัดกันมาโชว์ฝีมืออีกมากมาย สามารถตรวจดูตารางโชว์ได้จาก Facebook ของร้านได้เลย