ความมันส์จากงาน Waterzonic: เฟสติวัลที่ผสมผสานดนตรีและน้ำได้อย่างลงตัว
สัมผัสกับงาน Waterzonic แบบ Siam2nite: ความสมบูรณ์แบบที่ผสานดนตรีและสายน้ำอย่างลงตัว หลังจากที่งาน Smirnoff Midnight 100 Presents: Waterzonic Utopia 2015 ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันเสาร์ ที่ 28 พฤศจิกายน 2015 ขณะนั้นเป็นเวลาตี 1 กว่า แต่พวกเราทุกคนในงานยังคงอยากอยู่ต่อเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศความสนุกสนาน แม้ว่าเครื่องสำอางจะไหลย้อยลงมาจากใบหน้า และเสื้อผ้าที่ใส่อยู่นั้นเปียกไปหมดทั้งตัวจนอยากจะถอดทิ้ง แต่ถ้าเลือกได้เราก็ยังอยากจะอยู่ต่อจนตัวแห้งกันไปเลย แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
งาน Waterzonic ในปีนี้ ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความพิเศษ ที่ถูกสร้างสรรค์มาเพื่อชาว EDM โดยเฉพาะ ให้ได้ลองลิ้มรสความสนุกและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ของการไปเที่ยวงานเทศกาลดนตรีในประเทศไทย การที่ได้พบปะผู้คนใหม่ๆ ท่ามกลางบอลลูนที่ลอยอยู่ (ซึ่งน่าจะเป็นที่เดียวในโลกที่มีแบบนี้) ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีความสุขสุดๆเลยทีเดียว ความรู้สึกแบบนี้อาจเกิดจากความพิถีพิถันและความใส่ใจในรายละเอียดของ Smirnoff Midnight 100 ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของงานในครั้งนี้ก็เป็นได้ หรืออาจเกิดจากความอลังการณ์ของแสง สี เสียง ที่มาพร้อมกับโชว์ของดีเจระดับโลกหลายชีวิต ทำให้พวกเรารู้สึกว่าเราต้อง “ไปให้สุด” จริง ๆ
วันของเราเริ่มต้นด้วยดีและก็ดีขึ้นเรื่อยๆแบบไม่วี่แววจะหยุดยั้ง เมื่อเราได้มาถึงเอสซีจี สเตเดียม เมืองทองธานี เราก็สามารถสัมผัสได้ถึงความตื่นตัวของผู้คนในบริเวณงาน คล้ายๆกับความรู้สึกเวลาที่ไปดูฟุตบอลในสนามแข่งขัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่งานครั้งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนทุกคนอยู่ทีมเดียวกัน ภายใต้ Waterzonic Utopia ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ จากการจับมือกันของ Zaap และ Smirnoff Midnight 100
ซึ่งในปีนี้มีการจัดกิจกรรมมากมายด้านหน้างาน ไม่ว่าคุณต้องการจะเพ้นท์โลโก้ตัว “W” บนร่างกาย ถ่ายรูปกับแบคดร๊อปที่จัดไว้ให้เลือกมากมาย หรือ เล่นเกมส์เพื่อชิงรางวัล อาธิเช่น ผ้าเช็ดตัว “I ❤ EDM” ที่มีประโยชน์เป็นพิเศษ สปอนเซอร์ของงานได้สร้างความประทับใจก่อนที่ผู้ชมจะได้เข้าไปด้านในงานกันซะอีก
และเมื่อได้ก้าวผ่านประตูทางเข้าไปนั้น เราก้ได้รู้ทันทีว่าศิลปินดีเจระดับนานาชาติ ที่มาอยู่ในงานนั้นไม่ได้มาเล่นๆ เพื่อมาแอ่วกินผัดไทย รับทรัพย์และกลับบ้าน แต่พวกเค้าเหล่านั้นมาเพื่อสร้างความสนุกสนานแบบจัดเต็มจริงๆ เปิดตัวด้วยคู่หูดูโอ้ CAZZETTE ต่อด้วย Goldfish & Blink และ WIWEK ที่ตามกันออกมาดึงดูดผู้คน ทำให้บริเวณภายในงานนั้นเต็มเร็วมากเป็นพิเศษ นับได้ว่าแฟนๆแต่ละคนยอมฝ่าฟันรถติดเพื่อมาดูดีเจขวัญใจ ตั้งแต่เริ่มโชว์แรกกันเลยทีเดียว
และหลักจากที่ฟ้าเริ่มมืด อากาศเริ่มหนาว แดนซ์ฟลอที่เปียกไปด้วยน้ำก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เมื่อเสียงเพลงของ R3HAB ดังขึ้นมา ชาว EDM ส่วนใหญ่นั้นคงคุ้นเคยกับเขาอยู่พอสมควร เพราะเขาเดินทางมาเล่นที่ประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวก็จะนำเอาความตื่นเต้นมาฝาก เป็นที่ถูกอกถูกใจชาว EDM เป็นอย่างมาก โชว์ของ R3HAB นั้นสามารถเรียกเสียงกรี๊ดจากคนดู ได้อย่างดังสนั่น เมื่อเขาประกาศว่า “เขารักเมืองไทย “ ทำให้สาวๆหลายนั้นคนเทใจให้เขาไปเลยทีเดียว
ญ จุดนี้ทุกคนก็พร้อมแล้วที่จะต้อนรับ DANNIC และ W&W ดีเจชาวดัตช์ ที่ออกมาปรากฏตัวเพื่อแสดงความทรงพลังของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง แบบไม่ขาดตอน เมื่อดีเจหนุ่มหล่อเล่นเพลงโปรด อย่าง mash up ของ Zenith และ Firestone ทำให้พวกเราเข้าใจเลยว่า ความหมายของ “don’t panic, listen to DANNIC” แปลว่าอะไร ตามมาด้วย W&W ที่เล่น “Hello” เพลงที่กำลังฮิตสุดๆของ Adele ในเวอร์ชั่นรีมิกซ์ ของพวกเขาเอง ทำให้พวกเราเกิดความอยากที่จะหันไปทักทายคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำให้มีโมเม้นแบบโรแมนติกเบาๆ ท่ามกลางแสงสีเสียงที่ยากจะลืมเลือน จุดนี้ใครที่คิดว่าตัวเองพีคแล้ว ก็คงต้องคิดอีกที เมื่อ W&W ประกาศให้พวกเราเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสนุกต่อไปกับ “ดีเจอันดับ 1 ของโลก”
และแล้วก็มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย “WHO WANTS SOME VODKAAAA?!” ประโยคเด็ดของ Like Mike ที่เขามักจะถามระหว่างที่ Dimitri Vegas พี่ชายของเขากำลังสร้างความมันส์และสนุกสนานให้กับผู้ชมที่อยู่ในงานแบบไม่ยั้ง ซึ่งประโยคนี้ เหมาะเจาะมากสำหรับงานนี้เพราะผู้สนับสนุนหลักของงาน นั้นก็คือ Smirnoff Midnight 100 นั่นเอง Dimitri Vegas และ Like Mike ก็ได้แสดงความเก่งกาจของพวกเขาออกมา ประกาศศักดาความเป็นดีเจอันดับ 1 ของโลก โดยการเล่นเพลงแบบ The Hum สลับสับเปลี่ยนไปกับเพลงแนว pop dance ของ Justin Bieber ได้อย่างลงตัวทำให้เรานั้นไม่ “Sorry” ที่ได้มาดูดีเจพี่น้องชาวเบลเยี่ยมคู่นี้เลย
เมื่อถึงเวลาที่งานใกล้จะสิ้นสุดลง ชาวญี่ปุ่นที่ยืนอยู่โบกธงอยู่ใกล้ๆก็ยังคงโบกธงชาติของพวกเขา ตะโกน ร้องเพลงอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย และสาวในส้นสูงปรี๊ด ก็ยังคงแดนซ์กันอย่างเมามันส์ แบบที่เรียกได้ว่าไม่แคร์เลยว่าวันรุ่งขึ้นจะเป็นอย่างไร ถึงแม้จะดูเหมือนว่ายังไม่มีใครอยากกลับบ้านก็ตาม ฉากจบนั้นก็ไม่ได้ทำให้พวกเราผิดหวังเลย พลุที่ถูกยิงขึ้นไป เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าเทศกาลดนตรีที่ไหนในโลก สร้างแบ๊คดรอปอันสวยงามบนท้องฟ้า ที่ส่องแสงสว่างไปพร้อมกับเซทปิดของ DVLM เป็นการปิดงานที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบสุดๆ ตามด้วยข้อความ “See you again in 2016” ที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอขนาดใหญ่บนเวที เราก็ไม่รู้หรอกคนอื่นจะคิดยังไง ญ จุดนี้ แต่ Waterzonic 2016 คุณได้เจอกับพวกเราอีกแน่นอน