6 เหตุผลว่าทำไมสงกรานต์นี้ต้องไปแดนซ์ที่ S2O Festival 2020
หนึ่งเหตุผลสำคัญคือคุณจะได้เจอกับ Dash Berlin, Zedd, Martin Garrix และดีเจตัวท็อปนับสิบรายชื่อ!
เทศกาลสุดชุ่มฉ่ำในเดือนเมษายนอย่างสงกรานต์ กำลังใกล้เข้ามาสร้างความสุขให้คนทุกเพศทุกวัย ซึ่งหนึ่งกิจกรรมที่คน Gen-Y อย่างเราๆ ชื่นชอบเป็นพิเศษ ก็คงเป็นการได้ออกไปสังสรรค์ (หรือปาร์ตี้) กับแก๊งเพื่อนในช่วงวันหยุดยาว ณ สถานที่และอีเวนต์ต่างๆ
ในกรุงเทพฯ เองก็มีสิ่งที่น่าสนใจ เชิญชวนให้เราออกจากบ้านไปร่วมเฉลิมฉลองวันปีใหม่ไทยนับสิบงาน แต่มีหนึ่งอีเวนต์สเกลใหญ่ที่จัดขึ้นทุกปี ผสานการเล่นสาดน้ำสุดมัน เข้ากับเพลงแดนซ์จากดีเจระดับโลก ในบรรยากาศปาร์ตี้โดยโปรดักชั่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ ที่รวบรวมคนหนุ่มสาวชาวไทยและต่างชาติไว้หลายหมื่นคนอย่าง S2O Songkran Music Festival ซึ่งกลับมามอบความสนุกให้เหล่าเรฟเวอร์ (Raver) อีกเป็นครั้งที่ 6 ในช่วงสงกรานต์ปีนี้!
การเดินทางของมิวสิกเฟสติวัลสัญชาติไทย ก็ได้ผ่านครึ่งทศวรรษมาอย่างสวยงาม ซึ่งการันตีความสนุก ความมัน และความชุ่มฉ่ำของ S2O ได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ใครที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าปีนี้จะไปดีหรือไม่ เราขอแนะนำ 6 เหตุผลว่าทำไมสงกรานต์นี้คุณถึงไม่ควรพลาด S2O Festival 2020!
1. ไลน์อัพสุดเดือด และเซ็ตเพลงชั่วโมงครึ่งของ Martin Garrix
ตลอดระยะเวลาเฟสติวัลทั้ง 3 วัน แฟนของ S2O จะได้แดนซ์ไปกับเพลง EDM หลายแนว ไม่ว่าคุณจะเป็นสาย Trap, House, Trance, Dubstep, Tropical House, Future Bass หรือสายไหน เราอยากบอกให้เตรียมร่างกายไว้ให้ดี เพราะไลน์อัพปีนี้เดือดไม่ใช่เล่น!
ดีเจระดับโลกที่จะมาทำให้เวที S2O Festival 2020 ร้อนระอุท่ามท่ามกลางสายน้ำนั้น มีทั้งหมด 14 รายชื่อด้วยกัน ได้แก่ Dash Berlin, Don Diablo, Jonas Blue, Dimitri Vangelis & Wyman, Mike Perry (เสาร์ 11 เม.ย.) Zedd, Lucas & Steve, Marlo, The Him, Vinai (อาทิตย์ 12 เม.ย.) และ Martin Garrix, Alison Wonderland, Firebeatz, San Holo (จันทร์ 13 เม.ย.) ซึ่งรายชื่อเหล่านี้คร่ำหวอดในวงการเพลง EDM และคุ้นหูเรฟเวอร์ชาวไทยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
และที่สำคัญ หากคุณชื่นชอบเพลงสไตล์ Electro/Progressive House ที่แฝงกลิ่นอายเพลง Pop อันติดหูของดีเจหนุ่มชาวดัตช์อย่าง Martin Garrix ผู้เป็นเจ้าของผลงาน Animals, Scared To Be Lonely, In The Name Of Love (ที่ได้รับยอดชมบนยูทูปมากกว่า 500 ล้านครั้ง) ล่ะก็ ครั้งนี้เขามาพร้อมเซ็ตเพลงที่นานถึง 90 นาทีเต็มกันเลยทีเดียว!
2. ได้ฉลองสงกรานต์ก่อนใคร แถมมีวันหยุดต่ออีก 2 วันเต็ม
เราทุกคนทราบกันดีว่าเทศกาลสงกรานต์ คือช่วงวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี ซึ่งความสนุกเหล่านั้นเกิดขึ้นเพียงปีละ 3 วันเท่านั้น และจบด้วยการที่วันรุ่งขึ้นต้องแบกร่างไปทำงานกันอย่างอิดโรย
ซึ่ง S2O Festival 2020 เข้าใจและเอาใจเหล่านักเที่ยวชาวไทย-ต่างชาติ ด้วยการจัดเฟสติวัลสุดชุ่มฉ่ำครั้งนี้ให้เร็วขึ้น! โดยปีนี้ ทุกคนสามารถมาแดนซ์ท่ามกลางสายน้ำ และดนตรีสุดมันพร้อมกันได้ ตั้งแต่วันเสาร์ถึงจันทร์ที่ 11-13 เมษายน 2563
นั่นหมายความว่าคุณจะได้เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขสุดชุ่มฉ่ำก่อนใครในประเทศ แถมยังมีวันหยุดราชการต่ออีก 2 วัน ในวันที่ 14-15 เมษายน ให้คุณได้ออกไปเล่นสาดน้ำจนหนำใจ หรือจะเลือกพักผ่อนร่างกายให้เต็มที่ก่อนเริ่มงานในวันรุ่งขึ้น ก็สามารถเลือกทำได้ตามต้องการ
3. โปรดักชั่นใหม่ ใหญ่ อลัง และชุ่มฉ่ำกว่าเดิม
บรรยากาศสุดมันของ S2O Festival 2020 ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งมาจากโปรดักชั่นคุณภาพจัดเต็ม ที่ปีนี้ทางทีมการันตีว่าทั้งใหม่และใหญ่ขึ้นกว่าเดิม!
อย่างแรกที่สามารถคาดหวังถึงความอลังการได้ คือเวทีการแสดง ซึ่งเพิ่มความยาวเป็น 75 เมตร และสูงถึง 30 เมตร เมื่อประกอบกับแสง สี เสียง พลุ เลเซอร์ วิชวลเอฟเฟกต์ และไฮไลต์การแสดงต่างๆ ที่ดีไซน์อย่างน่าสนใจ ย่อมทำให้ทุกโชว์และทุกเซ็ตตระการตายิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
และอย่างที่สองที่ขาดไม่ได้ในเฟสติวัลที่เปียกที่สุดในโลกก็คือ น้ำ งานนี้ใช้นวัตกรรมการฉีดน้ำแบบ 360 องศา บวกกับหัวฉีดน้ำที่ติดติ้งพร้อมระบบออโต้เอฟเฟกต์ ซึ่งจะมีน้ำพวยพุ่งออกมาตามจังหวะเพลง พร้อมสาดความชุ่มฉ่ำและความสนุกไปทั่วทั้งงาน ไม่ว่าคุณจะยืนเต้นอยู่บริเวณใดของงานก็ตาม
4. รักดนตรีพร้อมรักษ์โลกในงานเดียว
ทุกภาคส่วนในสังคมโลก ต่างปรับตัวหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีที่ผ่านมา ซึ่ง S2O เองก็ตระหนักถึงความสำคัญของความยั่งยืน เพราะฉะนั้น ทุกคนที่เข้าร่วมปาร์ตี้ที่ S2O Festival 2020 จะได้สนุกพร้อมรักษ์โลกแบบสุดๆ ในเวลาเดียวกัน!
โดยจัดการระบบต่างๆ ภายในงานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้วัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลต่อได้มาทำริสแบนด์เข้างาน สนับสนุนให้มีการแยกขยะอย่างถูกต้องในพื้นที่ ซึ่งจะนำไปคัดแยกต่อได้อย่างสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ เศษอาหารทั้งหมดจะถูกนำไปเข้ากระบวนการแปรสภาพให้เป็นปุ๋ยอีกด้วย
5. มีบัตรเข้างานหลายประเภทให้เลือกตามใจชอบ
งานนี้เป็นเทศกาลดนตรีความยาว 3 วัน ที่อัดแน่นไปด้วยไลน์อัพคุณภาพ ซึ่งหากคุณเป็นเรฟเวอร์ที่ไม่อยากพลาดแม้แต่เซ็ตเพลงเดียว และพร้อมที่ยกวันหยุดช่วงสงกรานต์ครั้งนี้ให้กับการมาเทศกาลดนตรี EDM ก็สามารถซื้อบัตรเข้างาน Regular ประเภท 3 วันสุดคุ้มได้ ในราคา 4,600 บาท
หรือใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์การเที่ยวเฟสติวัลแบบเอ็กซ์ตรา ทาง S2O ก็มีจำหน่ายบัตร VIP ประเภทรายวัน ราคาใบละ 3,000 บาท ซึ่งมาพร้อมกับทางเข้างานส่วนตัว โซนยืนแยก บาร์และห้องน้ำสำหรับผู้ที่ถือบัตรวีไอพีโดยเฉพาะ
แต่ถ้าหากคุณมีเงื่อนไขต่างๆ ส่วนตัว อาทิ เรื่องเวลา ที่อาจไม่สะดวกไปร่วมงานทุกวัน หรือมีความตั้งใจจะไปดูดีเจคนโปรดเพียงแค่ไม่กี่รายชื่อ ก็สามารถเลือกซื้อบัตรเข้างาน Regular ประเภทรายวันได้ โดยไม่ต้องซื้อเหมาสามวันแล้วไปไม่ครบให้เสียดาย เพราะบัตรวันที่ 11,12 และ 13 มีราคาถูกกว่า เพียง 2,000 บาทเท่านั้น
6. เพราะว่ามันคือ S2O!
S2O Songkran Music Festival เป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเรียกได้ว่าเป็นงานแรกที่สามารถโกอินเตอร์ได้ในระดับเอเชีย โดยปีที่ผ่านมาไปบุกตลาดประเทศญี่ปุ่นและไต้หวันเป็นที่เรียบร้อย และจบลงไปอย่างน่าประทับใจไม่แพ้ที่กรุงเทพฯ ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 16,000 คน
การนำเอกลักษณ์แบบไทยๆ อย่างวัฒนธรรมประเพณีการสาดน้ำในวันสงกรานต์ มาผสานกับเรฟคัลเจอร์ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี แล้วจัดเฟสติวัลขนาดใหญ่ขึ้นภายใต้การจัดการที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล ทำให้ชื่อ S2O เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้างได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็เป็นปีที่ 6 ของการจัดงานเทศกาลดนตรีแล้ว ถือได้ว่าเป็นเครื่องการันตีความสนุกในแบบฉบับของ S2O Festival ได้เป็นอย่างดี
หวังว่า 6 เหตุผลที่เรากล่าวไป จะเป็นตัวช่วยให้คุณตัดสินใจเข้าร่วม S2O Festival 2020 สุดชุ่มฉ่ำในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ได้ง่ายขึ้น หากพร้อมที่จะไปแดนซ์กับ Dash Berlin, Zedd, Lucas & Steve, Marlo, Martin Garrix ฯลฯ รวมถึงเพื่อนใหม่ในงานนับหมื่นคนล่ะก็ สามารถซื้อบัตรเข้าร่วมงานผ่านทางเว็บไซต์ S2O Festival ได้แล้ววันนี้
โดย S2O Festival 2020 จะจัดขึ้นในวันเสาร์ถึงจันทร์ที่ 11-13 เมษายน 2563 ณ Show DC พระรามเก้า, กรุงเทพฯ