สวัสดีปีใหม่ด้วย 20 ร้านน่านั่งเปิดใหม่ควอเตอร์สุดท้ายปี 2019!
ไปสังสรรค์ได้เลย ณ รูฟท็อปบาร์ ไนต์คลับ ค็อกเทลบาร์ หรืออิซากายะในกรุงเทพฯ ที่เพิ่งเปิดเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2562
ปี 2019 ก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าคุณจะมีปีที่ยอดเยี่ยม หรือปีที่เหนื่อยล้า เราขอให้เก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่มีค่า แล้วมาร่วมสังสรรค์ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ด้วยกัน ณ ร้านรวงต่างๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ทั่วกรุงเทพฯ
ซึ่งมีทั้งรูฟท็อปบาร์ ไนต์คลับ ค็อกเทลบาร์ ร้านอาหารกึ่งบาร์ หรือคราฟต์เบียร์บาร์ แต่ที่น่าสนใจในควอเตอร์นี้ คือแหล่งแฮงเอาต์ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ เช่นบาร์แมว และบาร์บอร์ดเกม!
หากยังคิดไม่ออกว่าจะชวนแก๊งเพื่อนหรือคนใกล้ชิดไปปาร์ตี้ที่ไหนดี เราขอแนะนำ 20 ร้านเปิดใหม่ในเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2562 ที่ต้องรีบไปเช็กอินสักหน่อยแล้ว (เรียงตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ)
Assembly Point Thonglor (อะเซมบลีพอยต์ ทองหล่อ)
รูฟท็อปบาร์สุดชิลแห่งใหม่ในย่านทองหล่อ ที่ตั้งใจเป็นจุดรวมพลสำหรับขาปาร์ตี้ สามารถมาทานอาหาร จิบเครื่องดื่มเย็นๆ หรือแม้กระทั่งนั่งชิลก่อนและหลังสังสรรค์สุดเหวี่ยงที่ร้านใกล้เคียงได้ พร้อมเที่ยวอย่างสบายใจ ด้วยที่จอดรถและห้องพักราคาพิเศษเพื่อสนับสนุนการเที่ยวอย่างปลอดภัย ให้ทุกคนเมาไม่ขับ
บริเวณร้านแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่อินดอร์และเอาต์ดอร์ ซึ่งมีบรรยากาศที่แตกต่างกัน แต่ยังคงความเรียบง่าย สบายๆ เหมือนแฮงเอาต์ที่บ้าน โดยการตกแต่งด้านนอกได้แรงบันดาลมาจากรูฟท็อปในนิวยอร์ก ประดับด้วยไฟเชอรี่สีเหลืองที่มอบบรรยากาศสุดชิล
ด้านในมีพื้นที่โต๊ะอาหาร และมุมโซฟาที่เป็นส่วนตัวขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงสำหรับโรงแรมในอนาคต และเพื่อนำเสนอความตั้งใจให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วม ผ่านการรับฟังฟีดแบ็กต่างๆ แล้วนำไปปรับการดีไซน์ตามนั้น
ส่วนเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ร้านมอบให้ เป็นดนตรีสดเพลงไทย-สากล ทุกวันศุกร์และเสาร์ เวลา 20.00 - 24.00 น. ก่อนสนุกต่อเนื่องด้วยเซ็ตเพลงแนวเฮาส์หรือซัมเมอร์มิกซ์ฟังสบาย
ที่ขาดไม่ได้คืออาหารเติมท้อง โดยเน้นเสิร์ฟอาหารไทยที่เราคุ้นชิน อาทิ ข้าวผัดกุนเชียง คอหมูย่าง ข้าวกะเพราไข่เยี่ยวม้า แต่ก็มีอาหารทานเล่นง่ายๆ ให้บริการ (ราคาอยู่ที่ 80 - 200 บาท / เมนู) ส่วนเครื่องดื่มมีครอบคลุมเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ไวน์ แชมเปญ เบียร์ เหล้าสปิริตส์หลากชนิด ในอนาคตจะมีซิกเนเจอร์ค็อกเทลให้บริการเพิ่มเติมอีกด้วย
Bafros Bar and Lounge (แบโฟรส บาร์แอนด์เลานจ์)
ใครที่กำลังมองหาสถานที่ปาร์ตี้ที่ไม่จำเจ ในย่านไนต์ไลฟ์สุดคึกคักอย่างนานา สุขุมวิทซอย 11 มีแหล่งแฮงเอาต์ใหม่สำหรับขาแดนซ์ที่หลงใหลในดนตรีทางเลือกอย่างร้าน Bafros ความพิเศษอยู่ที่จะเน้นเพลงแนว Afrobeats, Kizomba, Afro-Latin, Brazillian, Reggaeton และ R&B โดยมีดีเจมาสร้างความบันเทิง ทุกวันทำการตั้งแต่เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป
บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างสนุกสนาน ด้วยการตกแต่งที่เน้นสีสันสะดุดตาตัดกับโครงสร้างสีดำสนิท ด้วยการใช้ไฟนีออนสุดคัลเลอร์ฟูลทั่วร้าน พื้นที่จะแบ่งออกเป็นบริเวณแดนซ์ฟลอร์ โซนหน้าบาร์ โต๊ะยืน และโซนวีไอพี ที่ทุกคนสามารถเลือกได้ตามใจชอบว่าจะปาร์ตี้ตรงไหน
ก่อนขยับร่างกายไปกับเสียงเพลง สามารถเติมท้องในมื้อเย็นด้วยอาหารนานาชาติ โดยเสิร์ฟทั้งอาหารอเมริกัน อินเดีย และไทย ควบคู่ไปกับเครื่องดื่มนานาชนิด อาทิ ค็อกเทล ม็อกเทล เบียร์ เหล้าสปิริตส์ต่างๆ ซึ่งมักจัดโปรโมชั่นน่าสนใจ ให้ทุกคนได้กิน ดื่ม เที่ยวกันอย่างคุ้มค่า
นอกจากนี้ยังจัดอีเวนต์พิเศษเป็นประจำ โดยที่ผ่านมามีทั้งงานปาร์ตี้ฉลองให้กับนางงามจักรวาลชาวแอฟริกาใต้ ปี 2019, คืนแห่งวากานดาจาก (จากภาพยนตร์เรื่อง Black Panther) และปาร์ตี้สอนเต้นแนวเพลงต่างๆ กันไปแล้ว
Biscuit Bar & Café (บิสกิต บาร์แอนด์คาเฟ่)
ในซอยนานาเยาวราช มีบาร์เปิดใหม่ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ลิสเซ็นนิ่งบาร์อย่าง Biscuit Bar & Café ซึ่งให้ความสำคัญกับดนตรีและคุณภาพของเสียงมาก โดยระบบเสียงเป็นอุปกรณ์อนาล็อกทั้งหมด ทั้งลำโพงจำนวน 2 เซ็ต เทิร์นเทเบิล และมิกเซอร์ เพราะฉะนั้นเสียงที่ออกมาจะค่อนข้างออริจินัล แต่ก็ยังมีอุปกรณ์ดิจิตัลต่างๆ เตรียมพร้อมให้ดีเจมาเล่นเพลงปกติเช่นกัน
แนวเพลงที่เล่นในร้านค่อนข้างหลากหลาย แต่จะเน้นเพลงแจ๊สเป็นหลัก แซมด้วยเพลงโซล ฟังก์ อิเล็กทรอนิกส์ เฮาส์ และดีพเฮาส์ ในสไตล์เมโลดิกฟังเพลิน
บรรยากาศร้านนำเสนอความเรียบง่ายและคาแร็กเตอร์สบายๆ ด้วยการตกแต่งแบบโฮมมี่ที่หุ้นส่วนร้านเป็นผู้ออกแบบเอง เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่าง ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ บาร์ ที่เห็นเป็นงานคราฟต์แฮนด์เมดทั้งหมด รวมถึงทำมาจากไม้รีไซเคิล จึงเห็นความไม่สมบูรณ์ที่ให้ความรู้สึกแบบรัสติกเล็กน้อย โดยร้านเปิดให้บริการสองชั้น ซึ่งด้านบนจะเป็นเลานจ์มืด ติดไฟนีออน ให้ทุกคนได้มานั่งพูดคุยกัน
สำหรับเครื่องดื่ม มีให้บริการหลากหลายประเภท ทั้งอะเพอริทิฟ, แอบซินธ์, วิสกี้, เบอร์เบิน, เบียร์, ไวน์, วอดก้า, ลิเคียว และอีกมากมาย โดยนำเข้ามาจากนานาประเทศ ซึ่งทุกคนอาจจะได้ลิ้มลองเหล้าใหม่ๆ แปลกๆ จากที่แห่งนี้ แต่ที่พลาดไม่ได้ คือบรรดาซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่รังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษ
หากใครไม่ใช่แฟนของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทางร้านก็มีเครื่องดื่มสไตล์คาเฟ่อย่าง ชา กาแฟ น้ำผลไม้ และซอฟต์ดริงก์ต่างๆ พร้อมเสิร์ฟ (ปัจจุบันยังไม่มีเมนูอาหารให้บริการ)
Chill Table Kitchen & Bar (ชิลเทเบิล คิตเช่นแอนด์บาร์)
ในย่านออฟฟิศใจกลางเมืองอย่างอโศก มีหนึ่งร้านแฮงเอาต์ที่เหมาะกับวัยทำงานอย่างเรา นั่งทานมื้ออาหารพลางสังสรรค์สบายๆ ในชื่อ Chill Table Kitchen & Bar ตั้งอยู่บริเวณชั้นหนึ่งหน้าโรงแรม The Fusion Suites โดยเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์โอเพ่นแอร์ ที่มีการตกแต่งร้านเรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่อบอวลไปด้วยบรรยากาศสุดชิล สามารถเลือกได้ว่าจะนั่งจิบที่โซนหน้าบาร์ หรือโซนด้านนอก
และทุกวันศุกร์เวลา 20.00 - 22.00 น. จุดเชื่อมระหว่างสองโซน จะกลายเป็นเวทีการแสดงดนตรีสดในสไตล์อะคูสติกและโอลด์สคูลฟังเพลิน ที่เสียงเพราะๆ ของนักร้องและกีตาร์จะทำให้หลายคนมีค่ำคืนที่ดี
สำหรับเมนูอาหาร ทางร้านเสิร์ฟอาหารไทยเป็นหลัก โดยมีให้เลือกทานทั้งอาหารจานเดียว กับข้าว กับแกล้ม หรืออาหารมังสวิรัติ และอาหารตะวันตก เช่น พอร์กช็อป แซนวิช ฟิชแอนด์ชิปส์ รวมถึงมีอิงลิชเบรกฟาสต์ให้บริการตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้า ฉะนั้น ไม่ว่าอยากทานอาหารมื้อไหนของวัน ก็สามารถมาฝากท้องที่นี่ได้
ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้บริการอย่างครบครัน อาทิ เบียร์ ค็อกเทล ม็อกเทล ไวน์ เหล้าสปิริตส์ และซอฟต์ดริงก์ต่างๆ
Crimson Room (คริมสันรูม)
ค็อกเทลบาร์ในซอยหลังสวน ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบร้านสไตล์แกตส์บี้สุดหรูหรา แฝงกลิ่นอายความคลาสสิก ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากยุค 1920 ที่เรียกว่า ‘The Roaring Twenties’ ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของเพลงแจ๊ส
การตกแต่งร้านเน้นใช้โทนสีทอง-แดง-ดำ ในโครงสร้างเพดานสูงโปร่ง และที่นั่งเป็นขั้นคล้ายสเตเดียมซึ่งมอบความรู้สึกเป็นส่วนตัว แต่ที่โดดเด่นคือแชนเดอเลียร์ทองเหลืองเหนือเวทีหน้าม่านกำมะหยี่สีแดงสด ที่ออกแบบคล้ายกับแซ็กโซโฟนห้อยลงมา สื่อถึงเครื่องดนตรีใช้บรรเลงเพลงแจ๊สนั่นเอง
จุดเด่นที่นี่คือไลฟ์แบนด์เพลงแจ๊ส ที่มีให้ชมเป็นประจำทุกวัน โดยวันอาทิตย์-พฤหัสบดีแสดงเวลา 21.00-24.00 น. ส่วนวันศุกร์และเสาร์เวลา 20.00-23.00 น. ซึ่งความสนุกในวันสุดสัปดาห์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะสามารถเพลินต่อด้วยเช็ตเพลงสนุกๆ แนวเฮาส์จากดีเจจนจบค่ำคืน
พลางจิบค็อกเทลซิกเนเจอร์ ที่ล้วนนำคลาสสิกค็อกเทลจากยุคดังกล่าว มาตีความและใส่วัตถุดิบใหม่ๆ เข้าไป แต่ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ คือการใช้วัตถุน้อย เพียง 3-4 อย่างเท่านั้น แล้วหันไปเน้นรสชาติของเหล้าแทน
หรือใครที่ไม่ใช่แฟนค็อกเทล ก็สามารถจิบไวน์นำเข้าที่มีให้เลือกดื่มหลากชนิด โดยเฉพาะประเภท Dry และ Fruity นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส รวมถึงแชมเปญหรือเหล้าสปิริตส์ต่างๆ
Dotf (ดอทเอฟ)
ไนต์คลับเปิดใหม่ในย่านเกษตร-นวมินทร์ที่ตกแต่งสไตล์อันเดอร์กราวด์ โครงสร้างร้านและองค์ประกอบต่างๆ เป็นสีดำสนิท จึงเพิ่มความโดดเด่นให้กับโปรดักชั่นที่ติดตั้งโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นไฟ แสงเลเซอร์ หรือวิชวลบนจอด้านหลังบูทดีเจ ที่สร้างบรรยากาศปาร์ตี้สนุกๆ พื้นที่ในร้านมีทั้งหมด 2 ชั้น ค่อนข้างกว้างขวาง จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความแออัดเลยแม้แต่น้อย
แนวเพลงที่ Dotf เป็นอีดีเอ็มสุดมัน ซึ่งมีดีเจหมุนเวียนมาเล่นสร้างความบันเทิงเป็นประจำทุกค่ำคืน อาทิ AAA+, ToBreak Tazu, Rabbiizz, Mirinda, Hanar, Hanky และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมักจัดอีเวนต์พิเศษ เชิญดีเจไทยมากฝีมือมาโชว์เซ็ตเพลงให้ทุกคนได้เต้นกันทั้งคืนอีกด้วย
สำหรับเมนูเครื่องดื่ม ทางร้านพร้อมเสิร์ฟครอบคลุมหลายชนิด ได้แก่ วิสกี้ วอดก้า RTD (Ready to drink) เบียร์ และซอฟต์ดริงก์ต่างๆ ใครที่กำลังคิดจะไปมีมื้อเย็นที่ร้าน เราแนะนำให้หาอะไรทานรองท้องไปก่อน เพราะปัจจุบันยังไม่มีอาหารให้บริการ
Fetch's Tank by Dr.Fetch (เฟตช์แทงค์ บายด็อกเตอร์เฟตช์)
Dr.Fetch ค็อกเทลบาร์สุดยูนีกบนชั้น 2 ของร้านอาหารยอดฮิตอย่าง Octo Seafood Bar เปิดโซนแฮงเอาต์ใหม่ในชื่อว่า ‘Fetch's Tank’ เป็นร้านกึ่งไนต์คลับที่ตกแต่งได้อย่างโดดเด่น ภายใต้คอนเซ็ปต์เกี่ยวข้องกับท้องทะเลเช่นเดิม
โครงสร้างร้านค่อนข้างเรียบง่าย ใช้ไฟนีออนเป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมด้วยโต๊ะยืนสุดคัลเลอร์ฟูล จึงมีบรรยากาศแบบเรโทรเล็กน้อย แต่แฝงไปด้วยมู้ดสนุกๆ ของปาร์ตี้ ด้วยขนาดของร้านที่ไม่ใหญ่นัก ไม่ว่าจะยืนตรงบริเวณไหนของร้านก็สามารถชมดีเจเล่นเพลงได้ถนัดตา
หากกำลังหาสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนรักเสียงเพลง โดยเฉพาะแนวฮิปฮอปและเทคโนเฮาส์ ที่แห่งนี้คือคำตอบ โดยมีดีเจไทยและต่างประเทศหมุนเวียนมาสร้างสีสันเป็นประจำ ทั้งคืนปกติและคืนอีเวนต์พิเศษ ที่ผ่านมาได้สังสรรค์ไปพร้อมกับเซ็ตเพลงเด็ดๆ จาก Eli Brown, Yukibeb, Paka และดีเจโลคัลมากมายกันไปแล้ว
สำหรับเมนูเครื่องดื่ม ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับซิกเนเจอร์ค็อกเทลรสอร่อยจาก Dr.Fetch ได้ หรือจะดื่มเครื่องดื่มที่หลายคนคุ้นชิน เช่น เบียร์ วิสกี้ เหล้าสปิริตส์ และซอฟต์ดริงก์ต่างๆ
Fruit Bar the Social Club (ฟรุตบาร์ เดอะโซเชียลคลับ)
Oh! Vacoda คาเฟ่อะโวคาโดสุดน่ารักในเวลากลางวัน แต่เมื่อตะวันตกดินจะกลายเป็นแหล่งสังสรรค์ของคนรักเหล้าผลไม้ในชื่อ Fruit Bar The Social Club ที่คอนเซ็ปต์ การออกแบบร้าน เมนูอาหารและเครื่องดื่ม ล้วนมาจากความชื่นชอบส่วนตัวของเจ้าของร้านเอง
การตกแต่งคาเฟ่และบาร์นั้น ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านเท่ๆ ของอาร์ตติสต์คนหนึ่ง โดยใช้โทนสีส้มอมชมพูเป็นหลัก และใส่ลูกเล่นด้วยไฟหลากสีสันเข้าไปเพื่อสร้างบรรยากาศสนุกๆ แอบมีกลิ่นอายวินเทจนิดๆ จากเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นของสะสมส่วนตัว
เพิ่มความยูนีกด้วยภาพวาดและโปสเตอร์สุดแนว ด้านในมีห้องลับเล็กๆ ที่เปรียบเสมือนสถานที่ประกอบพิธีของลัทธิอะโวคาโด ให้สาวกได้บูชาเจ้าผลไม้สีเขียวชนิดนี้ด้วย ซึ่งบรรยากาศฮิปๆ ถูกกล่อมด้วยเสียงเพลงหลากหลายแนว อาทิ Tribal เรกเก้ หรือสวิงแจ๊ส
สำหรับเครื่องดื่มที่ร้านยังคงคอนเซ็ปต์การใช้ผลไม้เป็นวัตถุดิบ จึงชูเหล้าผลไม้นานาชนิด โดยเฉพาะเหล้าบ๊วย เพราะแต่ละตัวที่ร้านคัดสรรมานั้น เป็นตัวโดดเด่นจากภูมิภาคต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น และวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่มนั้นเป็นโฮมเมด เมื่อนำมารังสรรค์เป็นซิกเนเจอร์ค็อกเทลจึงกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีลักษณะเฉพาะตัว (ที่ร้านมีเมนูลับน่าลิ้มลองด้วยนะ)
เมนูอาหารที่เสิร์ฟตอนกลางคืน มีอาหารทานเล่น 3 เมนู ได้แก่ ถั่วแระญี่ปุ่น ชีสซี่นาโชส์ และมันฝรั่งอบพร้อมดิป ซึ่งสองเมนูหลังยังคงมีอะโวคาโด้เป็นส่วนประกอบเช่นกัน
Heap Cafe' & Restaurant (ฮีพ คาเฟ่แอนด์เรสเตอรอง)
หลังจาก Heap Cafe' & Restaurant สาขาราชเทวีปิดตัวลง ได้ย้ายบ้านหลังใหม่มายังย่านทองหล่อ-พร้อมพงษ์ ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโครงการ Rain Hill โดยตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นผสมอินดัสเทรียลที่โชว์โครงสร้างดิบๆ เพิ่มความสดใสด้วยไฟนีออนหลากสีติดตั้งไว้ทั่วร้าน ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศสบายๆ อย่างเป็นกันเองเช่นเดียวกับสาขาอื่น
พื้นที่ร้านแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่อินดอร์และเอาต์ดอร์ ซึ่งโซนด้านนอกนั้นสามารถมองภาพความพลุกพล่านของถนนเส้นสุขุมวิทได้อย่างเต็มตา พลางเพลิดเพลินไปกับเอนเตอร์เทนเมนต์ประจำของร้าน คือดนตรีสดเพลงไทยสากลสนุกๆ พอโยกตัวได้ ที่ทำให้ค่ำคืนแห่งการสังสรรค์ไม่น่าเบื่อ
ทุกคนสามารถมีมื้อเย็นรสอร่อยอิ่มท้องได้เลย เพราะ Heap Cafe' & Restaurant จริงจังเรื่องอาหาร โดยเสิร์ฟอาหารไทยเป็นหลัก แต่ก็มีอาหารตะวันตก ประเภท พาสต้า สเต็ก สลัดพร้อมให้บริการ แถมยังมีของหวานหลากเมนูอย่างเค้กและบราวนี่ให้ทานปิดท้ายอีกด้วย
ส่วนเมนูเครื่องดื่มนั้นมีครอบคลุมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ค็อกเทล,วิสกี้, จิน, วอดก้า, เตกีล่า, เบียร์, น้ำผลไม้, ชา, กาแฟ และอีกมากมาย ตอบโจทย์ทั้งผู้ที่ดื่มและไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลยก็ว่าได้
Noma BKK (โนม่า บีเคเค)
NOMA (Now our mother’s angry) ได้ย้ายบ้านสุดอินดี้หลังนี้ จากย่าน RCA มายังสะพานควาย โดยยังคงคอนเซ็ปต์เดิมที่อยากชวนเพื่อนมาปาร์ตี้และพังบ้านกันตอนที่แม่ไม่อยู่ (ซึ่งตอนนี้แม่โกรธแล้วนะ!) การออกแบบตกแต่งร้านจึงให้ความรู้สึกค่อนข้างโฮมมี่และเป็นกันเอง ทั้งผนังและพื้นปูนเรียบๆ การใช้เฟอร์นิเจอร์เก่า-ใหม่หลากสไตล์มาวางปะปนกัน ก่อนสร้างบรรยากาศแบบเรโทรเล็กๆ ด้วยไฟนีออนสีน้ำเงินทั่วร้าน
สิ่งหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของโนม่าคือ เสียงเพลง หากต้องการฟังดนตรีทางเลือกที่สดใหม่ไม่เมนสตรีม สามารถมาชมเซ็ตดีเจโลคัลหรือวงดนตรีเจ๋งๆ ได้เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นแนว นิวเวฟ, เฮาส์, ฟังก์, ดิสโก้, แจ๊ส, โอลดี้ส์, ฮิปฮอป,เวิลด์มิวสิก, หมอลำ ฯลฯ หมุนเวียนกันไป นอกจากนี้ยังมักจัดอีเวนต์พิเศษ ที่เชิญศิลปินมีชื่อเสียงมาแสดง ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากความตั้งใจผลักดันให้ซีนเพลงอินดี้ของไทยเติบโตก็ว่าได้
สิ่งที่จริงจังไม่แพ้ดนตรี ก็คืออาหารและเครื่องดื่ม โดยเน้นอาหารทานเล่นที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว เช่น ข้อไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ ปีกไก่ทอด หมูกรอบ หรือไส้กรอก แต่ก็มีอาหารจานเดียวอิ่มท้องพร้อมเสิร์ฟ ควบคู่กับเครื่องดื่มหลากเมนู อาทิ เบียร์ วิสกี้ ค็อกเทล เราแนะนำให้ลองดื่มซิกเนเจอร์ค็อกเทลของที่นี่ดู เพราะเขานำวัตถุดิบบ้านๆ อย่าง ซอสถั่วเหลือง ซอสหม่าล่า หรือหนังไก่ทอดมาผสมในเครื่องดื่มสุดแปลกใหม่อีกด้วย
Red Fox Board Games Bar (เรดฟ็อกซ์ บอร์ดเกมส์บาร์)
ร้านบอร์ดเกมที่จะทำให้ให้คุณสนุก อิ่ม และชิลครบจบในคืนเดียว ไม่ต้องไปแฮงเอาต์ต่อร้านสองร้านสามให้เหนื่อย โดยร้าน Red Fox Board Games Bar มาพร้อมคอนเซ็ปต์ยุค 90 จึงตกแต่งร้านด้วยสีสันสดใส ประดับดวยไฟปิงปองและนีออนหลากสี ถึงแม้ร้านจะไม่มีบรรยากาศปาร์ตี้เฉกเช่นบาร์อื่น แต่บรรยากาศโดยรวมก็เหมาะให้ครอบครัว เพื่อน หรือคู่รัก มานั่งเล่นเกมเฮฮา สร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน
มีเกมให้เลือกเล่นหลายประเภท เช่น แฟมิลี่เกม หรือปาร์ตี้เกมเล่นง่าย ไม่ซับซ้อน หรือใครที่อยากคิดมากหน่อย ทางร้านก็เกมวางแผนครบครัน หากเล่นบางเกมแล้วติดใจ อยากได้กลับไปเล่นที่บ้าน ก็สามารถสั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊กเพจร้านได้ อาทิ Tiki Topple, Sheriff of Nothingham, Lift It!, Lorenzo Mysterium และอีกมากมาย
สำหรับเมนูอาหารที่เสิร์ฟ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ออลเดย์เบรกฟาสต์ ฟู้ดฟิงเกอร์แบ่งทานกับเพื่อน และอาหารจานเดียวสไตล์ไทยและอิตาเลียน เรียกได้ว่าสามารถมาทานอาหารเช้า กลางวัน และเย็น พลางเล่นเกมอย่างสนุกสนานได้เลย
ส่วนเมนูเครื่องดื่ม มีให้บริการครบถ้วน ทั้งมีและไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ได้แก่ มิลค์เชก ชา กาแฟ น้ำผลไม้ เบียร์ ค็อกเทล ม็อกเทล หรือวิสกี้ (แต่เหล้าไม่แรงมากเพราะเดี๋ยวจะเล่นเกมไม่ได้!) เรียกได้ว่าเป็นร้านที่ตอบทุกความต้องการ ไม่ว่าจะอยากมาเล่นเกม ทานอาหาร หรือดื่มเพียงอย่างเดียว
Ruuf 97 (รูฟไนน์ตี้เซเว่น)
รูฟท็อปบาร์บนโรงแรม Paradise Sukhumvit ซอยเอกมัย 12 ที่มอบบรรยากาศสุดชิลและทัศนียภาพเมืองกรุงแบบ 180 องศา โดยพื้นที่ร้านแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่โซนที่นั่งชั้น 9 ที่สามารถชมการแข่งขันกีฬาบนจอโปรเจคเตอร์ รวมถึงโชว์ดนตรีต่างๆ ได้เต็มตา และโซนชั้นลอย ที่เป็นเก้าอี้บีนแบ๊กสีดำสำหรับนั่งพื้นอย่างเป็นกันเอง
ในแต่ละค่ำคืน จะมีเอนเตอร์เทนเมนต์หลายรูปแบบคอยสร้างความบันเทิงให้กับลูกค้า ได้แก่ การแสดงดนตรีสดในแนวเพลงไทย-สากลยอดนิยม เป็นประจำทุกวันพุธถึงเสาร์ ต่อด้วยเพลงมันๆ จากดีเจที่จะสร้างบรรยากาศปาร์ตี้ยาวจนจบคืน
นอกจากนี้ยังมักจัดอีเวนต์ เชิญศิลปินมีชื่อเสียงมาร้องเพลงสร้างสีวันอยู่เป็นระยะๆ ที่ผ่านมาได้เพลิดเพลินไปกับเสียงร้องเพราะๆ ของป๊อด-ธนชัยกันไปแล้ว
เมนูอาหารที่เสิร์ฟมีทั้งอาหารไทยและอาหารตะวันตก โดยแบ่งเป็นประเภท อาหารเรียกน้ำย่อย สลัด สเต็ก สปาเก็ตตี้ และอาหารไทยทั่วไป คู่กับเครื่องดื่มหลากชนิด เช่น วิสกี้ เบียร์ และคลาสสิกค็อกเทลนับสิบรายการ ที่ห้ามพลาดคืออาหารทานเล่นเมนูซิกเนเจอร์น่าลิ้มลองอย่าง ขี้เมา Ruuf97 (สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่แคปชั่นใต้ภาพ)
Secret Storey (ซีเคร็ตสตอรี่)
บาร์สุดยูนีกที่จะมอบประสบการณ์การสังสรรค์แบบไม่เหมือนใคร โดยตั้งอยู่บนชั้น 5 ของอาคารติดสถานี BTS พร้อมพงษ์ (ทางออก 4) ที่ถึงแม้พื้นที่ร้านจะไม่กว้างมากเท่าไรนัก แต่อัดแน่นไปด้วยความน่าสนใจ โดดเด่นที่สุดคือการใช้เทคนิคโปรเจคชั่นแมพปิ้ง (Projection Mapping) ฉายภาพ ‘แสงเหนือ’ ไปทั่วเพดาน ซึ่งภาพนี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเทศกาลหรือธีมอีเวนต์
เพิ่มลูกเล่นด้วยไฟนีออน และเซ็นเตอร์พีซขนนกสีครีม ที่ทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้นระหว่างที่นั่งทั้งสองฝั่ง ส่วนกำแพงร้านใช้กระจกเงาเต็มผนัง ทำให้รู้สึกโปร่งและไม่อึดอัด อีกด้านหนึ่งเป็นกระจกใสที่มอบภาพความคึกคักและชีวิตอันไม่หยุดนิ่งของคนเมือง ทั้งบนท้องถนนและสถานีรถไฟฟ้า
ในขณะเดียวกันก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเพลงอิเล็กทรอนิกส์ได้ ที่พิเศษคือในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้เชิญศิลปินคาแร็กเตอร์ชัดอย่าง จีน-กษิดิศ มาสร้างสีสันเป็นประจำทุกวันพุธคืนเลดี้ไนต์ ฉะนั้น ต้องติดตามกันต่อไปว่าในอนาคตจะเชิญศิลปินคนไหนมาร่วมโชว์กันอีกบ้าง
สำหรับเมนูเครื่องดื่ม Secret Storey จะโฟกัสที่ค็อกเทลและไวน์เป็นหลัก ห้ามพลาดเลยคือซิกเนเจอร์ค็อกเทลหลากเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังมีเครื่องดื่มอื่นอย่างแซงเกรีย แชมเปญ ไวน์ วอดก้า วิสกี้ ฯลฯ ให้บริการ ส่วนเมนูอาหาร มีทั้งทานเล่นและจานหลักอิ่มท้อง เช่น ยำหมูยอไข่เค็ม ปอเปี๊ยะขลุ่ยกุ้ง หรือสปาเกตตี้สไปซี่พอร์คบอล
Shinjuku Sake Bar (ชินจุกุ สาเกบาร์)
ที่เวิ้งโบราณชั้นสอง มีโมเดิร์นอิซากายะกึ่งผับแห่งนี้ตั้งอยู่ โดยตั้งใจนำความมันและความสนุกในแบบของย่านชินจูกุมาไว้ที่ไทย ซึ่งนำไปสู่การออกแบบตกแต่งร้าน ที่องค์ประกอบทั้งหมดล้วนสื่อถึงประเทศญี่ปุ่น
เช่น โชว์เคสตุ๊กตาดารูมะนับสิบตัว ตั้งหุ่นกันดั้มขนาดใหญ่กว่าคนจริงต้อนรับลูกค้าหน้าร้าน มีการกั้นเป็นห้องเล็กๆ คล้ายกับการใช้ฟุซุมะในบ้านญี่ปุ่นดั้งเดิม ทั้งหมดถูกอาบด้วยไฟสีแดง-เหลือง ที่สร้างบรรยากาศแบบบาร์ได้อย่างลงตัว
Shinjuku Sake Bar เรียกตัวเองว่าเป็นโมเดิร์นอิซากายะกึ่งผับ ‘อารมณ์ดี’ ก็เพราะพนักงานแต่งคอสตูมเป็นประจำ เช่น ชุดพาวเวอร์เรนเจอร์ ชุดไดโนเสาร์เป่าลม หากไปแฮงเอาต์ในช่วงศุกร์-เสาร์ ก็จะพบกับการแสดงเต้นชินจังสุดน่ารัก แถมวันเสาร์มีนักมายากลมาเล่นกลให้ชมถึงโต๊ะ ท่ามกลางเพลงสนุกๆ จากดีเจในแนวฮิปฮอป ที่แซมเคป็อปและเพลงไทยเอาใจขาแดนซ์อีกด้วย
อาหารที่เสิร์ฟเป็นเมนูทานเล่นสไตล์อิซากายะทั้งหมด แต่บางเมนูนำมาปรุงใหม่ให้เข้ากับลิ้นคนไทยมากขึ้น หากต้องการทานอะไรที่หนักท้องและจริงจังมากขึ้น ทางร้านก็มีซูชิและข้าวให้บริการ ที่เน้นคือบรรดาเมนูเครื่องดื่มที่ใช้เหล้าจากญี่ปุ่นทั้งหมด อาทิ สาเก โชจู เบียร์ หรือวิสกี้
ที่แนะนำคือเครื่องดื่มสุดคัลเลอร์ฟูล ซิกเนเจอร์ของร้าน อย่างเบียร์สดรสเมล่อนและส้มยูสุ บิงซูผสมจิน หรือโชจูปั่นนม ที่การันตีว่าไม่มีใครเหมือนแน่นอน
Shuushuu.hiddenplace (ชูว์ชูว์ ฮิดเดนเพลส)
ขยับจากบ้านหลังเดิมในตรอกสะพานญวนลึกเข้ามาในซอยเพียงไม่กี่ก้าว จะพบกับร้านอาหาร Heartbeat ซึ่งชั้น 2 เป็นที่ตั้งถาวรของร้านเหล้าบ๊วยสุดฮิปแห่งนี้ โดยยังคงคาแร็กเตอร์สุดกวนผสมความทะลึ่งตึงตังอยู่เช่นเดิม ออกมาเป็นบาร์ขี้เล่นสีชมพูสุดน่ารัก
ทีมเจ้าของร้านเป็นผู้ออกแบบและตกแต่งร้านด้วยตัวเอง ด้วยความตั้งใจที่จะใช้พลาสติกให้น้อยที่สุด จึงนำเฟอร์นิเจอร์มือสองมาดัดแปลงแทนการซื้อใหม่ เช่น นำเก้าอี้มาเพนต์และพ่นสเปรย์เป็นลายโลโก้ร้าน ตัดแผ่นอะคริลิคมาประกอบกับเก้าอี้ไม้สุดเท่ แผ่นบาร์ด้านบนก็ทำมาจากขยะพลาสติก อย่างขวดแชมพู ฝาน้ำ ฯลฯ ที่นำไปอบแล้วอัดเป็นแผ่น โคมไฟในห้องน้ำก็ทำขึ้นเองด้วยมือ เรียกได้ว่าบาร์แห่งนี้เป็นบาร์คราฟต์ได้เต็มปาก
ใครที่เคยไปร้านเก่าแล้วรีเควสต์อาหารทานเล่นไว้ ร้านใหม่จัดให้เต็มที่ โดยมีเสิร์ฟถั่วแระญี่ปุ่น แมคคาเดเมีย หมูแผ่นครีมชีส แครกเกอร์กับหมึกหยอง และไส้กรอก ในราคาจานละ 60-80 บาทเท่านั้น
ส่วนตัวชูโรงของ Shuushuu.hiddenplace แน่นอนว่าคือบรรดาเหล้าบ๊วย ซึ่งยังคงเสิร์ฟเมนูยอดฮิตอยู่ เช่น อูเมะชูจากเมืองวากายามะ จังหวัดนางาโนะ เฮียวโงะ โดยชื่อเมนูแต่ละรายการยังคงเป็นตัวเลขที่มีเรื่องเล่าและจำง่ายอยู่เช่นเดิม แต่เพิ่มเมนูใหม่ๆ เข้ามา เช่น เมนูเซอร์ไพรส์และเซ็ตเทสติ้งเมนู หรือหากดื่มแล้วติดใจ ก็สามารถซื้อกลับบ้านทั้งขวดได้เลย
Tai Soon Bar (ไท่ซุนบาร์)
ร้านเบียร์คราฟต์ในย่านประตูผี ที่ปรับปรุงตึกเก่าอดีตร้านขายยาของครอบครัว ให้กลายเป็นบาร์สไตล์จีนสุดโดดเด่น โดยคงโครงสร้างเดิมของอาคารที่สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เอาไว้ให้ได้มากที่สุด ตั้งใจกระเทาะผนังปูนโชว์อิฐบล็อก ผนังเป็นผนังปูนเปลือยที่ดิบมากๆ คอนกรีตที่ถูกขึ้นรูปอย่างไม่เรียบเนียน นำเสนอภาพร้านสไตล์รัสติกที่ไม่สมบูรณ์แบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เพิ่มกลิ่นอายของร้านเดิมด้วยการดีไซน์บาร์ให้เป็นเหมือนเก๊ะใส่ยาสมัยก่อน ป้ายชื่อร้าน ‘ไท้ ซุ่น ตึ๊ง’ ก็ยังแปะไว้เป็นสัญลักษณ์แห่งอดีต สร้างมู้ดสลัวๆ ด้วยการห้อยโคมไฟจีนสีแดงสดลงมาจากเพดานนับสิบโคม เลือกใช้ชุดเก้าอี้ไม้จีนโบราณคู่กับโต๊ะกลมหินหินอ่อนทั้งร้าน แบ่งออกเป็น 3 ชั้น โดยชั้นบนสุดเป็นโซนโอเพ่นแอร์ให้ทุกคนนั่งชิลในบรรยากาศแบบไม่ปรุงแต่ง
เคล้าด้วยเสียงดนตรีเอื่อยๆ สลับกับเพลงโฟล์กซองจากวงดนตรีสด ที่กำลังจะมาเล่นเป็นประจำทุกวันศุกร์-เสาร์ หรือบางคืนอาจจะได้เพลิดเพลินไปกับไลฟ์เพลงแจ๊สเพราะๆ ก็เป็นได้
จุดเด่นที่นี่คือเบียร์คราฟต์ จะเน้นเบียร์คราฟต์ต่างประเทศเป็นหลัก เช่น เบลเยี่ยม เยอรมนี อเมริกา สวีเดน นอร์เวย์ ฯลฯ มีเบียร์สดจำนวน 13 แท็ป ที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และเบียร์ขวด-กระป๋อง นับร้อยรายการ ให้เลือกดื่มได้ตามใจชอบ ไม่เพียงเท่านั้น เพราะในอนาคตอันใกล้กำลังจะมีค็อกเทลซิกเนเจอร์ ที่ใช้วัตถุดิบพื้นบ้านจากแต่ละภาคของประเทศไทย (อดใจรอมิกซ์โซโลจัสต์พัฒนาสูตรสักครู่!)
The 1925 Brewing Co. (เดอะไนน์ทีนทเว็นตี้ไฟฟ์ บริววิ่ง โค)
The 1925 Brewing Co. เป็นร้านสไตล์แกสโตรผับและโรงเบียร์สัญชาติสิงคโปร์ ที่มาเปิดสาขาในกรุงเทพฯ ตกแต่งสุดเท่ในสไตล์อินดัสเทรียลที่เปลือยโครงสร้างไว้อย่างตั้งใจ
บรรยากาศสบายๆ ทำให้ร้านเหมาะเป็นสถานที่ที่จะมาทานอาหารและนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ หลังเลิกงาน พลางฟังไลฟ์แบนด์เล่นเพลงอะคูสติกหรืออีซี่ลิสเซ็นนิ่งได้อย่างเพลิดเพลิน (เฉพาะวันพฤหัสบดี - อาทิตย์) มีจอโทรทัศน์พร้อมถ่ายทอดสดแมทช์การแข่งขันฟุตบอล ให้ทุกคนได้มาร่วมลุ้นร่วมเชียร์กันอย่างเรียลไทม์
เมนูอาหารทั้งหมดออกแบบโดยเชฟผู้เป็นเจ้าของร้านอย่าง Ivan Yeo โดยเน้นอาหารเอเชียรสจัดจ้าน ที่ได้แรงบันดาลใจในการรังสรรค์อาหารมาจากอาหารจีนแต้จิ๋ว เช่น ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเซอร์ลอย เลือดเป็ดทอด ผัดหมี่ปูไข่ หมูกรอบชาชู ข้าวคอหมูย่างเตาถ่าน บักกุ๊ดเต๋ ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่สามารถทานเข้าคู่กับเบียร์คราฟต์ได้อย่างลงตัว
สำหรับเครื่องดื่ม ให้บริการคราฟต์เบียร์ของเอเชียเป็นหลัก มีคราฟต์สดจำนวน 9 แท็ป และแบบขวด-กระป๋อง ซึ่งยี่ห้อของเบียร์ที่พร้อมเสิร์ฟนั้น มีทั้งจาก The 1925 Brewing Co. เอง และนำเข้าจากประเทศอื่นกว่า 60 รายการ อาทิ ไทย ลาว อเมริกา เยอรมนี เดนมาร์ก ฯลฯ ซึ่งจะหมุนเวียน เปลี่ยนชนิดอย่างสม่ำเสมอ
The Fairy Door (เดอะแฟรี่ดอร์)
คาเฟ่และบาร์แมวในย่านทองหล่อ-พร้อมพงษ์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนวนิยายเรื่อง Alice in Wonderland: Down The Rabbit Hole ซึ่งนำไปสู่การออกแบบเมนูอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการตกแต่งร้านสุดน่ารักอย่างที่เราเห็นกันนี้
เริ่มจากทางเข้าร้านที่เป็นประตูเล็กๆ ต้องลอดตัวเข้าไป เฉกเช่นอลิซมุดโพรงกระต่ายไม่ผิดเพี้ยน เมื่อเข้าไปด้านในร้านจะพบกับแผงดองไม้สารพัดสีนับร้อยที่แขวนอยู่บนเพดาน สลับกับเถาวัลย์และไม้เลื้อยที่แผ่กิ่งก้านมาจากต้นไม้จำลองขนาดใหญ่บริเวณกลางร้าน ฝั่งหนึ่งของร้านเป็นกระจกใสที่สามารถมองภาพเมืองด้านนอกได้เต็มตา
ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือเหล่าพระเอก-นางเอก เจ้าแมวสุดน่ารักหลากสายพันธุ์ทั้ง 14 ตัว ที่คอยต้อนรับลูกค้าทุกคนอย่างสดใส ซึ่งน้องอาจจะมีง่วงบ้างหรือแอบหลับบนโต๊ะอาหารบ้าง แต่แมวไม่หยิ่งเลยแม้แต่นิดเดียว ขี้เล่นมาก! อีกหนึ่งความพิเศษคือทุกวันเสาร์เวลา 20.00 - 23.00 น. จะมีเล่นดนตรีสดเพลงแจ๊ส ให้ทุกคนได้สนุกสนานกับแมวและเพลิดเพลินไปกับเพลงเพราะๆ ในเวลาเดียวกัน
The Fairy Door เสิร์ฟขนมหวานและอาหารสไตล์ตะวันตกทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เช่น สโคน เค้ก พาสต้า ซี่โครงหมูบาร์บีคิว สลัดผัก ฯลฯ พร้อมกับเครื่องดื่มง่ายๆ อย่างน้ำชา กาแฟ ม็อกเทล น้ำผลไม้
แต่เมื่อตะวันตกดิน คุณจะได้จิบเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นมา โดยโฟกัสที่ค็อกเทลและคราฟต์เบียร์ ที่มีให้เลือกดื่มมากกว่าประเภทละ 20 รายการ ห้ามพลาดเลยคือบรรดาซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่มีหน้าตาน่ารักอ่อนหวาน แต่รสชาตินั้นช่างเข้มข้นตรงข้ามกับภายนอกเลยทีเดียว
Yard Bar BKK (ยาร์ดบาร์)
ในพื้นที่บ้านสวน h space ณ ซอยสุขุมวิท 38 มีบาร์เล็กๆ สุดเท่อย่าง Yard Bar BKK เพิ่งจอยคอมมูนิตี้เพื่อนบ้านแห่งนี้ โดยตั้งใจทำเป็นสถานที่แฮงเอาต์ชิลๆ ที่สามารถพาครอบครัว เพื่อน หรือแม้กระทั่งน้องหมา มานั่งเล่น ถ่ายรูป และดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ได้ตลอดทั้งวันจนจบคืน
การออกแบบตกแต่งร้านมาจากความชื่นชอบส่วนตัวของทีมหุ้นส่วน ซึ่งโปรดปราน Prince นักร้องอเมริกันที่โด่งดังในช่วงยุค 80 รวมถึงแทรกคอนเซ็ปต์นีออนสีสันจากซีรีส์ยอดฮิตเรื่อง Stranger Things ที่จำลองภาพของคนในยุคนั้น จึงอยากสร้างร้านที่มีบรรยากาศแบบโฮมมี่ ร้านประจำในละแวกเพื่อนบ้าน ที่ทั้งเท่และแฝงกลิ่นอายแบบเรโทรเล็กๆ
ไม่ว่าจะนั่งบริเวณใดของร้าน จะอินดอร์หน้าบาร์ หรือโซนสวนหย่อม ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเพลงสนุกๆ บางคืนอาจจะได้ฟังเพลงของ Michael Jackson หรือ Prince บ้าง เพื่อหวนนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ
จุดเด่นของที่นี่คือเครื่องดื่ม โดยเน้นจำหน่ายเบียร์นำเข้า ที่มีให้เลือกดื่มถึง 30-40 ยี่ห้อ และเบียร์สดอีกจำนวน 10 แท็ป (ที่จะเปลี่ยนทุกเดือนหรือเร็วกว่านั้น) รวมถึงค็อกเทลรสอร่อยในราคาสมเหตุสมผล โดยมีทั้งคลาสสิกค็อกเทล และตัวที่ร้านนำมาทวิสต์ใหม่ในแบบของ Yard Bar BKK
หากต้องการอาหารรองท้อง ถึงแม้ที่ร้านจะไม่มีให้บริการ แต่สามารถทานฮอตด็อกจากร้านเพื่อนบ้านอย่าง Dick Hotdog ได้ หรือหากไม่ใช่แฟนเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ก็สามารถสั่งกาแฟจาก H Dining มาจิบได้เช่นกัน
Zin Bar & Restaurant (ซินบาร์แอนด์เรสเตอรอง)
Zin Bar & Restaurant ตั้งอยู่ในย่านเกษตร-นวมินทร์ ซึ่งสถานที่แฮงเอาต์แห่งนี้มีบรรยากาศเหมือนเปิดบ้านให้เพื่อนมานั่งสังสรรค์อย่างเป็นกันเอง พื้นที่ร้านแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่อินดอร์ ที่สามารถนั่งชมมินิคอนเสิร์ตและการแสดงสดได้เต็มตา มีโต๊ะพูลให้ทุกคนได้ชวนเพื่อนมาดวลฝีมือกันอย่างสนุกสนาน และจอโทรทัศน์ถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาให้ได้ร่วมเชียร์ทีมโปรด
ส่วนต่อมาคือโซนสวนโอเพ่นแอร์ ที่สามารถนั่งสบายๆ ริมสระว่ายน้ำได้ การตกแต่งร้านเน้นใช้ดอกไม้และต้นไม้ประดิษฐ์นานาพันธุ์ ที่ทำให้ร้านดูร่มรื่นและน่าหย่อนกายพักกินดื่มเป็นระยะเวลานาน รวมถึงพื้นที่ที่กว้างขวางมาก ทำให้สามารถเที่ยวได้อย่างไม่แออัด
ความบันเทิงที่ร้าน มีทั้งดนตรีสดและดีเจเปิดเพลงสุดมัน ซึ่งจะมาสร้างสีสันเป็นประจำทุกคืน นอกจากนี้ยังมักจัดอีเวนต์พิเศษ เชิญศิลปินมีชื่อเสียงมาร่วมเวทีแห่งนี้ ที่ผ่านมาได้เอ็นจอยไปกับโชว์จาก บี-พีระพัฒน์, วงเล้าโลม, วงบริษัทฮาไม่จำกัด และแจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก (JSPKK) กันไปแล้ว
ที่ขาดไม่ได้คืออาหารและเครื่องดื่ม โดย Zin Bar เสิร์ฟอาหารไทยที่เราคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นประเภทกับแกล้ม กับข้าว หรืออาหารจานเดียว พร้อมทั้งเครื่องดื่มเย็นๆ หลายชนิด อาทิ เบียร์ ค็อกเทล ชูตเตอร์ วิสกี้ และซอฟต์ดริงก์ต่างๆ