คู่มือ! 20 ร้านแฮงเอาต์เปิดใหม่ในกรุงเทพ กรกฎาคม-กันยายน 2019
กำลังมองหาสถานที่แฮงเอาต์เย็นนี้อยู่? ตามไปดูร้านอาหาร บาร์ และไนต์คลับที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุดในควอเตอร์ที่ 3 ของปีนี้กัน!
ใครที่ตามรอยร้านรวงเปิดใหม่ตั้งแต่ต้นปีค.ศ. 2019 จากซีรีส์บทความก่อนหน้าของเรา (What’s New in Bangkok) คงได้รับประสบการณ์ กิน ดื่ม เที่ยว ณ สถานที่ใหม่น่าสนใจทั่วกรุงเทพฯ กันไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบาร์คราฟต์เบียร์ รูฟท็อปบาร์ อิซากายะ ผับฮิปฮอป หรือร้านนั่งชิลต่างๆ
ซึ่งตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ Siam2nite จะพาทุกคนท่องไปยังร้านอาหาร บาร์ และไนต์คลับเปิดใหม่ในควอเตอร์ที่ 3 ของปี หรือช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนที่ผ่านมา
โดยเรามีสถานที่แนะนำจำนวน 20 แห่ง ที่เตรียมต้อนรับขาสังสรรค์ให้ไปเยือน และมีช่วงเวลาดีๆ กับแก๊งเพื่อนฝูงได้อย่างง่ายดาย! (เรียงตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ)
23 Haus (ทเว็นตี้ทรีเฮาส์)
ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เสิร์ฟทั้งความอร่อยและความสนุกด้วยเอนเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ เป็นประจำทุกวัน โดยการตกแต่งร้านเน้นสร้างบรรยากาศสบายๆ เหมือนนั่งสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน จึงเน้นใช้วัสดุไม้เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ พื้น หรือผนัง ที่ให้ความรู้สึกโฮมมี่ แต่ใส่ลูกเล่นอย่างไฟนีออนเข้าไป จึงทำให้ร้านดูสนุกสนานและเรโทรนิดๆ
ความบันเทิงในแต่ละค่ำคืนถูกเสิร์ฟโดยเหล่าดีเจที่เตรียมเพลงมาเล่นไม่ซ้ำแนว มีทั้งฮิปฮอป อิเล็กทรอนิก้า โอลด์สคูลเฮาส์ แดนซ์ ฯลฯ สลับกับวงดนตรีสดที่สร้างสีสันด้วยเพลงไทยสากลหลากหลายแนวเพลง (แถมยังขอเพลงโปรดได้อีกด้วย!) นอกจากนี้ยังเชิญศิลปินที่มีชื่อเสียงมาแสดงในอีเวนต์พิเศษเป็นประจำ โดยที่ผ่านมาได้สนุกไปกับ P-Hot, Jetset’er, Getsunova, Twopee Southside และ Aof Pongsak กันไปแล้ว
สำหรับเมนูอาหารที่ 23 Haus เน้นอาหารไทยและนานาชาติ ซึ่งมีให้เลือกทานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเมนูทานเล่นหรือจานหลัก ที่เราคิดว่าสามารถมามีมื้ออาหารเย็นพร้อมฟังดนตรีสดเพราะๆ ไปพร้อมกันได้ ส่วนเมนูเครื่องดื่มมีให้บริการเกือบทุกชนิด อาทิ เบียร์ วอดก้า จิน เตกีล่า รัม วิสกี้ แชมเปญ ไวน์ รวมถึงซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะอีกหลายรายการ
Alonetogether Bangkok (อโลนทูเกเตอร์ แบงค็อก)
บาร์ที่สร้างขึ้นเพื่อเพลงแจ๊สโดยเฉพาะ มีการตกแต่งร้านอย่างเรียบง่าย สร้างบรรยากาศอบอุ่นเฉกเช่นบาร์แจ๊สในอเมริกาช่วงต้นยุค 90 ซึ่งพยายามคงเค้าเดิมไว้ ทั้งวอลเปเปอร์และโครงสร้างต่างๆ เน้นใช้เฟอร์นิเจอร์จากวัสดุไม้และหนังโทนสีเข้ม ก่อนสร้างมู้ดในร้านด้วยไฟส้มสลัวๆ สุดเท่ ซึ่งพื้นที่ร้านมีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นค็อกเทลบาร์ ส่วนชั้นสองเป็นวิสกี้กับซิการ์บาร์และร้านขายแผ่นเสียงสุดคลาสสิก
ที่ขาดไม่ได้คือเสียงดนตรีเพราะๆ ขับกล่อม โดย Alonetogether Bangkok เปิดเพลงค่อนข้างหลากหลาย เช่น แจ๊ส โซล หรือฟังก์ น่าสนใจตรงที่มีการแสดงดนตรีสดเป็นประจำทุกวันพุธ - เสาร์ (เวลา 21.00 - 24.00 น.) ทุกคนสามารถมาเอ็นจอยเสียงเปียโนหรือแซกโซโฟนอันไพเราะ เคล้าเสียงร้องของศิลปินไทยและต่างประเทศได้ทุกเมื่อ
อีกหนึ่งกิมมิกของบาร์แห่งนี้ คือร้านไม่มีซิกเนเจอร์ค็อกเทล เน้นคลาสสิกค็อกเทลเพียงอย่างเดียว โดยนำเครื่องดื่มธรรมดาๆ ที่ทุกคนรู้จัก หรือเมนูที่คนลืมไปแล้ว อย่างจินโทนิก ไฮบอล หรือพีน่าโคลาด้า มารังสรรค์ใหม่ ใส่ความพิถีพิถันในการสรรหาวัตถุดิบ และกระบวนการทำที่แตกต่างออกไป ด้วยความตั้งใจที่อยากเห็นผู้ดื่มให้คุณค่ากับค็อกเทลง่ายๆ นั่นเอง
Babyface Superclub (เบบี้เฟส ซูเปอร์คลับ)
ไนต์คลับสไตล์อีดีเอ็มสุดพรีเมี่ยม ที่ออกแบบและตกแต่งอย่างเทรนดี้ โดยร้านให้ความสำคัญกับประสบการณ์การปาร์ตี้ที่ทุกคนจะได้รับ ผ่านการออกแบบและติดตั้งโปรดักชั่น (แบบจัดเต็ม) เพื่อสร้างบรรยากาศสนุกๆ ไม่ว่าจะเป็นจอแอลอีดีที่เกือบล้อมรอบร้าน 360 องศา ระบบไฟแสงสี ซาวด์ ไพโร วิชวลต่างๆ รวมถึงวางระบบไฮดรอลิกไว้บนเพดานอีกด้วย
พื้นที่ร้านแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่โซนปกติ (โต๊ะยืน) บริเวณตรงกลางด้านหน้าบูทดีเจ และโซนวีไอพี (โต๊ะนั่งและโซฟา) ที่กระจายอยู่ 3 จุด ขนาบข้างและด้านหลัง
ในแต่ละคืนจะมีดีเจประจำและเกสต์ดีเจมาสร้างสีสันประมาณ 5-6 คน เช่น Roxy June, Hanky, DJ Sunny, Fahsai, Xillix และอีกนับสิบรายชื่อ ตั้งแต่เวลา 21.00 น. โดยเล่นเพลงอีดีเอ็มหลากสไตล์ แตกต่างกันไปในแต่ละอีเวนต์ อาทิ บิ๊กรูม, เบส, โพรเกรสซีฟ, เฮาส์, แทร็ป หรือฮาร์ดสไตล์
สำหรับเมนูอาหาร ที่ Babyface Superclub เสิร์ฟเมนูทานเล่นหลากชนิด เช่น เฟรนช์ฟรายส์ ปีกไก่ทอด นักเก็ต ข้าวเกรียบ ไส้กรอก ฯลฯ ส่วนนักดื่มสามารถเอ็นจอยกับเครื่องดื่มหลากชนิดที่มีให้บริการอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น วิสกี้ ไวน์ แชมเปญ จิน วอดก้า เตกีลา เบียร์ ค็อกเทลและม็อกเทลต่างๆ
Burapa Eastern Thai Cuisine & Bar by Sri Trat (บูรพา อีสเทิร์นไทยคูซีนแอนด์บาร์ บาย ศรีตราด)
บาร์และร้านอาหารไทยในคอนเซ็ปต์ขบวนรถไฟสายบูรพา ที่เสิร์ฟอาหารภาคตะวันออกและอีสาน เน้นวัตถุดิบท้องถิ่นที่นำมาปรุงอย่างพิถีพิถันและนำเสนอออกมาเป็นเมนูอาหารที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ไทยๆ ในบรรยากาศตู้โดยสารรถไฟเฟิร์สคลาสของยุโรปยุค 40 ที่แต่ละชั้นออกแบบและตกแต่งสไตล์วินเทจลักชัวรี่
ชั้นล่างสุดหรือกราวด์ฟลอร์ เป็นห้องอาหารและบาร์เครื่องดื่มที่เปรียบเหมือนห้องรับรองผู้โดยสาร ก่อนขึ้นขบวน ใช้โทนสีน้ำเงิน-ทองเป็นหลัก ส่วนชั้นหนึ่งเป็นห้องอาหารในตู้รถไฟสุดหรูหราสีแดง-น้ำตาล เมื่อขึ้นไปยังชั้นสอง จะพบกับอีกหนึ่งตู้เสบียงโทนสีเขียว-ทอง ที่เน้นรองรับลูกค้าเป็นกลุ่มใหญ่ เน้นใช้ชุดเก้าอี้-โซฟาเบาะหนังสุดคลาสสิก ควบคู่ไปกับโครงสร้างไม้สีเข้ม ในบรรยากาศไฟสีส้มสลัวที่ค่อนข้างโรแมนติกเลยทีเดียว
ระหว่างเพลิดเพลินไปกับเพลงแจ๊สที่เปิดคลอ ก็สามารถอิ่มอร่อยไปกับเมนูอาหารตะวันออกและอาหารอีสานสารพัดเมนูได้ โดยเสิร์ฟทั้งเมนูทานเล่น กับข้าว อาหารจานเดียว และขนมหวาน ที่เราเชื่อว่าบางเมนูคุณอาจไม่เคยทานมาก่อนด้วยซ้ำ เช่น น้ำพริกหมูชะมวง ไก่ย่างแดงหมักอังคัก แกงมัสมั่นไก่ทุเรียน ฯลฯ
ส่วนคอดื่ม สามารถดื่มด่ำไปกับซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสม ชื่อค็อกเทล หรือพรีเซนเทชั่นของแต่ละแก้วที่ต้องแชะรูปเก็บไว้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีไวน์ แชมเปญ เบียร์ไทย วิสกี้ จิน และม็อกเทลต่างๆ ให้บริการ
Confidential Bar (คอนฟิเด็นเชียลบาร์)
เมื่อตะวันคล้อย ร้านกาแฟในย่านศาลาแดง F.I.X Coffee แห่งนี้ จะถูกเปลี่ยนเป็นแหล่งแฮงเอาต์ยามค่ำคืนในชื่อ Confidential Bar ที่มีการตกแต่งสุดเรียบง่ายสไตล์ลอฟต์ ด้วยผนังคอนกรีตสีเทา และโครงสร้างเหล็กสีดำล้วน เล่นไฟสีแดง-เหลืองที่สร้างบรรยากาศสบายๆ โดยบริเวณร้านแบ่งออกเป็นสามโซน ได้แก่ ที่นั่งเอาต์ดอร์หน้าร้าน ชั้นหนึ่งใกล้การแสดงดนตรีสดสุดชิล และชั้นลอยที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า
ความบันเทิงในแต่ละวันจะถูกสร้างด้วยการแสดงดนตรีสดเพลงไทย-สากลในแนวป็อปและอีซี่ลิสเซนนิ่ง ตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ในบางคืนคุณอาจได้เพลิดเพลินไปกับเพลงยุค 90 หรือบางทีคุณอาจได้เป็นคนขึ้นไปจับไมค์ร้องเพลงเอง กับอีเวนต์โอเพ่นไมค์ด้วยก็ได้
สำหรับเมนูอาหาร ทางร้านเสิร์ฟจานหลักและจานรองในสไตล์อาหารเหนือ ที่นำมาดัดแปลงเล็กน้อย เช่น ไส้อั่วคั่ว ข้าวหน้าน้ำพริกอ่อง ข้าวหน้าแกงฮังเล ฯลฯ แต่ก็มีเมนูทานเล่นนานาชาติเป็นอีกตัวเลือก
แต่ที่พลาดไม่ได้คือบรรดาซิกเนเจอร์ค็อกเทลเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่นับสิบตัว ซึ่งบางแก้วใช้กาแฟเป็นส่วนผสม กลายเป็นคอฟฟี่ค็อกเทลน่าลิ้มลองหลากหลายเมนู นอกจากนี้ยังมีเหล้าสปิริตส์ต่างๆ ม็อกเทล และไวน์หลายชนิดให้บริการ
Copper Bar (ค็อปเปอร์บาร์)
ติดกับสโมสรกีฬาในย่านสุขุมวิทอย่าง The Racquet Club เป็นที่ตั้งของแฮนด์คราฟต์ค็อกเทลบาร์ในชื่อ Copper Bar ที่ตั้งใจให้คนทั่วไปรู้จักกับวัฒนธรรมการดื่มมากขึ้น
ด้านหน้าร้านและห้องลับด้านในโดดเด่นด้วยโทนสีแดง-ดำ ส่วนการออกแบบภายในให้ความรู้สึกเหมือนบาร์ในฝรั่งเศสช่วงยุค 40 กึ่งๆ ห้องรับแขกสุดอบอุ่น ผ่านการใช้ไฟส้มสว่าง และของประดับตกแต่งร้าน ซึ่งเป็นของสะสมส่วนตัวของคู่เจ้าของร้านเอง เช่น ฟิกเกอร์สตาร์วอร์ส รูปภาพ เกมต่างๆ
ในขณะที่กำลังเพลินเพลินกับเพลงสวิงแจ๊สเปิดคลอเบาๆ ทุกคนสามารถดื่มด่ำกับค็อกเทลรสอร่อยจากมิกซ์โซโลจิสต์มากฝีมือ Fabio Brugnolaro ซึ่งเมนูซิกเนเจอร์ค็อกเทลปัจจุบัน เป็น All Star 7 รวมทุกเมนูที่ขายดีที่สุดจากทุกร้านที่ผ่านการรังสรรค์โดยฟาบิโอ และอีก 15 เมนูใหม่ที่นำค็อกเทลสูตรเก่าๆ มาทำ โดนเน้นใช้ผลไม้สด สมุนไพรแห้ง และเทคนิคอินสแตนท์อินฟิวส์ พร้อมนำเสนอเครื่องดื่มให้มีความสวยงาม น่าชักภาพเก็บไว้
ความน่าสนใจอยู่ที่ลูกค้าสามารถสั่งเครื่องดื่ม Custom สูตรโปรดส่วนตัว (ถ้าเด็ดมากอาจได้นำไปรวมอยู่ในเมนูหลักของร้านด้วย!) รวมถึงพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับค็อกเทลได้อย่างเป็นกันเอง ส่วนใครที่ท้องว่างก็สามารถดื่มไปทานไป กับเมนูทานเล่นทั้งหลาย เช่น แซนวิช เฟรนช์ฟรายส์ ชิกเก้นสติ๊ก หรือพิซซ่าโฮมเมดได้ตามใจชอบ
Gigi Dining Hall & Bar (จีจี้ ไดน์นิ่งฮอลล์แอนด์บาร์)
บาร์และร้านอาหารอิตาเลียนที่ตั้งใจเป็นจุดนัดพบให้ทุกคนได้มีมื้อเย็นรสอร่อย พลางจิบเครื่องดื่มเบาๆ ก่อนไปสนุกต่อในยามค่ำคืนที่บาร์จิน Iron Balls และไนต์คลับ Sing Sing Theater ณ ใต้ชายคาเดียวกัน
การออกแบบตกแต่งร้านมีสไตล์อินดัลเทรียลผสมโฮมมี่ จึงมีความเท่แต่เข้าถึงได้ง่าย บวกกับความตั้งใจทำร้านให้มีคาแร็กเตอร์ที่สนุกสนาน จึงใช้สีสันสดใสเป็นองค์ประกอบ เช่น ภาชนะต่างๆ ภาพศิลปะ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ แทรกด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ที่ทำให้บรรยากาศร้านดูสบายๆ ยิ่งขึ้น โดยพื้นที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่สวนโอเพ่นแอร์ ที่นั่งอินดอร์ และเคาน์เตอร์บาร์ สามารถเลือกหย่อนกายได้ตามใจชอบ
Gigi เสิร์ฟอาหารอิตาเลียนประเภทคอมฟอร์ตฟู้ด มีให้เลือกทั้งแบบทานคนเดียว และแบ่งทานกับกลุ่มเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นพาสต้า พิซซ่า สลัด สเต็ก และขนมหวาน
เมนูเครื่องดื่มเน้นค็อกเทลและไวน์เป็นหลัก โดยเมนูซิกเนเจอร์ค็อกเทลทั้งหมดคิดค้นโดยมิกซ์โซโลจิสต์จาก Iron Balls ซึ่งออกแบบให้มีสีสันสดใส ไม่หนัก และดื่มง่าย ส่วนซีเลกชั่นของไวน์นั้น จะนำเข้าจากอิตาลีประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นคอดื่มแบบไหนก็สามารถเอ็นจอยตามสะดวก
Mahanakhon Bangkok SkyBar (มหานคร แบงค็อก สกายบาร์)
ห้องอาหารและบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่การออกแบบผสานความวิจิตรแบบไทย เข้ากับความหรูราสไตล์ฝรั่งเศส เน้นใช้โครงสร้างและการตกแต่งด้วยรูปทรงโค้ง ที่มีแรงบันดาลใจจากสายน้ำเจ้าพระยา พร้อมกับจัดวางชิ้นงานศิลปะสุดยูนีกจากทั่วโลกไว้นับสิบชิ้น เช่น ภาพวาด เชิงเทียนโบราณ เครื่องปั้นดินเผา ประติมากรรม หนังสือเก่า และอีกมากมาย
พื้นที่นั่งภายในร้านแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ อินดอร์ จำนวน 2 ชั้น เลาจน์วีไอพี และเอาต์ดอร์ ที่ออกแบบให้คล้ายป่าดงดิบบนฟ้า ซึ่งไม่ว่าคุณจะนั่งสังสรรค์อยู่บริเวณใดก็ตาม สามารถมองเห็นทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ย่านสาทร-บางรัก ที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาคั่นกลางได้อย่างเต็มตา
เมนูอาหารที่ Mahanakhon Bangkok SkyBar เสิร์ฟอาหารตะวันตกและเอเชียที่เหมาะทานคู่กับไวน์ธรรมชาติและค็อกเทลต่างๆ มีทั้งอาหารทานเล่น และเมนคอร์ส เช่น โครเกต์ ฟัวกราส์ สันคอหมูย่าง หอยนางรม เบอร์เกอร์ สลัด ฯลฯ ที่คุณสามารถมีมื้ออาหารสุดโรแมนติกได้
ส่วนเครื่องดื่มนั้นมีให้บริการครอบคลุมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ ม็อกเทล ค็อกเทล ไวน์ สาเก เบียร์ หรือเหล้าสปิริตส์หลากชนิด แต่ที่แนะนำคือบรรดาซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่มิกซ์โซโลจิสต์ระดับโลกรังสรรค์ขึ้นมาใหม่อย่างพิถีพิถัน แบ่งเป็นค็อกเทลไลต์ เฮฟวี่ และขนาดใหญ่สำหรับแชร์
พลางฟังเพลงสบายๆ โดยดีเจประจำที่จะมาเล่นเพลงสร้างบรรยากาศไม่ซ้ำแนวเพลงในแต่ละคืน อาทิ โซล-ฟังก์-แจ๊ส / ฮิปฮอป-อาร์แอนด์บี / เทคโน-เฮาส์ / ละติน-สวิงแจ๊ส เป็นต้น
Okinawa Bar (โอกินาว่าบาร์)
บาร์แห่งใหม่ในย่านลาดพร้าว ที่ออกแบบและตกแต่งในสไตล์บีชบาร์สุดชิล โดยยกหาดทรายจำลองมาไว้ในร้าน เป็นโซนเล็กๆ ราวกับได้นั่งริมทะเลที่กลางกรุง รอบร้านประดับด้วยไอเท็มที่สื่อถึงทะเลสีครามและหาดทรายขาวได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นร่มและเก้าอี้ชายหาดสุดคัลเลอร์ฟูล แหตาข่ายสีขาว ต้นไม้นานาพันธุ์ กระดานโต้คลื่น คบเพลิงไม้ไผ่ ฯลฯ เพิ่มลูกเล่นด้วยไฟนีออนและไฟปิงปองหลากสีสัน
เอนเตอร์เทนเมนต์ในแต่ละค่ำคืนจะมีดีเจและดนตรีสดเล่นสลับกันไป โดยที่ผ่านมาได้ดีเจสาวอย่าง Peachy และ Blackat รวมถึงการแสดงโฟล์กซองจาก Arm Peerapon มาสร้างบรรยากาศชิลๆ กันไปแล้ว
สำหรับเมนูอาหาร ที่ Okinawa Bar มีทั้งเมนูทานเล่นและอาหารจานหลัก เช่น เนื้อทอด กุ้งย่างซอส เกี๊ยวซ่า เฟรนช์ฟรายส์เบคอนชีส ข้าวกะเพราเนื้อสับ และอีกมากมาย เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทย อาทิ บรั่นดี วิสกี้ หรือเบียร์ยี่ห้อที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี
แต่ที่น่าลองคือค็อกเทลบักเก็ต (320/350 บาท) ซึ่งนำเมนูคลาสสิกค็อกเทล เช่น จินโทนิก ลองไอแลนด์ โมจิโต้ เซ็กส์ออนเดอะบีช ฯลฯ ใส่ในถัง ก่อนตกแต่งด้วยของเล่นต่างๆ สุดน่ารัก
Playlist Ekkamai (เพลย์ลิสต์ เอกมัย)
ร้านนั่งชิลแห่งใหม่ในซอยเอกมัย 12 ที่ตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์สีดำสนิท แต่เพิ่มลูกเล่นด้วยการใช้ไฟนีออนหลากสีตกแต่งร้าน และติดโคมไฟทองแดงจากเพดานให้มีความร่วมสมัยยิ่งขึ้น แบ่งพื้นที่ร้านออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ชั้นหนึ่งและชั้นลอย ซึ่งสามารถสนุกสนานไปกับการแสดงดนตรีได้ ไม่ว่าคุณจะยืนอยู่มุมใดของร้านก็ตาม
เอนเตอร์เทนเมนต์แต่ละค่ำคืนที่ Playlist Ekkamai เน้นดนตรีสดหลากแนว ไม่ว่าจะเป็น ป็อป ร็อกหรืออีซี่ลิสเซนนิ่ง ในอีเวนต์พิเศษมักเชิญศิลปินไทยชื่อดังมาร่วมสร้างสีสัน โดยที่ผ่านมาได้สนุกไปกับโชว์ของ Big Ass, Flure, Win Sqweez Animal, Pod Moderndog และ Noi Pru กันมาแล้ว นอกจากดูไลฟ์แบนด์สดๆ ยังสามารถเต้นอย่างสุดเหวี่ยงไปกับเซ็ตเพลงจากดีเจประจำได้อีกด้วย
หรือหากคุณเป็นคอบอล ก็สามารถมาร่วมเชียร์การแข่งขันผ่านการถ่ายทอดสดบนจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้ได้เสมอ (อย่างศึกแดงเดือดที่ผ่านมา ก็เรียกแฟนกีฬามาแฮงเอาต์ที่ร้านได้เยอะเลยทีเดียว!) พลางจิบเครื่องดื่มเย็นๆ โดยร้านมีครอบคลุมแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ วอดก้า วิสกี้ ค็อกเทล หรือซอฟต์ดริงก์ต่างๆ
SeaMet Bar (ซีเม็ดบาร์)
บรรยากาศของบีชบาร์บนชายหาด ด้านหน้าเป็นน้ำทะเลสีฟ้าคราม คั่นด้วยแนวต้นมะพร้าวสูงชะลูด ที่สามารถนั่งทานอาหารและจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พลางฟังดนตรีสุดชิล ณ เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ถูกยกมาจำลองไว้ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ร้านอาหารกึ่งบาร์ในย่านชิดลมแห่งนี้
ร้านใช้โทนสีฟ้าเป็นหลัก ทั้งบนกำแพง บาร์ไม้ สีไฟแอลอีดี ของประดับตกแต่ง และโลโก้ร้าน บริเวณพื้นแซมสีครีมที่ให้ความรู้สึกราวกับย่ำอยู่บนหาดทราย นำต้นไม้ประดิษฐ์มาประดับไว้สร้างบรรยากาศร่มรื่น และตกแต่งร้านอย่างน่ารักด้วยแหสีขาวติดเปลือกหอยบนเพดาน เปลตาข่าย ห่วงยางชูชีพ โคมไฟไม้ไผ่สาน รวมถึงเลือกใช้ชุดเฟอร์นิเจอร์หวาย ที่ทำให้ร้านมีความแคชวลขึ้น
เอนเตอร์เทนเมนต์หลักคือดนตรีสด โดยเล่นเพลงหลากหลายแนวทั้งอีซี่ลิสเซ็นนิ่ง ป็อป อาร์แอนด์บี ฯลฯ ขึ้นอยู่กับลักษณะของลูกค้าในแต่ละวัน ซึ่งมีตั้งแต่เพลงไทย-สากลยุค 70 จนถึงเพลงใหม่ในปัจจุบัน ตั้งแต่เวลา 19.00-20.30 น. ในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ จะมีดีเจมาเล่นเพลงสนุกๆ พอโยกได้สร้างสีสันจนจบคืนอีกด้วย
สำหรับเมนูอาหารจะเน้นวัตถุดิบจำพวกซีฟู้ด โดยนำอาหารนานาชาติมาประยุกต์และปรุงรสในแบบไทยๆ ที่ค่อนข้างจัดจ้าน เสิร์ฟทั้งอาหารจานเดียว อาหารทานเล่น และกับข้าว ส่วนเมนูเครื่องดื่มที่ร้านมีให้เลือกทั้งมีและไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ อาทิ เบียร์ วิสกี้ บรั่นดี วอดก้า เตกีล่า รัม จิน ค็อกเทล ม็อกเทล น้ำผลไม้ หรือซอฟต์ดริงก์ต่างๆ
Secret Chamber (ซีเคร็ตแชมเบอร์)
บาร์ลึกลับในสามย่าน กับคอนเซ็ปต์ร้านนั่งชิล ณ ห้องใต้หลังคาสไตล์อังกฤษ มีบรรยากาศค่อนข้างอบอุ่นและเป็นกันเอง ด้วยโครงสร้างเน้นใช้ไม้และอิฐสีอ่อน พร้อมไฟส้มสลัวสุดโฮมมี่ เมื่อเข้าไปด้านในจะพบกับห้องเล็กอีกสองห้องรองรับผู้ที่ชื่นชอบการสูบซิการ์ โดยมีการตกแต่งคล้ายคลึงกับด้านนอกแต่เป็นส่วนตัวมากกว่า
สำหรับใครที่กำลังหวนคิดถึงเพลงเก่า Secret Chamber มีดนตรีสดเพลงไทยสากลยุค 90 เล่นเป็นประจำทุกวันพฤหัสบดี - เสาร์ เวลา 19.30 - 22.00 น. หากความบันเทิงจากไลฟ์แบนด์จบลง ก็ยังสามารถโยกเบาๆ ต่อกับเพลงสากลสนุกๆ แนวป็อป-อาร์แอนด์บี หรือในบางคืนก็อาจได้ฟังเพลงแจ๊สหรือบรรเลงเปียโนด้วยก็ได้
หนึ่งสิ่งที่สามารถเห็นได้ชัด คือการประดับร้านด้วยขวดวิสกี้ เพราะทางร้านเน้นขายซิงเกิ้ลมอลต์ โดยมีให้เลือกดื่มมากกว่า 40 ชนิด (ซึ่งจะมีอะไรเข้าคู่กันไปกว่าซิการ์จากคิวบากว่า 30 แบบ!) หรือหากคุณไม่ใช่คอวิสกี้ ก็มีเครื่องดื่มชนิดอื่นพร้อมให้บริการครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ไวน์ เบียร์ ค็อกเทล เหล้าสปิริตส์ต่างๆ
นอกจากนี้ยังสามารถฝากท้องไว้กับเมนูอาหารทานเล่นเช่น เฟรนช์ฟรายส์ นาโชส์ ปีกไก่ทอด ฯลฯ รวมถึงอาหารฝรั่งเศสและยุโรปจากร้าน Covent Garden Market ที่บริเวณชั้นหนึ่งได้อีกด้วย
Serial Laughter (ซีเรียลลาฟเตอร์)
ค็อกเทลบาร์ที่ตั้งใจเป็นแหล่งแฮงเอาต์หลังเลิกงาน ให้ทุกคนได้มาพบปะพูดคุยกัน พลางจิบเครื่องดื่มสดชื่นๆ ในบรรยากาศร้านสไตล์เรเนซองส์สุดยูนีก
ตกแต่งด้วยโทนสีเขียวเข้ม ใช้รูปทรงเรขาคณิตเป็นหลัก เช่น กรอบโค้งหลังบาร์ ภาพบนฝาผนังและเพดานที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม แขวนแชนเดอเลียสร้างกลิ่นอายหรูหราเล็กๆ ประดับร้านด้วยรูปภาพจำลองศิลปะจากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยานับสิบชิ้น เกลาร้านให้ดูสบายๆ ยิ่งขึ้นด้วยการใช้โครงสร้างไม้สีเข้มที่ดูอบอุ่นขึ้น
จุดเด่นของ Serial laughter อยู่ที่คราฟต์ค็อกเทล จากวัตถุดิบที่ทำขึ้นเองแทบทั้งสิ้น เช่น เหล้าโฮมเมด ไซรัปอินฟิวส์ หรือแม้กระทั่งการ์นิชสำหรับตกแต่งแก้วก็นำผลไม้มาอบแห้งเอง สามารถเลือกดื่มซิกเนเจอร์ค็อกเทล คัสตอมค็อกเทล หรือคลาสสิกค็อกเทลที่หาดื่มยาก โดยเน้นเครื่องดื่มประเภทที่ให้ความสดชื่นเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังสามารถพูดคุยกับบาร์เทนเดอร์หลังบาร์ถึงเรื่องราววัตถุดิบต่างๆ ได้อย่างเป็นกันเอง
บรรยากาศสบายๆ ในร้านถูกเกลาด้วยเสียงเพลงที่เปิดคลอในแนวแจ๊ส สวิงแจ๊ส แต่ก็มีเพลงเฮาส์หรือดิสโก้บ้างประปราย หากใครมีเพลงโปรดประจำตัว ก็ลองขอให้เปิดเป็นพิเศษเพื่อเติมเต็มคืนแห่งการพักผ่อนในวันทำงานดูก็ย่อมได้
SHAWTy (ชอว์ตี้)
แหล่งแฮงเอาต์ใหม่สำหรับสาวกเพลงฮิปฮอปย่านสะพานควาย ที่ทุกคนสามารถมานั่งชิลหรือแดนซ์กระจายที่ SHAWTy ได้ ในบรรยากาศผับอันเดอร์กราวด์ดิบๆ
ร้านถูกออกแบบให้มีสีดำสนิท แต่เพิ่มความสตรีทขึ้นด้วยกราฟิตี้สุดเท่บริเวณบันไดทางขึ้นไปชั้นสอง มีกลิ่นอายของฟิวเจอริสติกเล็กๆ จากการเล่นไฟนีออนหลากสีสัน ไม่ว่าจะอยากโยกไปกับเพื่อนเที่ยวที่แดนซ์ฟลอร์ชั้นหนึ่ง หรือนั่งแบบเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อยที่บริเวณชั้นสอง ก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ
ในแต่ละคืนจะมีดีเจมาเล่นเพลงสร้างบรรยากาศปาร์ตี้สนุกๆ ในแนว Hip Hop, Trap, Twerk และ Moombahton ผสมผสาน มี R&B บ้างเล็กน้อย ให้พอโยกได้เพลินๆ นอกจากนี้ยังมีอีเวนต์พิเศษในแต่ละเดือนที่จะเล่นดนตรีเฉพาะทาง เช่น คืนของเบสมิวสิก ฟิวเจอร์เฮาส์ หรือคืนแห่งแร็ปแบทเทิลก็มีให้เข้าร่วม
สำหรับเมนูอาหารเติมพลังก่อนแดนซ์ สามารถสั่งอาหารทานเล่น อาทิ เฟรนช์ฟรายส์ เอ็นข้อไก่ทอด หมูแผ่น ฯลฯ หรือจัดจานหลักอิ่มท้องอย่างอาหารไทยตามสั่งก็สามารถทำได้ ควบคู่ไปกับเครื่องดื่มที่มีให้บริการหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ ค็อกเทล หรือเหล้าสปิริตส์ต่างๆ
The Trap (เดอะแทร็ป)
ร้านนั่งชิลแห่งใหม่ในย่านเกษตร-นวมินทร์ ที่มีเอนเตอร์เทนเมนต์จัดเต็ม ในบรรยากาศเป็นกันเอง โดดเด่นด้วยการตกแต่งร้านจากไฟนีออนหลากสี ไม่ว่าคุณจะอยู่บริเวณใดของร้าน ก็ยังคงสนุกสนานไปกับแสง สี เสียงได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถเลือกได้ว่าต้องการนั่งสังสรรค์บริเวณโอเพ่นแอร์หน้าร้าน หรือจะเต้นสบายๆ ในโซนอินดอร์หน้าเวที
อย่างที่บอกว่าความบันเทิงที่ร้านแห่งนี้ ขนมาเอาใจขาปาร์ตี้โดยเฉพาะ ในแต่ละวันจะมีดนตรีสดเพลงไทยหลากแนวจำนวน 2-3 วง และมันอย่างต่อเนื่องด้วยเซ็ตเพลงจากดีเจประจำ นอกจากนี้ยังจัดอีเวนต์พิเศษอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการเชิญศิลปินไทยชื่อดังมาสร้างสีสัน
โดยที่ผ่านมาได้ Thaitanium, Twopee Southside, Urboy TJ, Oat Pramote, Paradox, The Parkinson และ 25 Hours ขึ้นเวที The Trap กันมาแล้ว
สำหรับเมนูอาหาร ที่ร้านเสิร์ฟทั้งเมนูทานเล่น และอาหารจานหลักสไตล์ไทยและนานาชาติ เช่น เอ็นข้อไก่ทอด หมูมะนาว เฟรยช์ฟรายส์ แซลม่อนซาซิมิ ฯลฯ ควบคู่ไปกับเครื่องดื่มนานาชนิดที่หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อาทิ เบียร์ ค็อกเทล วิสกี้ หรือวอดก้า
Thonglor Official (ทองหล่อ ออฟฟิเชียล)
แหล่งแฮงเอาต์ในย่านเอกมัย-ทองหล่อสำหรับเด็กยุค 90 ที่ช่วยดึงความทรงจำเก่าๆ ดนตรีเก่าๆ และบรรยากาศเก่าๆ กลับมา
ตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเข้าไปในร้าน จะพบกับตู้เกมอาร์เคดจำนวน 2 ตู้ ให้ทุกคนได้เล่นสนุกย้อนวัยกันอีกครั้ง และเมื่อเดินผ่านโซนอินดอร์ไปทางด้านหลัง จะพบกับที่นั่งโอเพ่นแอร์ ที่หากคุณเป็นคอบอลจะต้องชื่นชอบ เพราะมีโปรเจคเตอร์ฉายเกมการแข่งขันเข้ากำแพงเต็มๆ ตา ให้คุณได้เชียร์เป็นประจำ ติดกันเป็นตู้โทรศัพท์สุดคลาสสิกที่สามารถใช้โทรเพื่อขอเพลงจากดีเจด้านในได้อีกด้วย
บริเวณชั้นสองเป็นอีกหนึ่งโซนปาร์ตี้ที่คุณสามารถจองสำหรับอีเวนต์ส่วนตัว หรือการสังสรรค์แบบไม่พลุกพล่านมากเท่าชั้นแรก แถมยังมีโต๊ะพูลให้คุณได้ดวลฝีมือกับแก๊งเพื่อนอย่างเพลิดเพลิน
ค่ำคืนของทุกคนที่ Thonglor Official จะเริ่มต้นด้วยเซ็ตเพลงจากดีเจในแนวอีดีเอ็ม-ฮิปฮอปมิกซ์กัน จากนั้นต่อด้วยดนตรีสดเพื่อคนยุค 90 อย่างแท้จริง เพราะขนเพลงเก่าคุ้นหูและเพลงฮิตตลอดกาลมาร้องให้ฟังอย่างน็อนสต็อป (ที่เราเชื่อว่าคุณร้องตามได้อย่างแน่นอน) นอกจากนี้ยังจัดคอนเสิร์ตเป็นประจำทุดเดือน โดยเชิญศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่าง Cocktail, Oat Pramote ฯลฯ มาสร้างสีสัน
สำหรับเมนูอาหารเติมท้อง ทางร้านเสิร์ฟทั้งเมนูทานเล่นและอาหารจานเดียว โดยเน้นอาหารไทยที่เราคุ้นชิน พร้อมกับเครื่องดื่มที่มีให้บริการครอบคลุมเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นค็อกเทล คราฟต์เบียร์ วอดก้า วิสกี้หรือซอฟต์ดริงก์ต่างๆ
Tonique / Bar & Pizza (โทนิก บาร์แอนด์พิซซ่า)
จากออฟฟิศและร้านขายเฟอร์นิเจอร์ Left, Right & Wide ในเวลากลางวัน ถูกเปลี่ยนเป็นบาร์สไตล์นิวยอร์กในเวลากลางคืน ซึ่ง Tonique / Bar & Pizza ได้แรงบันดาลใจมาจากคัลเจอร์การดื่มเบียร์กับพิซซ่าของคนอเมริกัน ที่นี่จึงมีบรรยากาศสบายๆ ตกแต่งในแบบนีออนลอฟต์ โต๊ะเก้าอี้ในร้านส่วนใหญ่ก็เป็นผลงานที่วางขายจริง (สามารถซื้อแลัวหิ้วกลับบ้านไปได้เลย)
แนวเพลงที่เปิดค่อนข้างมีเอกลักษณ์ จะเป็นเพลงอินดี้ นูดิสโก้ ฟังก์ เฮาส์และดนตรียุค 90 ซึ่งเพลงเหล่านั้นเองก็เป็นที่มาของชื่อซิกเนเจอร์ค็อกเทลบางตัว เช่น Jus 1 Kiss ที่มาจากเพลงของวงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จากลอนดอนอย่าง Basement Jaxx
นอกจากคลาสสิกค็อกเทลและซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่แล้ว ทางร้านยังเน้นเบียร์คราฟต์ต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสกอตแลนด์ โดยปัจจุบันพร้อมเสิร์ฟประมาณ 48 ตัว รวมถึงเบียร์จากอเมริกา ออสเตรเลีย เยอรมนี และเบลเยี่ยม มีทั้งแบบดราฟต์ ขวด และกระป๋อง ให้เลือกดื่มได้ตามใจชอบ
มีเบียร์ ก็ต้องมีพิซซ่า! ร้านเสิร์ฟพิซซ่าโฮมเมดสไตล์อิตาเลียน มีทั้งหน้า Salami, Smoke Salmon, Italian Sausage, Vegetarian และอีกมากมาย สามารถทานคู่กับเมนูสแน็กเบาๆ เช่น ไก่ทอด เห็ดทอด เฟรนช์ฟรายส์ คอหมูย่างพริกไทยดำ หรือสลัดก็แล้วแต่โปรดปราน
Uncle.Tim (อังเคิลทิม)
‘ทิมเรืองเวชโอสถ’ ร้านขายยาสมุนไพรไทย-จีนที่เลิกทำธุรกิจไปแล้ว แต่หลานสาวยังอยากรักษาผลผลิตจากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของครอบครัวเอาไว้ จึงเกิดเป็นบาร์สไตล์โมเดิร์นไชนีสสุดยูนีก ที่ค็อกเทลหลายเมนูมีส่วนผสมของยาสมุนไพรสูตรคุณปู่อยู่!
บรรยากาศภายในร้านอบอวลด้วยกลิ่นอายแบบจีนๆ ที่นำเสนอผ่านการตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น โลโก้ร้านที่วาดจากคุณปู่ เฟอร์นิเจอร์จีนโบราณซึ่งเป็นมรดกของเจ้าของร้านเอง หรือหัวสิงโตมังกรทองที่แขวนไว้อย่างดึงดูดสายตา โทนสีหลักของร้านมาจากไฟนีออนสีแดง ซึ่งเป็นสีมงคลตามความเชื่อของชาวจีน ดูโมเดิร์นขึ้นด้วยบาร์ยาวที่เล่นไฟหลากสีสัน
มู้ดสบายๆ ของร้านถูกเกลาด้วยดนตรีแนวแจ๊ส ที่จะมีการแสดงสดทุกวันพุธ, ศุกร์, เสาร์ และอาทิตย์ หรือใครที่อยากลองฟังเซ็ตเพลงจากดีเจ ก็แนะนำให้เข้ามาในวันเสาร์ดึกๆ เพราะเขาจะเล่นเพลงเทคโน-เฮาส์สไตล์ไชนีส ที่เราว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว
กิมมิกของร้านอยู่ที่เมนูคเครื่องดื่มสุดครีเอต โดยซิกเนเจอร์ค็อกเทลส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสมุนไพรและยาสูตรทิมเรืองเวชโอสถ ทำเป็นค็อกเทล Sweet & Sour ที่ดื่มง่าย (แต่ก็มีเข้มๆ สำหรับคอดื่มพร้อมเสิร์ฟเช่นกัน) หากไม่รู้จะดื่มเมนูไหน ก็ลองติดตาม Special of the day ที่แนะนำโดยบาร์เทนเดอร์ของ Uncle.Tim ซึ่งเขาจะนำยาจีน สมุนไพรต่างๆ มาอินฟิวส์เหล้าและวัตถุดิบเอง
นอกจากนี้ก็มีวิสกี้ ม็อกเทล ไวน์ วอดก้า เหล้าบ๊วย โซจู และเบียร์ให้บริการ หากต้องการอาหารรองท้องสักเล็กน้อย ทางร้านก็มีเปาะเปี๊ยะ เกี๊ยวซ่า ไก่ทอด และอาหารทานเล่นอื่นๆ พร้อมเสิร์ฟ
Wanderbkk (แวนเดอร์บีเคเค)
ร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งใหม่บนถนนปั้น ที่ครบครันทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และความบันเทิง โดยร้านตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียลผสานกลิ่นอายความร่วมสมัย ใช้โทนสีเข้มเป็นหลัก แต่แซมด้วยสีสันเล็กน้อยเพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนาน ภายในร้านแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ที่นั่งเอาต์ดอร์สุดชิล และอินดอร์ด้านใน ที่สามารถเลือกได้ว่าอยากนั่งชมบาร์เทนเดอร์รังสรรค์เครื่องดื่มหน้าบาร์ หรือนั่งหน้าเวที ฟังดนตรีสดเพลินๆ
Wanderbkk เสิร์ฟอาหารไทยทวิสต์ โดยเลือกใช้วัตถุดิบนานาชาติมาปรุงแบบไทยๆ ซึ่งเมนูแนะนำส่วนใหญ่นำมาจากจานยอดนิยมของสองร้านที่เพิ่งปิดตัวลงไปอย่าง All Six To Twelve Cafe & Social Bar และ Amontre Playroom & Brasserie (ทั้งสามร้านเป็นผลงานของคุณเกด-กุลศิริ ไชยนพกุล) เช่น โมจิลาบเป็ด ข้าวผัดตับห่าน ผัดสปาต้มยำ ฯลฯ มารวมกับเมนูใหม่ ที่เราเชื่อว่าทุกคนสามารถมีมื้อกลางวันและมื้อเย็นดีๆ ได้เลย
ส่วนเครื่องดื่ม ในเวลากลางวันเป็นบาร์กาแฟ ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ และค็อฟฟี่ม็อกเทลเป็นหลัก แต่เมื่อตะวันตกดินจะเปลี่ยนเป็นบาร์ค็อกเทลที่เสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายรายการ พลาดไม่ได้คือบรรดาซิกเนเจอร์ค็อกเทล ที่เน้นนำเสนอคาแร็กเตอร์ของเหล้าอย่างตรงไปตรงมา นอกจากนี้ยังมีคลาสสิกค็อกเทล ไวน์ เบียร์ วิสกี้ ม็อกเทล น้ำผลไม้ และสมูทตี้ให้บริการ
ระหว่างทานอาหารและเครื่องดื่ม สามารถเพลินเพลินไปกับการแสดงดนตรีสด ที่เล่นเป็นประจำทุกวันอังคาร - เสาร์ ได้ ตั้งแต่เวลา 19.30 น. เป็นต้นไป โดยเป็นเพลงไทยสากลแนวป็อป แจ๊ส และอีซี่ลิสเซนนิ่ง ส่วนความพิเศษในวันพฤหัสบดีจะเป็นเพลงยุค 90 ที่ทุกคนคุ้นหูกันเป็นอย่างดี
Wine Hundreds (ไวน์ฮันเดรดส์)
Super Seoul Café คาเฟ่อาหารเกาหลีย่านสาทรมีบาร์ไวน์ซ่อนตัวอยู่ ซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะวันศุกร์เท่านั้น ในชื่อ Wine Hundreds เกิดจากความต้องการสร้างคอมมูนิตี้ไวน์ในย่านนี้ โดยขายไวน์ในราคาหลักร้อยเพื่อให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย
ในฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม) ร้านจะเปิดโซนรูฟท็อปให้ได้นั่งชิลท่ามกลางบรรยากาศวินเทจเธียเตอร์ ส่วนฤดูฝน (กรกฎาคม-พฤศจิกายน) จะเป็นโซนอินดอร์บริเวณชั้น 2 ที่การตกแต่งค่อนข้างโฮมมี่ สไตล์เดียวกับคาเฟ่ในใช้โทนสีเขียว-ดำ โดยโซนที่เปิดให้บริการ ณ ปัจจุบันมีความพิเศษอยู่ที่ มีดนตรีสดเพลงแจ๊สเป็นประจำทุกสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 20.30 - 22.00 น.
หากต้องการมีมื้อเย็นอิ่มท้อง ก็สามารถสั่งอาหารเกาหลีจากข้างล่างขึ้นมาทานได้ เช่น รามยอน บิบิมบับ ซุปกิมจิ จาจังมยอน ฯลฯ หรือต้องการอาหารทานเล่นไว้แพร์ริ่งกับไวน์ ทางร้านก็มีหลายเมนูพร้อมเสิร์ฟเช่นกัน
สำหรับเครื่องดื่ม ไม่ว่าคุณจะดื่มไวน์เป็นกิจวัตร หรือไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ก็สามารถมาสังสรรค์ที่นี่ได้ เพราะซีเล็กชั่นไวน์ของร้านเน้นไวน์ที่บอดี้แน่น และไวน์ที่ไลต์ลงมา ส่วนใหญ่จะเป็นไวน์จากยุโรป เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี แต่ก็มีไวน์จากอเมริกาและออสเตรเลียให้บริการ หรือใครที่ไม่ใช่คอไวน์จริงๆ ก็มีเครื่องดื่มประเภทค็อกเทล โซจู และเบียร์พร้อมเสิร์ฟ