เตรียมจด! 25 บาร์และไนต์คลับเปิดใหม่ในควอเตอร์แรกปี 2019
ในกรุงเทพฯ เดือนมกราคม-มีนาคม 2562 จะมีร้านอาหาร บาร์ และไนต์คลับเปิดใหม่ร้านไหนที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกัน!
เริ่มปีพ.ศ. 2562 มาได้สักระยะ หลายคนคงได้ไปเยือนร้านรวงเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ มาบ้าง และอาจเจอแหล่งแฮงเอาต์โปรดที่คุณอยากจะใช้เวลาสังสรรค์ร่วมกับเพื่อนและคนใกล้ชิดแล้วก็เป็นได้
แต่สำหรับใครที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในสถานที่ใหม่ๆ อยู่ล่ะก็ บทความนี้จะเป็นคู่มือชั้นดีให้ราตรีของคุณไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ด้วยลิสต์ร้านอาหาร บาร์ และไนต์คลับหลากหลายสไตล์
ไม่ว่าคุณจะชอบทานอาหารอิตาเลียนหรือไทย มักไปสนุกที่บาร์เกาหลี รูฟท็อปบาร์ ค็อกเทลและไวน์บาร์ หรือไปแดนซ์ที่ไนต์คลับจนจบค่ำคืน เราก็รวบรวมมาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว กับ 25 ร้านเปิดใหม่ในช่วงควอเตอร์แรกของปี หรือเดือนมกราคม-มีนาคม 2562 (เรียงตามตัวอักษร)
เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปดูเลยดีกว่าว่าคืนนี้จะไปที่ไหนกันดี!
008 Bar (008 บาร์)
สปีกอีซี่บาร์ที่ทุกองค์ประกอบได้รับแรงบันดาลใจจากสมัยสงครามโลก โดยชื่อร้าน ‘008’ มาจากเลข ‘00’ ซึ่งเป็นรหัสสารลับสุดยอด ตามด้วยเลข ‘8’ ที่หมายถึงโลเคชั่นตรงซอยทองหล่อ 8 จึงกลายเป็นแหล่งแฮงเอาต์ใหม่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิกเท่ๆ แห่งนี้
เมื่อเดินเข้าไปจะได้ยินเสียงเพลงแจ๊ส สนุกๆ อาจเป็นซินธ์แจ๊ส, สวิงแจ๊ส หรืออิเล็กทรอนิกส์แจ๊ส จากวงดนตรีสดและดีเจที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน (วันพุธ-ดีเจ, วันพฤหัสบดีและเสาร์-วงดนตรีสด)
เคล้าบรรยากาศร้านสบายๆ ที่ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น-คอนเทมโพรารี่ โดยใช้วัสดุหนังและไม้เป็นหลัก ที่ดึงดูดที่สุดคงเป็นที่นั่งบริเวณบาร์ไม้ยาวที่ด้านหลังเป็นชั้นกรอบไฟ โชว์เคสเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ซึ่งเราสามารถเอ็นจอยไปกับการรังสรรค์เครื่องดื่มของบาร์เทนเดอร์ตรงหน้าได้
เมนูค็อกเทลล้วนเป็นเครื่องดื่มง่ายๆ ไม่ใช้เทคนิคการชงสมัยใหม่เท่าไรนัก ด้วยความต้องการให้ ‘Back to Basic’ มากกว่า จึงคาดหวังคลาสสิกค็อกเทลหลากหลายแบบที่อินสไปร์มาจากยุคห้ามจำหน่ายสุราในสหรัฐฯ ช่วงสงครามโลกได้เลย
1826 มิกซ์โซโลจี แอนด์ รูฟท็อปบาร์
รูฟท็อปบาร์แห่งใหม่ย่านสุขุมวิท ที่เครื่องดื่มและอาหารทานเล่นทุกเมนูมีเรื่องราวอันน่าสนใจแฝงอยู่ อาจจะมาจากตัวโรงแรม เช่นร้านอาหารเม็กซิกัน (Mexicano), อินเดีย (Rang Mahal) และอิตาเลียน (Da Vinci) หรือเรื่องราวภายนอกที่มิกโซโลจิสต์เห็นว่าน่าสนใจจึงจับมาใส่ลงในค็อกเทลแต่ละแก้วได้อย่างลงตัว
โดย 1826 Mixology & Rooftop Bar เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับค็อกเทลและซิการ์ในมือ บริเวณที่นั่งโอเพ่นแอร์ ท่ามกลางทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนได้ ไม่ว่าจะเป็นมุมตึกอาคารสูงเสียดฟ้าย่านสุขุมวิท หรือสวนสาธารณะเบญจสิริก็ตาม
หากเปรียบการตกแต่งภายในร้านเป็นคนหนึ่งคน คงเรียกได้ว่าเขามีความสุขุมและเท่ในเวลาเดียวกัน ด้วยการใช้โทนสีน้ำตาล-ดำเป็นหลัก โดยแบ่งเป็นโซนระเบียง เลาจน์ และหน้าบาร์ เคล้าด้วยเพลงแจ๊สหลากหลายมู้ด ทั้งฟังสบายและสนุกสนาน ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาในทุกๆ วัน
7th Heaven Roofbar (เซเว่น เฮเว่น รูฟบาร์)
รูฟท็อปบาร์สุดชิลในย่านลาดพร้าวที่ตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์ ดูเท่ด้วยการใช้เหล็กและกระจกเป็นวัสดุหลัก แซมด้วยไม้เล็กน้อยเพื่อปรับมู้ดร้านให้ดูอบอุ่นและซอฟต์ขึ้น มีโซนอินดอร์ติดเวทีดนตรีให้เพลิดเพลิน หรือจะเลือกเอาต์ดอร์เพื่อชมบรรยากาศย่านลาดพร้าวสุดคึกคักก็น่าสนใจ
ที่ 7th Heaven สามารถคาดหวังดนตรีสดเป็นประจำทุกวันได้ โดยมีสัดส่วนเพลง สากล, ไทย และเพลงยุค 90 เป็น 60:30:10 จึงได้ฟังเพลงที่หลากสไตล์และหลากหลายแนวไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน ตั้งแต่เวลา 21.00 น. เป็นต้นไป
สำหรับเมนูอาหาร ที่ร้านเสิร์ฟอาหารทานเล่นและอาหารจานหลักสไตล์ไทยและยุโรปคละกันไป โดยเป็นสูตรโฮมเมดที่ทีมช่วยกันสร้างสรรค์ขึ้น ซึ่งทุกจานล้วนปรุงรสได้จัดจ้านและเข้มข้นถูกปากเป็นอย่างมาก
ส่วนเมนูเครื่องดื่ม ทางร้านมีให้บริการครอบคลุมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเบียร์คราฟต์ เบียร์สด วิสกี้ หรือซอฟต์ดริงก์สำหรับผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ก็สามารถเลือกจิบเคล้าดนตรีสดสนุกๆ ในแต่ละคืนได้สบายๆ
Belga Rooftop Bar & Brasserie (เบลก้า รูฟท็อปบาร์ แอนด์ บราสเซอรี่)
บาร์และร้านอาหารเบลเยี่ยมบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม Sofitel Bangkok Sukhumvit ตกแต่งในสไตล์เบลเยี่ยม-โรมันที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยโทนสีน้ำตาลจากไม้ ประดับตกแต่งด้วยกรอบรูปภาพเท่ๆ ชั้นวางขวดเบียร์เบลเยี่ยมที่เรียงรายเป็นกำแพงนับร้อยขวด ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นของร้านเลยก็ว่าได้
โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนบาร์ ซึ่งมีให้เลือกนั่งสังสรรค์อินดอร์และเอาต์ดอร์ พื้นที่ด้านนอกมอบภาพวิวของกรุงเทพในย่านสุขุมวิทแบบพาโนรามาให้ทุกคนได้ชื่นชมอย่างเต็มตา และโซนร้านอาหาร ที่มีครัวเปิดพร้อมภาพเชฟและผู้ช่วย ปรุงอาหารรสอร่อยกันอย่างสุดฝืมือ
ที่ Belga คุณจะได้ลิ้มรสอาหารเบลเยี่ยมต้นตำรับหลายเมนู ที่ทานเข้าคู่กับเบียร์อย่างลงตัว เช่น หอยแมลงภู่ โครเก้ มันฝรั่งทอดคู่ซอสมายองเนสหลากรส (มีบริการผสมมายองเนสในรสชาติที่ถูกปากถึงโต๊ะเลยทีเดียว) และอีกมากมาย
แน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้คือเบียร์ส่งตรงจากเบลเยี่ยม ที่มีให้เลือกดื่มเกือบ 30 ชนิด และยังมีไวน์ ค็อกเทล ม็อกเทล และซอฟต์ดริงก์อื่นที่สามารถเลือกได้ตามใจชอบ
Cantina Pizzeria & Italian Kitchen (แคนทิน่า พิซเซอเรีย แอนด์ อิตาเลียนคิตเช่น)
ร้าน Cantina Pizzeria & Italian Kitchen สาขาสอง ณ ซอยสุขุมวิท 11 แห่งนี้ ยังคงให้บรรยากาศแบบโฮมมี่เช่นเดียวกับสาขาแรกในซอยอารีย์ โดยตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียลที่แปลงมาจากห้องเก็บไวน์ชั้นใต้ดิน โดยใช้กำแพงอิฐและพื้นไม้ ซึ่งมีกลิ่นอายแบบรัสติกเท่ๆ
จุดเด่นของร้านคือเมนูพิซซ่าสูตรต้นตำรับจากเมืองเนเปิลส์ หรือนาโปลี ในประเทศอิตาลี (เป็นเมืองที่พิซซ่าถูกคิดค้นขึ้น) ซึ่งเอกลักษณ์อยู่ที่ตัวแป้งที่จะพักไว้ถึง 48 ชั่วโมง ก่อนนำมาปรุงนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีอาหารอิตาเลียนอื่นๆ ในเลือกทานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพาสต้า ริซอตโต้ สเต็ก โคลด์คัต สลัด ฯลฯ ในราคาที่สมเหตุสมผล
ส่วนเมนูเครื่องดื่มแน่นอนว่าเน้นไวน์หลากชนิดนำเข้าจากยุโรป ทั้งอิตาลี ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ที่เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารเมนูต่างๆ หรือใครที่สนใจเครื่องดื่มชนิดอื่นก็มีเบียร์ ค็อกเทล อะเพอริทิฟ ไดเจสทิฟ สปิริตส์ และซอฟต์ดริงก์อื่นๆ พร้อมเสิร์ฟ
Casa Blue Craft Brews & Delicacies (คาซ่าบลู คราฟต์บริวส์ แอนด์ เดลิเคซีส์)
บาร์คราฟต์เบียร์และร้านอาหารยุโรปแบบเป็นกันเองบนถนนนางลิ้นจี่ ที่ตกแต่งในสไตล์เรโทร เน้นโทนสีฟ้าสดใสหลายเฉด ตกแต่งร้านด้วยของสะสมสุดรักของเจ้าของร้าน เช่น ป้ายคำพูดให้แรงบันดาลใจ โปสเตอร์ภาพยนตร์เก่าๆ และงานศิลปะเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ Casa Blue Craft Brews & Delicacies แห่งนี้ดูยูนีก
พื้นที่ภายในร้านแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่โซนหน้าบาร์ ห้องปรับอากาศด้านใน และโซนพัดลมด้านนอก ซึ่งล้วนตกแต่งให้อยู่ในโทนเดียวกันทั้งสิ้น
สำหรับเบียร์เลิฟเวอร์ ที่ร้านมีเบียร์คราฟต์ทั้งหมด 12 แท็ป และแบบขวดอีกมากมาย ซึ่งจะนำตัวใหม่ๆ เข้ามาให้ลูกค้าได้ลองชิมเป็นประจำทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีไวน์ และซิงเกิลมอลต์วิสกี้เป็นอีกตัวเลือกพิเศษ
เสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆ คู่อาหารยุโรป-ไทยแบบโฮมคุ้ก ในราคาที่จับต้องได้ เช่น เบอร์เกอร์ สเต็ก ไส้กรอก-ขาหมูเยอรมัน พาสต้า อาหารไทยจานเดียวทั่วไป ลาบ-ยำ และอีกมากมาย ที่ทำให้ร้านแห่งนี้เหมาะสำหรับการมีมื้ออาหารรสอร่อยสักมื้อเลยทีเดียว
CHU Chinese Bangkok (ฉู่ ไชนีส แบงค็อก)
ใครที่กำลังหวนนึกถึงอาหารจีนแบบโฮมคุ้กรสชาติคุ้นเคย และค็อกเทลแบบจีนๆ ร้าน CHU (ฉู่) ตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้ ในบรรกาศแบบเรโทรยุค 80-90 ราวกับนั่งอยู่ในฉากภาพยนตร์หนึ่งของผู้กำกับหว่องกาไว การตกแต่งภายในร้านแต่ละส่วนจะเป็นจีนร่วมสมัย เห็นได้จากบรรดางานศิลปะป็อปอาร์ต ไทโปกราฟิกจีน ฯลฯ ที่แขวนไว้ทั่วบริเวณ
ร้านแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ร้านกาแฟ (ชั้น 1) ร้านอาหารและบาร์ (ชั้น 2) โดยบริเวณร้านอาหารใช้โทนสีโอลด์โรสเป็นหลัก พร้อมเฟอร์นิเจอร์สีเขียว-ดำที่ตัดกันอย่างลงตัว เมื่อเดินเข้าไปในห้องด้านใน จะพบบาร์ขนาดไม่ใหญ่นัก ที่ประดับด้วยไฟนีออนสุดน่ารักอยู่ด้านหลัง ที่ให้ความรู้สึกแบบหว่องๆ ได้เป็นอย่างดี
เคล้าบรรยากาศด้วยเพลงสากลยุค 80-90, R&B, Soul, Disco และ Funk จากดีเจเป็นประจำทุกคืนวันศุกร์และเสาร์ ที่มีกรูฟพอโยกได้เบาๆ ระหว่างสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน
สำหรับเมนูอาหาร แนวคิดหลักของ CHU คืออยู่กึ่งกลางระหว่างสตรีตฟู้ดและอาหารเหลา ที่เป็นโฮมคุ้กเหมือนทานอาหารสูตรเฉพาะที่บ้าน มีทั้งทอด ตุ๋น ต้ม นึ่ง ทานคู่กับข้าวต้มยางร้อนๆ ทานคู่กับคราฟต์เบียร์นำเข้าจากฮ่องกงที่จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลก็ถือว่าลงตัวเป็นอย่างดี
เครื่องดื่มที่บาร์แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก อย่างแรกคือค็อกเทลสไตล์จีน ที่ตัวเหล้า ไซรัป และส่วนผสมอื่นทำจากสมุนไพรจีน และค็อกเทลแบบอินเตอเนชั่นแนล ที่ดื่มง่ายลงมาหน่อย โดยชื่อของแต่ละเมนูซิกเนเจอร์ล้วนดัดแปลงมาจากส่วนต่างๆ ของภาพยนตร์ของผู้กำกับหว่องกาไว ไม่ว่าจะเป็นชื่อเรื่อง ตัวละคร ฉาก หรือโควตคำพูดต่างๆ
ถ้ากำลังมองหาประสบการณ์กิน ดื่ม เที่ยว แบบใหม่ (และคูลๆ) ที่ร้าน CHU ก็น่าจะเป็นคำตอบให้ทุกคนได้
Diamond Thonglor (ไดมอน ทองหล่อ)
ที่ชั้น 1 ของอาคาร The Opus ในซอยทองหล่อ 10 มีแหล่งแฮงเอาต์เปิดใหม่สำหรับสาวกดีอีเอ็มอย่าง Diamond Thonglor ที่มีบรรยากาศแบบอันเดอร์กราวด์ไนต์คลับ พร้อมแสง สี เสียง ที่ช่วยดึงมู้ดปาร์ตี้ของทุกคนให้ออกมาได้สนุกสนาน
ความมันในแต่ละค่ำคืนถูกนำโดยเหล่าดีเจสายอีดีเอ็มที่พร้อมสร้างสีสัน เช่น Yoyo, Lady Punch, Animalz Project, Hanky, Xillix, Gail Werner ฯลฯ ในหลากหลายสไตล์ เช่น Trap, Dubstep, Trance และอีกมากมาย
ที่น่าสนใจคือ Diamond Thonglor มักจัดอีเวนต์เป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยเชิญดีเจ-ศิลปินไทยและต่างประเทศ มาร่วมสร้างความบันเทิงในยามค่ำคืน โดยที่ผ่านมาได้ชมโชว์เจ๋งๆ จาก Thomas Newson, Tattoo Colour, Ironboy, Mindset และ The Mousses กันมาแล้ว
FREQ Bar (ฟรีค บาร์)
FREQ Bar (ฟรีคบาร์) บาร์โอเพ่นแอร์น้องใหม่ในย่านประดิษฐ์มนูธรรม หรือเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ที่ออกแบบและตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียลดิบๆ ด้วยการเปลือยโครงสร้างเหล็กและใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีเข้มเป็นหลัก แซมด้วยไม้ประดับเล็กๆ ให้ดูซอฟต์ลงมาเล็กน้อย
หากคุณเป็นแฟนดนตรีสด แน่นอนว่าจะเพลิดเพลินไปกับการแสดงจากวงดนตรีประจำ และศิลปินไทยชื่อดังมากมายในงานอีเวนต์พิเศษที่ FREQ Bar มักจัดอยู่เสมอ โดยที่ผ่านมาได้เชิญ The Old I$e (CD Guntee x Dawut) และ Mean มาสร้างสีสันยามค่ำคืนกันมาแล้ว
ไม่เพียงแต่การสังสรรค์เท่านั้น เพราะยังสามารถชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลแมทช์ใหญ่ๆ ได้ ผ่านจอโปรเจคเตอร์ขนาด 150 และ 120 นิ้ว ที่ติดตั้งไว้ภายในร้านได้ นอกจากจะได้เชียร์บอลร่วมกับคนอื่น ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับดนตรีสดสนุกๆ ในเวลาเดียวกันได้อีกด้วย
Getwetbkk (เก็ตเว็ต บีเคเค)
ไวน์บาร์แห่งใหม่ในซอยหลังสวนที่มีบรรยากาศสบายๆ สไตล์โฮมมี่ (แบบคูลๆ) เมื่อเปิดประตูทางเข้าร้านไป จะพบกับห้องน้ำจำลองสีครีม-เขียวที่เต็มไปด้วยข้อความบนฝาผนัง ซึ่งลูกค้าต้องเปิดประตูห้องน้ำเพื่อเข้าสู่ตัวร้านจริงๆ
บริเวณร้านมีทั้งหมด 2 ชั้น ซึ่งตกแต่งกึ่งลอฟต์ดิบๆ ด้วยการใช้ผนังปูนเปลือยและอิฐบล็อก บนโครงสร้างไม้ คู่กับเฟอร์นิเจอร์สีเข้ม ประดับร้านด้วยกรอบรูปงานศิลปะเท่ๆ หลายชิ้น และป้ายไฟนีออนดัดเป็นชื่อร้านและประโยคต่างๆ
เคล้าบรรยากาศเป็นกันเองด้วยการเปิดเพลงแนวแจ๊ส โซล ฟังก์ และดิสโก้ โดยความหนักเบาของบีตเพลงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในแต่ละวัน
ที่ Getwetbkk ให้ความสำคัญกับไวน์ธรรมชาติจากโรงกลั่น จึงคาดหวังไวน์ที่ปราศจากยีสต์ หรือหรือสารเคมีสังเคราะห์ต่างๆ และจะได้ลิ้มรสไวน์ที่มีคาแร็กเตอร์และรสชาติเป็นเอกลักษณ์จากประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป มีทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ และสาเก
ส่วนเมนูอาหารประเภทซิมเปิลบาร์ฟู้ดที่เสิร์ฟภายในร้าน ทำโดยร้านอาหาร Gaggan ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียถึง 4 ปีซ้อน (2015-2018) จาก Asia’s 50 Best Restaurants ซึ่งเน้นไปที่อาหารอินเดียโปรเกรสซีฟเข้ากันได้ดีกับไวน์นั่นเอง
Hemingway's Bangkok (เฮมมิ่งเวย์ส แบงค็อก)
เมื่อบ้านหลังเก่าอายุกว่าร้อยปีของ Hemingway’s Bangkok ร้านแรกในซอยสุขุมวิท 14 ปิดตัวไป บ้านหลังใหม่ในซอยสุขุมวิท 11 นี้ จึงพยายามคงบรรยากาศอันอบอุ่นไว้เช่นเดิม
โดยออกแบบและตกแต่งในสไตล์บ้านเก่ายุค 90-2000 จึงมีความเรียบง่าย และไม่หวือหวา พื้นที่ภายในร้านแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ สวนหน้าบ้าน, ชั้นแรกที่มีบาร์ไม้โค้งยาวสุดโดดเด่น และบริเวณที่นั่งชั้นสองที่ตกแต่งให้สนุกและมีสีสันมากขึ้น
ที่แห่งนี้เป็นบ้านของอาหารและเครื่องดื่มราคาไม่แพง โดยทุกคนสามารถเอ็นจอยไปกับเบียร์สดจำนวน 12 แท็ป เบียร์ขวด สปิริตส์ต่างๆ เช่น วอดก้า วิสกี้ รัม คอนยัค รวมถึงไวน์ สมูตตี้ ชา-กาแฟ และซอฟต์ดริงก์ง่ายๆ พร้อมอาหารนานาชาติ เช่น อเมริกัน เม็กซิกัน เมดิเตอร์เรเนียน ไม่ว่าจะเป็นแซนวิช สลัด พาสต้า สเต็ก หรือทาปาส เป็นต้น
Honest Mistake Bar (ออเนส มิสเทก บาร์)
สปีกอีซี่บาร์ที่มีแรงบันดาลใจจากยุค 30-40 ที่คนจีนต้องดิ้นรนในการทำธุรกิจที่แวดล้อมไปด้วยแก๊งมาเฟีย การบุกรุกของฝั่งตะวันตก บวกกับย่านอารีย์-สะพานควายสมัยก่อนจะมีโรงหนังควบ โรงรับจำนำ และร้านขายของพนันต่างๆ จึงนำมาเป็นแนวคิดหลัก กลายเป็นโรงรับจำนำที่ฉากหลังเป็นธุรกิจผิดกฎหมายนั่นเอง
บาร์แห่งนี้ครอบครองพื้นที่บนตึก 4 ชั้น โดยชั้นแรกเป็นโรงรับจำนำมืดๆ ที่มีหญิงสาวในชุดกี่เพ้า เตรียมแลกเปลี่ยนสินค้าอยู่ ในที่นี้คือต้องมัดจำเงิน 300 บาทเพื่อแลกกับถุงแดงในการเข้าร้าน (ซึ่งจะได้เงินคืนเมื่อออกจากร้าน)
ส่วนชั้น 2 จำลองเป็นย่านเสื่อมโทรมที่ทำสิ่งผิดกฎหมาย ตกแต่งด้วยจอฉายภาพจากกล้องวงจรปิด และโต๊ะของคนควบคุมดูแลสถานที่ ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับเสพประสบการณ์ล้วนๆ
บริเวณชั้น 3 คือส่วนบาร์ที่ดีไซน์เป็นบ่อนการพนัน สถานที่ค้ายาและสิ่งผิดกฎหมาย ตกแต่งด้วยโต๊ะเล่นไพ่นกกระจอก เฟอร์นิเจอร์ไม้ เก้าอี้กำมะหยี่ และบาร์ไม้ยาวมุมฉากที่สามารถชมบาร์เทนเดอร์รังสรรค์เครื่องดื่มได้
เมื่อขึ้นไปยังชั้น 4 จะแบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่ เอาต์ดอร์ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย เพื่อสื่อถึงห้องของลูกสมุนที่คอยเฝ้าเจ้านายในห้องด้านใน ซึ่งในโซนอินดอร์จะตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผ้าม่านสีแดง และกรอบรูปงานศิลปะ ที่มีความเป็นส่วนตัว ราวกับเป็นห้องไพรเวทของหัวหน้าแก๊ง
บรรยากาศแบบมาเฟียฮ่องกงถูกดึงให้สนุกสนานขึ้นด้วยเพลงจากวงดนตรีสดอะคูสติก ที่จะเล่นเพลงสากลแนวป็อปแจ๊ส โซล ฟังก์ ก่อนตามด้วยดีเจที่จะสร้างสีสันต่อในแนวนีโอโซลและเฮาส์ (ทุกวันศุกร์-เสาร์)
สำหรับเมนูเครื่องดื่ม ที่แห่งนี้นำเสนอค็อกเทลที่มีส่วนผสมจากสมุนไพรจีนโดยแบ่งเป็น Complex พวกสปิริตส์ฟอร์เวิร์ด, Sweet & Sour รีเฟรชชิ่งดื่มง่าย และ Flavored Gin & Tonic ที่นำจินโทนิคมาดัดแปลง
Libération (ลิเบอเรชัน)
เมื่อขึ้นลิฟต์ในตึกสีฟ้าสด ณ โครงการพิมาน 49 มายังชั้น 4 จะพบกับค็อกเทลบาร์หนึ่งที่ได้แรงบันดาลใจมาจากช่วงยุคสงครามโลก โดยมีคาแร็กเตอร์เปรียบได้กับชายหนุ่มผู้สุขุม ซึ่งตกแต่งอย่างเรียบง่าย แฝงด้วยความหรูหราเล็กๆ ใช้ไม้สีเข้มเป็นวัสดุหลัก ประกอบกับไฟสลัวๆ สถานที่แห่งนี้จึงเหมาะกับการนั่งดื่มนั่งคุยเป็นอย่างมาก
ที่โดดเด่นคือบาร์กลมแบบ 360 องศา ที่เราสามารถชมบาร์เทนเดอร์ครีเอตเครื่องดื่มอยู่หลังบาร์ได้อย่างเพลิดเพลิน
บรรยากาศแบบสุขุมๆ มีเพลงแนวเฮาส์ (และแอบฮิปฮอปเล็กน้อย) เป็นแอมเบียนส์ โดยจะมีดีเจมาเล่นเพลงสร้างสีสันเป็นประจำทุกวันพุธ-เสาร์อีกด้วย
เมนูเครื่องดื่มล้วนนำแนวคิดมาจากชื่อร้าน แบ่งเป็น 3 พาร์ตด้วยกัน คือ Propaganda ที่เมนูค็อกเทลดัดแปลงมาจากโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อในยุคสงครามโลก, Plot Twist เมนูค็อกเทลในส่วนนี้จะนำไอเดียและวัตถุดิบจากเมนูใน Propaganda มาเล่นต่อและนำเสนอเป็นเมนูใหม่
ส่วนพาร์ตสุดท้ายคือ Explorer ซึ่งจะไม่มีเมนูตายตัว แต่นำเสนอเป็นวัตถุดิบที่ร้านสร้างขึ้น แล้วคุยกับลูกค้าอีกครั้งว่าต้องการดื่มค็อกเทลจากวัตถุดิบดังกล่าวในสไตล์ไหน (โดยวัตถุดิบจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ) ซึ่งปัจจุบันมี 3 ชนิดได้แก่ นมแพะ โกโก้ และแมงดา
หากต้องการประสบการณ์การดื่มค็อกเทลแนวใหม่ หรือเครื่องดื่มที่เล่นกับวัตถุดิบได้อย่างน่าสนใจ Libération คือสถานที่ที่สามารถตอบโจทย์นั้นได้อย่างลงตัว
Lit Club (ลิตคลับ)
ไนต์คลับแห่งใหม่ในย่านประดิษฐ์มนูธรรม หรือเลียบทางด่วนรามอินทรา ที่ตกแต่งในโทนสีเข้มเรียบๆ แต่โดดเด่นด้วยแสงสีภายในร้านที่ติดตั้งอย่างเต็มที่เพื่อสร้างมู้ดปาร์ตี้สนุกๆ ให้กับขาเที่ยว
โดยพื้นที่ตรงกลางเป็นบูทดีเจ ขนาบสองข้างด้วยจอแอลอีดีขนาดใหญ่ ที่ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของร้านก็สามารถเห็นวิชวลเจ๋งๆ ได้
เพลงที่เปิดใน Lit Club เอาใจสายอีดีเอ็มโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละวันจะมีดีเจมากฝีมือมาเปิดสร้างบรรยากาศไม่ซ้ำกันเลย เช่น DJBenz, J-Nana, Faahsai, Joy Lila, Aiam, Monster P, Hanky, Xillix, DJ Yoyo+ และอีกมากมาย
นอกจากนี้ยังมักจักอีเวนต์พิเศษโดยเชิญดีเจและศิลปินชื่อดังมาสร้างสีสันตามเทศกาลต่างๆ เป็นประจำอีกด้วย
Pocha Ekkamai (โพชา เอกมัย)
Pocha (โพชา) ยกร้านอาหารในเต็นท์ผ้าใบสีแดงริมถนนและบรรยากาศฝนพรำแบบเกาหลีมาไว้ที่ย่านเอกมัย โดยดึงมู้ดของร้านให้เหมือนยามค่ำคืนโดยการใช้วัสดุสีเข้ม ขึงผ้าใบสีแดงไว้เหนือศีรษะ นำพลาสติกใสมาติดไว้ด้านใน สอดรับกับเครื่องสร้างสายฝน
ภายในร้านตกแต่งด้วยต้นพ็อตกต หรือเชอร์รี่บลอสซัมเกาหลีประดิษฐ์ขนาดใหญ่ ติดไฟนีออนสีแดง และทำจำลองพื้นถนนมาไว้ในร้าน ที่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ริมถนนในประเทศเกาหลีจริงๆ
แน่นอนว่าสาวกเคป็อปเตรียมแดนซ์ได้เลย เพราะ Pocha เตรียมลิสต์เพลงเกาหลียอดนิยมทั้งเก่าและใหม่ปะปนกันไป มาเปิดให้ฟังกันอย่างน็อนสต็อป พลางฉายซีรีส์และภาพยนตร์เกาหลีที่ยิงโปรเจคเตอร์เข้ากำแพงสีดำเข้มของร้าน
หากกำลังมองหาอาหารเกาหลีตำรับโฮมเมดอยู่ ก็สามารถแวะเวียนมาลองทานได้ โดยร้านเสิร์ฟอาหารทานเล่นและกับแกล้มเป็นหลัก คู่เมนูเครื่องดื่มที่ร้านมีให้เลือกดื่มครบทุกประเภท ทั้งโซจู มักกอลลี(ไวน์ข้าวรสผลไม้) เบียร์เกาหลี เบียร์ไทย และซอฟต์ดริงก์
REX BKK (เร็กซ์ บีเคเค)
REX BKK ไนต์คลับแห่งใหม่ในย่านสุขุมวิท 13 ที่ตกแต่งในธีมแกสบี้ ช่วงยุค 20 ประดับตกแต่งด้วยกรอบรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับยุคนั้น เช่น วงดนตรีแจ๊ส ผู้หญิงผมบ๊อบในชุดเดรส โควตภาษาอังกฤษเท่ๆ มากมาย แต่ที่โดดเด่นคือลูกบอสติดโก้ขนาดใหญ่บริเวณกลางร้านที่สร้างอารมณ์ปาร์ตี้ได้เป็นอย่างดี
พื้นที่ภายในร้านมีชั้น 1 และชั้นลอยที่มีความเป็นส่วนตัวตั้งอยู่ตรงข้ามเวที ลูกค้าจึงสามารถสนุกสนานไปกับเพลงได้จากทุกมุมในร้าน
เคล้าด้วยเสียงดนตรีจากดีเจในแนวฮิปฮอป อาร์แอนด์บี ป็อป ดิสโก้ และดนตรีสดในสไตล์ป็อป-ร็อกสากลยอดฮิต ที่ใครๆ ก็ร้องตามได้ บางครั้งก็มีจัดอีเวนต์พิเศษเป็นปาร์ตี้ในธีมต่างๆ ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกกันอย่างไม่จำเจ
ที่ REX BKK เสิร์ฟเครื่องดื่มทุกประเภท ได้แก่เบียร์ไทยและเบียร์นำเข้า สกอตช์วิสกี้ มอลต์วิสกี้ วิสกี้ไอริช วิสกี้ญี่ปุ่น จิน วอดก้า รัม ลิเคียว คอนยัค แชมเปญ ไวน์ขาว ไวน์แดง RTD (Ready to drink) เช่น ไวน์คูลเลอร์ รวมถึงค็อกเทลหลากเมนู
Seen Restaurant & Bar Bangkok (ซีน เรสเตอรอง แอนด์ บาร์ แบงค็อก)
รูฟท็อปบาร์แห่งใหม่ในย่านเจริญนคร บนโรงแรม Avani Riverside Bangkok ซึ่งออกแบบและตกแต่งในสไตล์อาร์ตเดโคยุค 80 ที่แฝงความเป็นไทยร่วมสมัยเอาไว้ โดยแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนโอเพ่นแอร์, หน้าบาร์, และอินดอร์
ไม่ว่าคุณจะนั่งตรงไหนก็สามารถชมทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนได้อย่างเต็มตา ซึ่งบรรยากาศในช่วงกลางวัน, พระอาทิตย์ และตอนกลางคืน ให้ความรู้สึกแตกต่างกันออกไป โดยบรรยากาศสนุกๆ ถูกคลับเคลื่อนด้วยเสียงเพลงจากดีเจในแนวนูดิสโก้, โซลฟูลเฮาส์ และเทคโน
สำหรับเมนูอาหารที่ Seen Restaurant & Bar Bangkok เน้นเสิร์ฟอาหารนานาชาติ เช่น โคลด์คัต, ทาปาส, สลัด, สเต็ก ฯลฯ ซึ่งความพิเศษคือมีเมนูที่เป็นกลูเตนฟรี, วีแกน และมังสวิรัติเป็นทางเลือก นอกจากนี้ยังมีซูชิบาร์สำหรับแฟนอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะอีกด้วย
ส่วนเมนูเครื่องดื่ม นอกจากแชมเปญ, ไวน์, วิสกี้, วอดก้า, คอนยัค, ลิเคียว, สาเก, เบียร์ และอีกมากมาย ที่พลาดไม่ได้คือเมนูซิกเนเจอร์ค็อกเทลต่างๆ ที่มิกซ์โซโลจิสต์รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งนำเสนอรสชาติและหน้าตาของแต่ละแก้วได้อย่างน่าสนใจ
Soho Pizza (โซโห พิซซ่า)
ข้างร้าน Cantina Pizzeria & Italian Kitchen ในซอยสุขุมวิท 11 เป็นที่ตั้งของ Soho Pizza ร้านพิซซ่าแกร้บแอนด์โกสไตล์นิวยอร์ก ที่ตัวร้านโดดเด่นด้วยโทนสีแดง-ขาว ด้านหน้าเรียงรายด้วยโต๊ะสูงปราศจากเก้าอี้ให้บริการ ซึ่งสามารถชมกระบวนการทำพิซซ่าผ่านกระจกใสหน้าร้านได้อย่างชัดเจน
ที่ร้านเสิร์ฟพิซซ่าทั้งหมด 6 เมนู ได้แก่ Cheese Pizza, The Green Machine, Shrimp Scampi, Roasted Mushroom, Sausage & Peppers และ Pepperoni ทั้งแบบชิ้น (120 - 150 บาทต่อชิ้น) และทั้งถาด ขนาด 18 นิ้ว (600 - 750 บาท)
ความแตกต่างของพิซซ่าสไตล์นิวยอร์กคือจะมีขนาดใหญ่และกรอบมากกว่าพิซซ่านาโปลีตัน พิเศษด้วยการพักแป้งพิซซ่าไว้ถึง 48 ชั่วโมง ก่อนนำมาอบ พร้อมท็อปปิ้งจากวัตถุดิบคุณภาพ
Sot Soju Bar (โซ็ต โซจูบาร์)
เมื่อขึ้นไปยังชั้น 8 ของโรงแรม Novotel Bangkok จะพบกับประตูไม้บานใหญ่สีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเป็นทางเข้าบาร์สไตล์เกาหลีอย่าง Sot Soju Bar โดยตกออกแบบคล้ายคลึงกับบ้านเกาหลีโบราณ และตกแต่งให้มีความร่วมสมัยขึ้น โดยใช้ไม้และหนังเป็นวัสดุหลัก จึงมีบรรยากาศอบอุ่นสบายๆ
สามารถคาดหวังเครื่องดื่มเกาหลีแท้ๆ เช่น เบียร์และโซจูชนิดต่างๆ ได้ ควบคู่ไปกับไวน์และซอฟต์ดริงก์ อื่นๆ แต่ที่พลาดไม่ได้คือบรรดาค็อกเทลที่มีส่วนผสมหลักจากโซจู แล้วนำมารังสรรค์ใหม่นั่นเอง สำหรับเมนูอาหารเน้นอาหารทานเล่นง่ายๆ เช่น ซี่โครงหมู, มันฝรั่งทอด, รามยอน และต็อกปกกิ (190 - 290 บาท)
ที่น่าสนใจคือ ร้านมักจัดปาร์ตี้พิเศษเป็นประจำทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้เพลงเคป็อปในธีมชุดฮันบก (ชุดประจำชาติเกาหลี) หรือปาร์ตี้ที่เปิดเพลงแนวซัลซ่า, ละตินแจ๊ส, อาร์แอนด์บี และเวิลด์มิวสิก ที่สร้างบรรยากาศใหม่ๆ ที่สามารถเข้าร่วมได้ไม่เบื่อ
Spectrum Lounge & Bar (สเป็กตรัม เลาจน์ แอนด์ บาร์)
อีกหนึ่งรูฟท็อปบาร์แห่งใหม่ ตั้งอยู่บนชั้น 29-30 ที่โรงแรม Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit ซึ่งดีไซน์ในลักษณะโมเดิร์นที่ผสานเอกลักษณ์แบบไทยๆ เอาไว้ ด้วยการใช้เก้าอี้หวายและลายไทยประยุกต์ที่นำเสนอได้อย่างลงตัว
โดยแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่เลาจน์ด้านใน และรูฟท็อปเอาต์ดอร์ที่พื้นหลังเป็นภาพของตึกสูงในย่านสุขุมวิท ที่ไม่ว่าคุณจะมาสั่งสรรค์ในช่วงเวลาใดของวัน ก็สามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศดีๆ ได้
เมนูอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารทานเล่นนานาชาติ เช่น ลาบทอด, คาลามารี, ปีกไก่ทอด, โคลด์คัต แต่ก็มีเสิร์ฟอาหารจานหลักให้อิ่มท้อง เช่น พาสต้าหรือสเต็ก
Spectrum Lounge & Bar เสิร์ฟเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ที่แนะนำคือเมนูค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่ครีเอทขึ้นมาใหม่จำนวน 6 ตัว โดยมีราคาตั้งแต่ 270 - 340 บาท นอกจากนี้ยังมีไวน์ แชมเปญ วิสกี้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ รวมถึงซอฟต์ดริงก์ให้บริการ
SulBkk (ซุล บีเคเค)
แกสโตรบาร์สไตล์เกาหลีที่นำเสนอในบรรยากาศร่วมสมัย โดยดีไซน์ร้านให้มีลักษณะกึ่งลอฟต์ ที่ผสานกลิ่นอายของบ้านเกาหลีโบราณไว้ จากผนังปูนที่ถูกแซะออกให้เห็นผนังอิฐและกระเบื้องลอน ใส่ความโมเดิร์นลงไปด้วยการใช้โต๊ะ-เก้าอี้สูงที่ดูเท่ขึ้นมา เพิ่มบรรยากาศสนุกๆ ด้วยไฟแอลอีดีที่ติดตั้งไว้ทั่วร้าน
ภายในร้านแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนหน้าบาร์ ที่สามารถชมเทคนิคการชงเครื่องดื่มของบาร์เทนเดอร์ได้ โซนนั่งด้านใน และโซนที่มีม่านกั้นสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
จุดเด่นของร้านอยู่ที่เมนูเครื่องดื่มอย่างค็อกเทล ที่ใช้เหล้าและวัตถุดิบจากเกาหลีเป็นหลัก เช่น มักกอลลี โซจู โสมเกาหลี สาโท และอีกมากมาย พร้อมเมนูอาหารเกาหลีที่นำมาทวิสต์และใช้เทคนิคการปรุงแบบยุโรป ซึ่งนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ
SulBkk ไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหารกึ่งบาร์ เพราะทุกคนสามารถสนุกไปกับบรรยากาศแบบปาร์ตี้ได้ด้วย โดยจะมีดีเจมาเล่นเพลงเคป็อปและเฮาส์ตามอีเวนต์พิเศษในแต่ละสัปดาห์
Thaisho (ไทยโช)
บาร์กึ่งร้านอาหารแบบไทยๆ แห่งนี้ โดดเด่นด้วยไฟสีแดงที่ดึงดูดสายตาตั้งแต่อยู่ด้านนอกร้าน ตกแต่งในสไตล์ Raw Thai ที่ตั้งใจออกแบบให้ร้านมีความไทยแบบไม่เชย เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย
โดยใช้ไฟนีออนหลากสีทำให้ร้านดูเก๋ขึ้น ประดับด้วยผ้าขาวม้า กรอบรูปคำกลอนไทย (แบบกวนๆ) บริเวณร้านมีจำนวนทั้งสิ้น 2 ชั้น โดยแต่ละชั้นจะมีบาร์เล็กๆ ที่มีขวดโหลยาดองวางอยู่เรียงราย สามารถเลือกได้ว่าอยากนั่งชมการแสดงดนตรีสดที่ชั้นล่าง หรือมีความเป็นส่วนตัวขึ้นมาเล็กน้อยบนชั้น 2
แน่นอนว่าร้านไทยๆ เช่นนี้ ต้องมีเพลงไทยเป็นองค์ประกอบ โดยมีวงดนตรีสดที่จะมาเล่นเพลงป็อปแจ๊ส เพลงฮิตของไทยและสากลยุค 90 เป็นประจำทุกวัน จึงมั่นใจได้ว่ามาสั่งสรรค์ที่ Thaisho จะได้ฟังเพลงที่หลากหลายไม่มีเบื่อ
จุดเด่นของร้านนี้คือยาดอง ที่ทางร้านนำวิสกี้มาดองด้วยสมุนไพรไทยเองทั้งหมด สามารถดื่มเป็นเป๊กเพื่อลิ้มรส หรือจะสั่งแบบค็อกเทลที่มีเบสเป็นยาดองหลากชนิดก็ได้ ไม่เพียงเท่านี้เพราะยังมีค็อกเทลแบบบักเก็ต น้ำสมุนไพร เบียร์ สปิริตส์ ไวน์ และซอฟต์ดริงก์อื่นๆ เป็นตัวเลือก
ส่วนเมนูอาหาร เสิร์ฟกับแกล้มและอาหารจานเดียวทานง่ายที่ปรุงอย่างจัดจ้านถูกปาก
The Rose Natural Wine (เดอะโรส เนเชอรัล ไวน์)
เมื่อตะวันลับขอบฟ้า คาเฟ่สุดเรียบง่ายสีขาวอย่าง Hands and Heart ในซอยสุขุมวิท 38 ถูกเปลี่ยนเป็นไวน์บาร์ที่มีบรรยากาศเป็นกันเอง (แต่แฝงความโรแมนติกเล็กๆ) โดยการใช้ผ้าม่านสีแดง จุดเทียน และหรี่ไฟสลัว ที่ไม่ว่าจะมานั่งจิบไวน์กับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือคนใกล้ชิดก็ลงตัวทั้งสิ้น
ไวน์ลิสต์ที่ The Rose Natural Wine ล้วนเป็นไวน์ธรรมชาติที่ทีมหุ้นส่วน ชอบ ศึกษาและเลือกมาอย่างพิถีพิถัน โดยเป็นไวน์ที่ปราศจากยีสต์ ไม่เติมสารช่วยตกตะกอน (Fining Agent) ไม่ผ่านการกรอง (Filtration) หรือสารเติมแต่งอื่นๆ (Additive) เรียกง่ายๆ ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตพื้นฐานและธรรมชาตินั่นเอง
โดยจะมีไวน์พร้อมเสิร์ฟ By the glass ประมาณ 25 ตัว ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้ทุกคนได้ทดลองชิมไวน์และหันมาหลงรักไวน์ธรรมชาติอย่างที่ทีมหุ้นส่วนหลงใหล (ในราคาปานกลาง ประมาณ 275-575 บาทต่อแก้ว)
นอกจากนี้ทางร้านมีอาหารตะวันตกประเภทสมอลไบต์ให้บริการ เน้นทานง่าย ไม่หนักท้อง สามารถทานคู่กับไวน์ได้อย่างลงตัว เช่น เมนูเนื้อสำหรับทานกับไวน์แดง เมนูซีฟู้ดที่เข้ากับไวน์ขาว หรือโคลด์คัตง่ายๆ ก็มีให้เลือกทาน
ใครกำลังสนใจและอยากเรียนรู้การดื่มไวน์ ที่ The Rose Natural Wine สามารถมอบประสบการณ์การดื่มไวน์ ในบรรยากาศสบายๆ และเป็นกันเองได้อย่างลงตัว
Thirty-Three (๓๓ คลับ)
แหล่งแฮงเอาต์ครบวงจรในซอยสุขุมวิท 33 ที่เป็นทั้งร้านอาหาร บาร์ คลับ และเลาจน์ในสถานที่เดียวกัน ซึ่งครองพื้นที่ในอาคารจำนวน 7 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีฟังก์ชั่นและการตกแต่งร้านที่แตกต่างกันไป (ซึ่งเปิดให้บริการเพียงบางชั้นเท่านั้น)
โดยชั้นแรกเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ที่ตกแต่งในสไตล์สวนพฤกศาสตร์เล็กๆ ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อยกกลิ่นอายโฮมมี่ที่อบอุ่น แต่ยังแฝงความหรูหราด้วย กระจกและรูปภาพกรอบทอง เน้นเสิร์ฟอาหารไทยฟิวชั่นหลากเมนู
มีเวทีการแสดงขนาดกะทัดรัด ที่ลูกค้าสามารถเพลิดเพลินไปกับดนตรีสดเพลงสากลจำนวน 3 วง เป็นประจำทุกวันได้ตั้งแต่เวลา 20.30 น. เป็นต้นไป ความพิเศษคือโชว์ไม่ได้จบเพียงแค่การร้องเพลงเท่านั้น แต่ยังมีบรรเลงเปียโนไฟฟ้า และแซกโซโฟนอีกด้วย
ส่วนบริเวณชั้น 3-4 เป็น ไนต์คลับเพลงอีดีเอ็มสนุกๆ ในบรรยากาศสุดโมเดิร์น โดยบริเวณชั้นสามมีบูทดีเจที่โดดเด่นตั้งอยู่ตรงกลาง รายล้อมไปด้วยโต๊ะยืนสีดำ และไฟหลากสีที่ช่วยสร้างบรรยากาศปาร์ตี้ได้อย่างลงตัว (ชั้น 4 เปิดให้บริการเป็นบางอีเวนต์)
ขึ้นมายังชั้น 7 จะพบกับรูฟท็อปบาร์ที่คงคอนเส็ปต์คล้ายคลึงกับร้านอาหารชั้นหนึ่ง ล้อมรอบด้วยไม้ประดับสีเขียวนานาพันธุ์ ที่คุณสามารถนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พลางมองภาพย่านสุขุมวิทยามค่ำคืนได้อย่างถนัดตา
VELA (เวลา)
บาร์แห่งใหม่ในย่านสนามเป้า กับบรรยากาศรูฟท็อปที่เราสามารถชมวิวตึกอาคารในยามค่ำคืนติดเส้นรถไฟฟ้าได้อย่างถนัดตา ภายในร้านแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่โซนโอเพ่นแอร์และอินดอร์ ที่ตกแต่งแบบกึ่งอินดัสเทรียลดิบๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเข้ม แซมด้วยไม้ประดับสีเขียวทั่วร้าน
เคล้าบรรยากาศสบายๆ ด้วยดนตรีสดหลากแนวที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน เช่น แจ๊ส อะคูสติก อินดี้โฟล์ก ป็อปและฟังก์ โซล อาร์แอนด์บี จึงมั่นใจได้ว่าจะสนุกได้ทุกวันไม่มีเบื่อ
สำหรับเมนูอาหารเป็น Thai Taste Twist ที่รังสรรค์โดยเชฟบัส จากท็อป 4 ในรายการ Top Chef Thailand Season 1 มีทั้งอาหารประเภทยำ ทอด ต้ม ย่าง สลัด สปาเก็ตตี้ สเต็ก และอาหารจานเดียวอื่นๆ ที่มีรสชาติเข้มข้นถูกปาก
ส่วนเมนูเครื่องดื่ม นอกจากวิสกี้ รัม ลิเคียว จิน เตกีล่า วอดก้า ไวน์ และซอฟต์ดริงก์ต่างๆ ที่พลาดไม่ได้คือเหล่าค็อกเทลที่รังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษโดยมิกซ์โซโลจิสต์ผู้เชี่ยวชาญ