Mightyfools กล่าวถึงสเต็ปต่อไปหลังแยกทาง, EP ส่งท้าย “Legacy” และ คำแนะนำสำหรับเหล่าดีเจหน้าใหม่
Mightyfools คู่หูดีเจชาวดัตช์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 โดย Andy Samin และ Jelle Keizer เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่ชื่อของพวกเขาไปโผล่สร้างความมันส์ตามเทศกาลดนตรี EDM ระดับโลกต่างๆ เช่น Tomorrowland, Creamfields, Ultra, Mysteryland และอีกมากมาย ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาได้ทำผลงานเพลงฮิตร่วมกันมานับไม่ถ้วน เช่น “No Class” ที่ทำกับ Yellow Claw, “Keep It Low” ที่ทำกับ Afrojack และเพลงใหม่อย่าง “U Need To” เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวจากทาง Mightyfools มาว่าพวกเขาได้ตัดสินใจจะแยกทางกันในอนาคตอันใกล้ไปเป็นที่เรียบร้อย ใครเป็นแฟนคลับของดีเจคู่นี้ไม่ต้องเสียใจไป เพราะพวกเขากำลังจะมาจัดการแสดงส่งท้ายให้แฟนๆ ชาวไทยได้เฮกันอีกสักรอบก่อนที่จะแยกทาง
เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ Jelle ก่อนการแสดงส่งท้ายของพวกเขาที่ ONYX ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ไปดูกันดีกว่าว่า เขาจะพูดอะไรเกี่ยวกับแผนการในอนาคต EP สุดท้ายในฐานะ Mightyfools และคำแนะนำดีๆ สำหรับดีเจรุ่นใหม่ๆ
เมื่อไม่นานมานี้พวกคุณเพิ่งประกาศว่าจะยุบวง Mightyfools ลง และกรุงเทพฯ จะเป็นหนึ่งในที่สุดท้ายของการทัวร์ในเอเชียของพวกคุณ หลังจากนี้ไป พวกคุณมีแผนจะทำอะไรกันต่อ?
มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่มากสำหรับพวกเรา และเป็นก้าวครั้งสำคัญในชีวิตของพวกเราเช่นกัน ผมดีใจมากสำหรับกำลังใจและความรู้สึกดีๆ ที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างส่งมาหลังจากพวกเขารู้เรื่องการตัดสินใจของเรา เดือนนี้ (สิงหาคม) จะเป็นเดือนสุดท้ายสำหรับทัวร์ของพวกเราหลังจากเดินทางไปทั่วทั้งโลกเป็นเวลากว่า 11 ปี ให้คิดดูอีกที เราคงจัดการแสดงมาแล้วกว่าพันครั้งบนทุกทวีปทั่วโลก
น่าเสียดายที่หลายๆ ปีที่ผ่านมานี้ การใช้ชีวิตแบบศิลปินนั้นเริ่มจะส่งผลในทางลบกับสุขภาพจิตของ Andy เราจึงตัดสินใจเบรกแปปนึงหลังจากการทัวร์แบบไม่หยุด Andy เริ่มรู้สึกดีขึ้นและสงบลง พอเห็นแบบนี้แล้วเราจึงคิดว่ามันคงจะดีกว่าสำหรับตัวเขาหากเราปิดโปรเจ็ก Mightyfools ลงในที่สุด โดยเฉพาะในตอนที่เรายังอยู่ในช่วงที่ประสบความสำเร็จแบบนี้ เรารู้สึกดีใจมากที่ได้มีโอกาสแวะไปเที่ยวตามประเทศที่สวยงามต่างๆ อย่างประเทศไทยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
สำหรับผม (Jelle) ผมคงจะเดินหน้าต่อกับการทำเพลง ผมกำลังเตรียมตัวสำหรับโปรเจ็กเดี่ยวตัวใหม่ที่ชื่อว่า “Keizer Jelle” (เป็นชื่อเต็มของผมเองแต่สลับชื่อและนามสกุลกัน เพราะนามสกุลของผมมีความหมายว่า “จักรพรรดิ” ผมว่ามันเท่ดี) ที่จะไปในแนวของ Tech-House มากกว่า ใครที่เป็นแฟนคลับของ Mightyfools คงจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกและซาวด์ที่คล้ายกัน ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ปล่อยผลงานแรกของผมออกมาในวันที่ 3 กันยายน นี้ ผ่านทาง SoundCloud
ส่วน Andy ตัดสินใจแล้วว่าอยากพักมือจากวงการดนตรีไปก่อน เขากำลังหันไปสร้างบริษัท IT ของเขาที่รับผลิตระบบและซอฟท์แวร์เกี่ยวกับเรื่องเกมส์ การตัดต่อ และโปรดิวซ์ดนตรี สำหรับตอนนี้คุณสามารถติดตามเขาได้ผ่านช่อง YouTube และการเล่นเกมส์มันส์ๆ อย่าง Fortnite ในแบบของเขา
ลองมองกลับไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความทรงจำของ Mightyfools อันไหนที่คุณชอบมากที่สุด?
เป็นคำถามที่ยากจริงๆ เพราะมันมีมากมายเหลือเกิน! จากการที่ทำงานนี้มาเป็นเวลานาน เราตกหลุมรักกับทุกๆ เรื่องราวของทุกๆ เมืองที่เราแวะเวียนไป ผมยังจำได้ตอนที่เราเริ่มกันใหม่ๆ เราเล่นกันตามบาร์และคลับเล็กๆแถวยุโรป ก่อนที่จะเริ่มได้งานเทศกาลดนตรีต่างๆ ของออสเตรเลีย, แอฟริกาใต้ และเอเชีย การที่เราได้แสดงที่ Tomorrowland เป็นเวลาถึง 4 ปีซ้อนนั้นเป็นหนึ่งในความฝันของเราที่เป็นจริง การได้เป็น headliner ของ Mysteryland ในประเทศชิลีและสหรัฐอเมริกา และการที่ได้แชร์เวทีกับเจ้าพ่อเพลงฮิปฮอปอย่าง Snoop Dogg ก็เช่นกัน! หนึ่งในโมเมนท์ที่พิเศษที่สุดที่ผมจำได้คือตอนที่เราไปเล่นที่ประเทศอินโดเนเชียเป็นครั้งแรก Andy ได้พบกับครอบครัวของเขาเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โมเมนท์พวกนี้แหละ ที่ทำให้ผมรักในการเป็นดีเจ!
เพลงไหนเป็นเพลงที่คุณคิดว่ามีความเป็นตัวตนของ Mightyfools มากที่สุด?
เพลง “Footrocker” เป็นเพลงที่ทำให้คนรู้จักเรามากที่สุด และเป็นอีกหนึ่งในเพลงที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกๆ เทศกาลดนตรี อีกเพลงหนึ่งคือ “Possibilties” ที่ได้ออกมาพร้อมกับ EP สุดท้ายของเราที่ชื่อว่า The Legacy EP บน KLASH มันคืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของความเป็น Mightyfools จริงๆ ทั้งเรื่องของพลังงาน ความรักในการปาร์ตี้ เสียงเบสอันหนักหน่วง และเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์
คุณอยากให้ชื่อของ Mightyfools ถูกจดจำไปในทางไหน?
เราอยากจะถูกจดจำว่าเป็นสายปาร์ตี้สุดมันส์ที่สามารถสร้างบรรยากาศสนุกๆ และความทรงจำดีๆ ได้เสมอ นอกจากนี้เราก็อยากจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังตัดสินใจที่จะเป็นดีเจหรือโปรดิวเชอร์เหมือนกัน หลังจากที่เราประกาศว่าจะอำลาวงการ ก็มีผู้คนมากมายส่งข้อความถึงเราว่าได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงและการแสดงของเรามากแค่ไหน มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
พูดถึงการอำลาวงการ พูดถึง Legacy EP ที่เพิ่งออกมาล่าสุดหน่อยสิ!
เราคิดว่าคำว่า Legacy นั้นเหมาะสมสำหรับชื่อ EP สุดท้ายของเราที่สุดแล้ว เราก็แค่อยากจะทิ้งท้ายด้วยบทเพลงเจ๋งๆเท่านั้นเอง เรามีเพลงที่พร้อมจะปล่อยออกมามากมายเพียงแต่ยังไม่มีค่ายเพลง เราเลยติดต่อ Dirtcaps ไปว่าอยากจะช่วยเราทำ EP สุดท้ายของเราไหม พวกเรารู้จักกันมานานกว่า 10 ปีแล้วและเป็นเพื่อนสนิทกันมาก เรารู้สึกว่าการที่ได้เพื่อนเก่ามามีส่วนร่วมในการทำเพลงครั้งสุดท้ายของเรานั้นเป็นเรื่องที่เหมาะสมสุดๆ บทเพลงทั้งหมดที่มีกลิ่นอายและซาวด์ของความเป็น Mightyfools อยู่และเป็นการปิดตำนานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผลงานของเราทั้งหมดตลอด 10 ปี ได้ถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจกับการทำ EP สุดท้ายนี้แล้วจริงๆ
มีโปรเจคอื่นๆ จาก Mightyfools ที่จะออกมาก่อนถึงเดือนกันยายนนี้บ้างไหม?
ไม่มีเลยครับ The Legacy EP เป็นอันสุดท้ายแล้วจริงๆ ไม่มีเชอร์ไพรส์อะไรแล้ว เรามีตารางขึ้นแสดงเหลืออีกแค่ 4 โชว์เท่านั้น ในโปรตุเกส, ญี่ปุ่น, ไทย และจบอย่างเป็นทางการที่ Mysteryland Festival ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เราอธิบายไม่ถูกจริงๆ ว่ารู้สึกยังไง เราดีใจที่จะมีเวลามากขึ้นให้กับตัวเองและการทำอะไรใหม่ๆ แต่ก็เสียใจเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา Mightyfools เป็นส่วนสำคัญชีวิตเราเสมอ เราลงทั้งแรง เวลา และเงินกับมันไปมากเลยทีเดียว แต่โดยรวมแล้วเราภูมิใจมากๆ กับสิ่งที่เราทำได้สำเร็จจนถึงตอนนี้ มันมากกว่าที่เราเคยคาดฝันไว้ไปมากจริงๆ
ท้ายที่สุด คุณอยากจะฝากอะไรเกี่ยวกับการเดินทางในวงการดนตรี EDM ถึงเหล่าดีเจหน้าใหม่ๆ ที่อยากจะประสบความสำเร็จเหมือนกับพวกคุณบ้างไหม?
ตั้งใจทำงานและอย่าย่อท้อ ทำงานอย่างมีสติและอย่าขยันกับการวนอยู่ที่เดิม เชื่อมั่นในผลงานดนตรีของตัวเองเสมอ วางเป้าหมายให้ชัดเจนและค่อยๆเดินไปให้ถึง ไม่ต้องรีบ อย่าลืมให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนเป็นระยะด้วย วงการนี้โหดร้ายเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้นต้องรักษาดูแลร่างกายและจิตใจอย่างสมม่ำเสมอ อย่าเร่งรีบอะไรจนเกินไป ความอดทนย่อมได้รับการตอบแทนด้วยสิ่งดีๆ เสมอ
อย่าลืมติดตามการผจญภัยครั้งใหม่ของเราทั้งสองคน!
ขอบคุณที่เชิญเรามาแสดงในเมืองไทยอีกรอบนะครับ! มาปาร์ตี้ด้วยกันให้สุดๆ ไปเลย!