เจาะลึกความในใจของสุดยอดดีเจชาวนอร์เวย์ Finnebassen ถึงแรงบันดาลใจในการทำงาน, เหล่าศิลปินในดวงใจ และผลงานใหม่ที่กำลังจะมาในปี 2018 นี้!
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับแนวเพลง House หรือ Techno เมื่อพูดถึงดนตรี EDM แต่สำหรับดีเจคนนี้ “ดนตรี Dirty Melancholic House” คือคำจำกัดความของแนวเพลงที่เขาทำ Finnebassen คือดีเจและโปรดิวเซอร์ชาวนอร์เวย์ที่เริ่มแต่งเพลงและดีเจตั้งแต่เขายังอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดที่เมือง Oslo เขาเริ่มได้รับโอกาสก้าวเข้าสู่วงการอย่างเต็มตัวเมื่อเพลง “If You Only Knew” ของเขาได้รับทำสัญญากับค่ายเพลง Electronique ของอังกฤษและได้ถูกปล่อยออกมาพร้อมรีมิกซ์อีกหลายตัว จากนั้นเป็นต้นมา Finnebassen มีผลงานเพลงกับค่ายเพลงมากมาย เช่น Noir Music, NastyFunk Records และ Acid Fruits แถมยังมีตารางโชว์อันแน่นหนาทั้งที่ต่างประเทศและในคลับดังๆ ของเมือง Oslo อีกด้วย เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณ Finnebassen เป็นการส่วนตัวก่อนการแสดงของเขาในเมืองไทย ที่ Sing Sing Theatre ในวันที่ 25 เมษายนนี้ หากคุณอยากรู้ว่าอะไรแรงบันดาลใจสำคัญของเขา ศิลปินคนไหนที่เขาชื่นชอบมากที่สุดในตอนนี้ และเขามีผลงานอะไรที่กำลังจะปล่อยมาในปี 2018 ละก็ ไปอ่านต่อกันได้เลย!
ดนตรีแนว House ที่มีลักษณะผ่อนคลายหรือที่เรียกกันว่า “Down Tempo” นั้นเป็นอะไรที่ถือว่าหายากมากทุกวันนี้ ก่อนที่คุณจะเริ่มก้าวเข้าสู่วงการนี้ คุณไปพบกับมันได้อย่างไร
ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงนะ เพราะผมเชื่อว่าดนตรี House แบบ Down Tempo นั้นได้เป็นจุดกำเนิดและแรงบันดาลใจให้กับเหล่าดีเจดังๆ ในปัจจุบันนี้มากกว่า Kygo ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ผมรู้ว่ามันไม่ใช่แนวเพลงที่เป็นที่รู้จักหรือฮิตกับคนที่ชอบเที่ยวกลางคืน แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นแนวเพลงที่คนมักจะเลือกฟังนอกเหนือจากเวลาไปเที่ยวในคลับ อย่างเช่น ตอนออกกำลังกายหรือตอนเดินทางนั่นเอง
มีเพลงไหนหรือศิลปินคนไหนที่ถือเป็นแรงบันดาลใจของคุณหรือเปล่า
ผมสนใจพวกแนว Down Tempo มากกว่าเพราะผมเบื่อพวกแนว Tech House ที่มีอยู่ล้นตลาดในขณะนั้น ผมจำได้ว่ามีวันหนึ่งผมกับเพื่อนๆ ลองซื้อแผ่นเสียงมาเล่นดู มันทำให้พวกเราค้นพบคิลปินและโปรดิวเซอร์ใหม่ๆ ที่เราไม่รู้จักมาก่อนมากมาย บอกเลยว่าเปิดโลกมากจริงๆ
ถ้าให้ผมเลือกเพลงเป็นแรงบันดาลใจหลักของผมเลย ก็คงต้องยกให้
- Nicholas – Never (Original Mix)
- Projections, Woolfy – Set me Loose (Original Mix)
- MAM – Sleaze (Original Mix)
- Daniel Bortz – Boyz 2 Men (Original Mix)
- Crystal Fighters – Plage (Compuphonic Remix)
หลายคนพูดถึงดนตรีของคุณว่าเต็มไปด้วยอารมณ์และจิตวิญญาณ บางคนเรียกว่าเป็นแนวเพลงที่มีแต่ความรู้สึกโศกเศร้า ส่วนตัวคุณเอง คุณจะอธิบายแนวเพลงของ Finnebassen ให้คนที่อาจจะไม่เคยฟังเพลงของคุณอย่างไร
มันยากมากเลยที่จะให้คำจำกัดความเพราะผมทำเพลงหลายแบบมาก ผมทำทุกอย่างตั้งแต่ระดับซอฟท์ๆ 60 BPM ถึงระดับ 128 BPM ที่จะออกแนว Techno ถ้าต้องอธิบายจริงๆ มันก็เป็นเหมือนการผสมผสานทุกแรงบันดาลใจและประสบการณ์ที่ผมสะสมตลอดมา ที่เขาพูดว่าออกแนวโศกเศร้าก็ไม่ผิด เพลงของผมจะออกแนวนั้นเยอะมาก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คงเป็นเพราะผมชอบเวลาฟังเพลงแล้วมันทำให้ผมรู้สึกถึงอารมณ์อะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะสะเทือนใจหรือตื้นตันใจ เพลงที่มีพลังแบบนี้สำหรับผมเป็นอะไรที่สุดยอดมาก
คุณเป็นคนที่มีความสามารถในการเล่นดนตรีมาก ความสามารถเหล่านี้มีส่วนมากน้อยแค่ไหนในด้านการทำเพลงแนวอิเล็กทรอนิกส์ของคุณ
ผมรู้สึกว่าส่วนที่เป็นนักดนตรีในตัวผมนั้นได้เติบโตขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมได้เริ่มเล่นเปียโนเมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมาและมันช่วยผมได้มากด้านการแต่งเพลง ผมยังคงพยายามเรียนรู้และฝึกฝนให้เก่งขึ้นอยู่เสมอเพราะผมคิดว่าส่วนของทฤษฎีในเรื่องดนตรีนั้นมีความสำคัญมากหากคุณอยากแต่งเพลงได้ดี ก็เหมือนกับการจะสร้างบ้านที่แข็งแรงก็ต้องมีอุปกรณ์ที่ดี ด้านดนตรีก็เหมือนกัน ถ้าคุณอยากจะทำเพลงฮิตที่จะติดหูคนฟังไปอีกนาน มันจะง่ายกว่ามากถ้าคุณมีพื้นฐานทางทฤษฎีที่แน่นหนากว่าคนอื่น สำหรับผมมันคือการเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
จากวันที่คุณปล่อยเพลง “Babies” ออกมาจนถึงวันที่เพลง “Sanguine” ได้ถูกปล่อยออกมาเมื่อปีที่แล้ว คุณคิดว่าสไตล์ทางดนตรีของคุณมีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปบ้างไหม
ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงของตัวผมเอง ผมว่าผมได้กลายเป็นคนจริงจังกับชีวิตด้านดนตรีและโปรดักชั่นมากขึ้นเป็นพิเศษ เดี๋ยวนี้ผมจะวิจารณ์งานของตัวเองค่อนข้างหนัก ไม่เหมือนกับสมัยก่อนที่ผมทำเพลง “Babies” และ “If You Only Knew” ออกมา ผมบอกตรงๆ ตอนนี้ผมไม่ได้คิดมากขนาดนี้ ผมรู้แค่ว่าผมทำเพลงตามที่ผมต้องการ ตอนนี้มันกลายเป็นเหมือนการออกค้นหาสิ่งที่ดีที่สุด ผมใช้เวลาส่วนมากกับการขัดเกลาความคิดและไอเดียใหม่ๆ เพื่อจะทำเพลงที่จะต้องทำให้ผมภูมิใจเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน “Sanguine” คือตัวอย่างที่ดีของการก้าวไปสู่จุดนั้นของผม อีกอย่างที่ผมต้องบอกคือวิธีการดีเจของผมก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายตลอดการเดินทางของผม และผมเริ่มรู้สึกว่าผมกำลังได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจมาแต่แรกแล้วในที่สุด
มีศิลปินคนไหนไหมที่คุณชอบฟังเป็นพิเศษในตอนนี้
ตอนนี้ผมชอบฟังอยู่หลายอย่างมากเลย แต่หลักๆ แล้วจริงๆ ตอนนี้ก็คือพวกเพลง Jazz ช่วงนี้ผมจะฟังอัลบั้มใหม่ของ Nils Frahm และเพลงใหม่ของ Olafur Arnalds ที่ชื่อว่า “Remember” เยอะหน่อย แต่โดยปกติแล้วผมจะฟังเพลงของ Tingsek เป็นประจำ และเพลง ”I Can Make You Dance” และ ”Heartbreaker Part 1, and 2” ของ Zapp
จากที่คุณเคยไปเปิดการแสดงมาหลายที่ทั่วโลก มีที่ไหนไหมที่คุณชอบเป็นพิเศษ และจากที่คุณได้มีโอกาสที่คุณได้มาแสดงในเมืองไทยในปี 2015 มีอะไรบ้างที่ทำให้คุณประทับใจกับประเทศนี้ไหม
ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่เลือกยากมากเลยทีเดียว แต่ถ้าต้องเลือกจริงๆ ก็คงต้องเป็นที่ประเทศบราซิล ที่นั่นมันสุดยอดมากจริงๆ กรุงเทพเองก็มันส์ไม่แพ้กัน ผมดีใจที่มีโอกาสได้มาในคราวที่แล้ว อาหารก็อร่อยแถมผู้คนยังนิสัยน่ารักมากอีกด้วย!
มีผลงานอะไรที่กำลังจะมาในปี 2018 นี้ ที่คุณอยากจะพูดถึงบ้างไหม
ตอนนี้ผมกำลังทำ EP ใหม่อยู่ ในเวลาเดียวกันผมกับเพื่อนที่ชื่อว่า Martin ก็กำลังทำ live set อันใหม่อยู่เหมือนกัน และแน่นอนว่าผมจะต้องมีบทเพลงแนว Down Tempo เจ๋งๆ ออกมาให้ทุกคนได้ฟังอีกมากมาย!