Ferry Corsten พูดคุยถึงอัลบั้มใหม่ Blueprint, โปรเจคคอลลาโบเรชั่น Unity และเพลงใหม่กับ Paul Oakenfold
กว่า 30 ปีมาแล้วที่ดีเจชาวดัตช์สุดเก๋าอย่าง Ferry Corsten ได้เริ่มเดินทางเข้าสู่วงการดนตรี Trance อย่างเติมตัว นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เขาได้ผลิตผลงานเพลงชื่อดังออกมามากมาย จนทำให้เขาถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวงการดนตรี Trance กันเลยทีเดียว อัลบั้มล่าสุดของเขาที่ใช้ชื่อว่า “Blueprint” มีความแปลกใหม่อยู่ที่เล่าเรื่องราวแห่งความรักระหว่างตัวละคร Lucas และ Vee โดยผ่านการใช้ voice-over และความสามารถของเขา ที่สามารถใช้ลูกเล่นต่างๆ นำเอาความเป็น sci-fi มาตกแต่งเสียงดนตรีให้ผู้ฟังหลับตาจินตนาการและเห็นภาพของเรื่องราวทั้งหมดได้ตามที่เขาต้องการ เราได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณ Corsten ตอนที่เขามาแสดงในงาน Transmission Asia ภายใต้ชื่อ “Gouryella” เราไปดูกันดีกว่าว่าเขาได้พูดอะไรเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ของเขาและเขากำลังมีโปรเจคอะไรใหม่ๆ อยู่บ้างในขณะนี้
Corsten บอกว่า “Blueprint นั้นเป็นผลงานที่เกิดจากความชอบส่วนตัวของผมเอง ผมรู้ตัวมาตลอดว่าอยากจะทำอัลบั้มใหม่ แต่ในเวลาเดียวกันก็อยากจะทำอะไรที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง” หลังจากนั้น Corsten ได้เผยความรู้สึกว่าทุกวันนี้ “เหมือนกับทุกคนคิดว่าเพียงเอาเพลงมารวมๆ กันก็เรียกว่าเป็นอัลบั้มได้แล้ว” และตัวเขาเอง “อยากจะทำอะไรที่มีความหมายมากกว่านั้น อะไรที่สามารถเล่าออกมาเป็นเรื่องราวได้” เขาจึงตัดสินใจนำเอาความเป็น audio book มาผสมผสานกับอัลบั้มเพลงโดยการสอดใส่การเล่าเรื่องราวของความรักแนว sci-fi เข้าไปในบทเพลงของเขา
“ทุกองค์ประกอบนั้นถูกถักไว้ด้วยกันหมดแล้ว คงคล้ายๆกับการทำหนังนั้นแหละ ผมคิดไว้แล้วว่านั้นคือสิ่งที่ผมต้องทำให้ได้ ตัวอัลบั้มจึงมีหนังสือประกอบ ทุกบทเพลงก็มี artwork ของมันเองประกอบ ทั้งหมดนี้เพราะผมอยากให้คนที่ฟังสามารถจินตนาการและตีความหมายของเพลงเอาเองได้ โดยมี visual ที่ผมวางไว้เป็นตัวนำทาง”
ในอัลบั้ม “Blueprint” นั้นมีบทเพลงมากมายที่ได้เสียงอันไพเราะของ HAILENE และ Eric Lumiere มาประกอบ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือวิธีที่ศิลปินสองคนนี้ทำงานร่วมกับ Corsten ซึ่งมีตารางออกทัวร์แน่นตลอดทั้งปี Corsten อธิบายว่า “มีการสื่อสารไปๆ มาๆ ระหว่างพวกเราตลอด ผมเองก็เดินทางไปหาพวกเขาที่ L.A. อยู่บางครั้ง เราจึงมีโอกาสได้เจอกันและได้นัดกันไปที่สตูดิโอเพื่อทำงาน แต่สุดท้ายแล้วส่วนมากก็จะเป็นภาพผมนั่งทำงานอยู่คนเดียวบนเครื่องบินระหว่างออกทัวร์ กว่าจะได้แต่ละเพลงออกมานั้นไม่ง่ายเลย”
เพลง “Wherever You Are” และ “Eternity” คือสองเพลงโปรดจากอัลบั้มล่าสุดของดีเจชาวดัตช์คนนี้ โดยตัว Corsten เองได้ให้คำจำกัดความว่า “มีความหมายลึกซึ้ง” และ “สามารถถูกตีความไปได้ในหลายทิศทาง” เราบอกว่าเราชอบเพลง “Piece of You” เขาจึงตอบมาว่า “เพลงนั้นก็สวยงามเช่นกัน แต่ก็เป็นเพลงหนึ่งที่ยากแก่ทำให้เป็นเพลงแดนซ์ เพราะมันไม่ได้มีจังหวะที่เร็วขนาดนั้น แต่ยังไงก็ตามมันก็ยังสวยงามฝนแบบของมัน จริงๆ แล้วก็ทุกอย่างในอัลบั้ม Blueprint นั้นแหละ ทุกเสียงเพลง ทุกคำร้อง มันมีความหมายของมัน”
จากที่เราได้ฟังอัลบั้มนี้ บอกเลยว่าตัวเรื่องราวนั้นลื่นไหลได้ดีราวกับสายนํ้าจริงๆ โดยเฉพาะตอนประมาณกลางเรื่องที่ Lucas ทราบข่าวว่า Vee ได้หายตัวไป “ต้องเป็นเพลง “Lonely Inside” แน่ๆ เลย!” Corsten พูดไปยิ้มไป “ผมพยายามให้เรื่องราวนั้นดำเนินไปเหมือนกับหนังฮอลลีวูด ประมาณว่าเริ่มอย่างน่าตื่นเต้นแล้วก็เริ่มทำให้ผู้ชมผูกพันกับตัวละคร ก่อนที่จะทำให้ทุกอย่าง climax อย่างบีบหัวใจ แล้วไปจบแบบแฮปปี้น่ารักๆ”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Ferry Corsten ได้มีโอกาสทำรีมิกซ์ให้วงดนตรีดังๆ ที่รวมถึงชื่อที่คุ้นหูเราเป็นอย่างดี เช่น Snow Patrol, Solange, The Killers และ U2 แต่เพราะความสามารถของเขาในการทำให้บทเพลงที่ดีอยู่แล้วให้ออกมามีสไตล์และน่าสนใจไม่แพ้ต้นทุนเดิม ทำให้เราต้องสงสัยว่าเขามีส่วนร่วมกับพวกรีมิกซ์แรกๆ ของเพลงในอัลบั้ม Blueprint ของเขาเองหรือเปล่า Corsten หัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่เลยครับและผมก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น สำหรับทุกเพลงใน Blueprint ผมได้ใส่ความตั้งใจและจิตวิญญาณของผมเข้าไปหมดแล้ว มันคงยากถ้าหากจะให้ผมก้าวออกมาจากจุดๆนั้นแล้วมาสร้างอะไรที่แตกต่าง ผมเลยส่งไฟล์เพลงไปให้คนที่ทำรีมิกซ์เป็นประจำ แล้วก็ปล่อยให้พวกเขาทำตามที่พวกเขาต้องการเลย”
“A Slice of Heaven” เพลงล่าสุดของ Corsten ที่ร่วมงานกับ Paul Oakenfold ได้ถูกปล่อยออกมาไม่กี่วันก่อนที่พวกเราจะได้สัมภาษณ์เขา ซึ่ง Corsten ได้พูดถึงการร่วมงานครั้งนี้ว่าเป็นเหมือนฝันที่กลายเป็นจริง เพราะการที่จะได้ร่วมงานกับ Oakenfold ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาอยากจะมีโอกาสได้ทำมาเป็นเวลานานแล้ว “เราเคยพูดถึงการร่วมงานกันหลายครั้งมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น Paul เองก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดดีเจของวงการ Trance และดนตรีอีเล็กทรอนิกส์ ในใจผมคิดตลอดว่าคงไม่มีใครที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นโปรเจค Unity ด้วยมากกว่านี้แล้วล่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นเราก็ไม่รอช้า ถามถึงโปรเจคที่ว่าทันทีเลย “หลังจาก Gouryella ก็มาถึง Blueprint ทันทีเลย ตลอดเวลาการทำงานแบบสุดตัวเกือบปีครึ่งทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลาทำงานกับศิลปินคนอื่นเลยนอกจากเหล่า vocalist ที่ร้องเพลงในอัลบั้มผมเอง เวลาไปเล่นตามงานเฟสติวัลก็มีโอกาสได้พูดคุยกับดีเจหลายคนนะ แต่ก็-”
“แต่ก็ไม่เคยได้ร่วมงานกันสักที!”
“ใช่! ไม่เคยได้ทำเลย!” Corsten พูดไปก็หัวเราะไป “แต่ไหนๆ ผมก็ทำเพลงพวกนี้มาเองโดยตลอด ผมก็คิดนะว่าทำไมไม่ประกาศคอนเซ็ปต์ให้ชัดเจนไปเลยว่าทุกๆ บทเพลงที่จะทำนี้ต้องเป็นเป็นการร่วมงานกับคนอื่นไปเลยล่ะ”
โปรเจคที่ชื่อว่า “Unity” นั้นเริ่มขึ้นจากตัว Corsten เองภายใต้ความคิดที่อยากจะสร้าง community ของเหล่าโปรดิวเซอร์เพลง Trance “วงการ Trance นั้นไม่ได้มาแรงเหมือนกับเมื่อสิบยี่สิบก่อนแล้ว หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดนั้นสังเกตุไม่ยากเลย หากคุณลองดูวงการ EDM คุณจะเห็นว่าพวกเขาดูมีพลังและอิทธิพลมาก เพราะพวกเขาคอยสนับสนุนกันและกันตลอด” เขารู้สึกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปมากเกินทำให้ขาดการสื่อสารระหว่างคนในวงการ ทั้งที่เมื่อก่อน ศิลปินที่เล่นเพลงในระดับ 140 BPM จะไม่เล่นอะไรที่อยู่ในระดับ 128 BPM เป็นอันขาด หรือในทางกลับกันก็เช่นกัน Corsten จึงอยากให้ “Unity” เป็นเหมือนศูนย์รวมตัวของเหล่าโปรดิวเซอร์ได้มาร่วมงานกันโดยการทำ collaboration ออกมาเรื่อยๆ และหวังว่าจะทำให้วงการ Trance กลับมามีความขลังเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง
“ถ้าพูดถึง passion และความรักที่ผมมีให้กับดนตรี Trance แล้ว ผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมพยายามนำโปรเจค Unity มาเกี่ยวพันกับเรื่องการกุศลเหมือนกัน องค์กรที่ผมหมายถึงคือ VH1 Save The Music สิ่งที่พวกเขาทำคือการนำเอาเสียงคนตรีหลากหลายรูปแบบและแนวออกไปให้แก่เด็กที่ยากไร้และโรงเรียนของพวกเขา”
ในคืนที่เขาขึ้นแสดงในงาน Transmission Asia ที่ไทย เขามาภายใต้นามแฝงว่า Gouryella 2.0 ซึ่งเคยเปิดตัวมากตั้งแต่ช่วงปี 1999 ในฐานะโปรเจคที่เขาร่วมมือกับ Tijs (Tiesto) พอเราถามว่าทำไมถึงตัดสินใจนำมันกลับมาเล่นในการแสดงที่ใหญ่โตขนาดนี้ เขาบอกทันทีเลยว่า “มันเหมือนกับว่ามีคนต้องการและรอคอยมันอยู่ รสนิยมทางดนตรีของผมเปลี่ยนไปมากหลังจากอัลบั้ม Gouryella อันที่สี่ แต่แม้กระทั้งวันนี้ตอนผมลงรูปอะไรมั่วๆ ใน IG ประมาณว่าไปเดินในสวนมา ก็ยังมีคนมาคอมเมนท์ว่า “จะมีเพลงใหม่จาก Gouryella อีกไหม” ผมรู้เลยว่ายังมีคนที่คอยติดตามมันอยู่ ก็ดีเลยเพราะผมเริ่มเบื่อเพลงแนวใหม่ๆ ที่มันเริ่มซํ้าแล้ว ผมจะได้นำเอาเพลงที่มีอารมณ์และจิตวิญญาณแบบสมัยก่อนกลับมาสักที”
พอใกล้ถึงเวลาจะต้องจากกันเราก็ได้นำเอาคำถามสุดท้ายออกมา เราอยากรู้ว่าคุณ Corsten คิดว่าสมัยนี้เด็กรุ่นใหม่สามารถเข้าสู่วงการได้ง่ายขึ้นเทียบกับเมื่อสมัยก่อนไหม เขาพูดออกมาทันทีว่า “ดูเผินๆ ก็อาจจะเหมือนกับว่าทุกอย่างมันง่ายขึ้นเพราะมีตัวช่วยอย่าง Soundcloud, Spotify, YouTube อะไรพวกนี้เยอะ แต่อย่าลืมว่าทุกคนก็มีเหมือนเรา” ตามทฤษฎีแล้วก็หมายความว่าใครก็เป็นดีเจและโปรดิวเซอร์ ได้ในสมัยนี้ แต่ Corsten เชื่อว่า “การทำให้ตัวเองนั้นเด่นกว่าคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากในสมัยนี้” เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่ปัญหาจะเริ่มตั้งแต่การแต่งเพลงเพราะอุปกรณ์นั้นราคาสูงมาก
จากนั้นเขาก็บอกว่า สมัยนี้การทำเพลงถือเป็นเรื่องง่ายมากเพราะทุกอย่างมันสามารถส่งถึงกันได้ง่ายๆ จะหาอะไรก็ดาวน์โหลดได้จากอินเตอร์เน็ตตลอด Corsten ทิ้งท้ายไว้กับรอยยิ้มเล็กๆว่า “ในเมื่อมีของครบแล้ว ก็ต้องคิดให้ได้ว่าทำยังไงให้เราเป็นที่น่าจับตามอง มันไม่ง่ายอยากที่คิดหรอก ถึงการสร้างเพลงเดี่ยวนี้จะง่ายขึ้นเยอะ แต่การจะแจ้งเกิดนั้นผมว่ายากกว่าเดิมอีก”