บทสัมภาษณ์พิเศษ 22Bullets
22Bullets เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงที่ประเทศไทยตอนที่ปล่อยเพลง Burn Up The Club โดยค่ายเพลง EDM ของ โดม ปกรณ์ ลัม อย่าง Iconic Records ในปี 2014 ออกมา แต่อย่างไรก็ตามคนไม่รู้เลยว่า 22Bullets อยู่ในวงการนี้มาก่อนหน้านี้สักระยะหนึ่งแล้ว ด้วยการชนะ Pioneer Battle Scratchin’ DJ ในปี 2009 และล่าสุดก็ได้ขยายตัวออกไปและทำในสิ่งที่ดีเจทุกๆคนใฝ่ฝันนั่นก็คือการได้ปล่อยงานเพลงของเขาเอง โดยค่ายดังๆทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือค่ายของ Hardwell อย่าง Revealed Recordings
Siam2nite มีโอกาศได้นั่งคุยกับเขาเกี่ยวกับผลงานและความสำเร็จตอนนี้ และวิวัฒนาการการเป็นดีเจของเขา
เราเข้าใจว่าคุณอยู่ในวงการนี้มาประมาณหนึ่งแล้ว แต่ในปี 2016 เหมือนเป็นปีทองของคุณ แต่ก่อนหน้านี้ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก 22Bullets อยากให้คุณแนะนำตัวเองหน่อย 22Bullets คือใคร?
ผมเป็นศิลปินและชอบทำงานเพลงมากๆ ไม่ใช่เพียงเพลง EDM เท่านั้น อะไรก็ตามที่ดีและได้แรงบันดาลใจ ผมก็ทำมัน
ผมเข้าใจว่าคุณชนะการแข่งขัน Pioneer Battle Scratchin’ DJ ในปี 2009 นั่นคือจุดเริ่มต้นเลยหรือเปล่า?
ผ่านมานานมากๆแล้ว ช่วงนั้นผมเป็นแค่ดีเจ และเล่นๆกับมันเฉยๆ ผมไม่อินกับการทำงานเพลงเองเลย ผมเพียงแค่ชอบการเป็นดีเจ แต่ทีนี่ผมรู้สึกว่าการเป็นดีเจอย่างเดียว ไม่ใช่เป้าหมายของผมอีกต่อไป เพราะมันไม่สามารถพาผมก้าวหน้าไปไกลได้ ผมก็เลยเริ่มทำงานเพลงขึ้นมาเองหลังจากที่ผมชนะการแข่งขัน ผมขายเครื่องมือดีเจทุกอย่างและซื้อ แล็ปท็อปและดาวน์โหลดซอฟท์แวร์คุณภาพแย่ๆมา *หัวเราะ*
แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงคิดอยากทำเพลงขึ้นมาเองครับ?
ผมรักเสียงเพลงตั้งแต่ผมจำความได้ เพราะฉะนั้นผมถึงอยากมีเพลงของตัวเองไปเล่นในเซทของผมเองบ้าง
ความชื่นชอบในเสียงเพลงได้มาจากครอบครัวหรือเปล่า?
เปล่าครับ ครอบครัวผมชอบฟังเพลงของผมนะ แต่ไม่มีใครเป็นศิลปิน พวกเขาเป็นนักธุรกิจ
ก็แปลว่ามันเป็นความชื่นชอบส่วนตัวของคุณล้วนๆเลย
ความจริงผมได้มันมาจากพี่ชายผมนะ เขาชอบดนตรีมากๆ เขาก็เป็นดีเจ ผมเรียนมันมาจากเขา เขาเป็นคนซื้อเครื่องดีเจมาทั้งหมดก่อน และผมก็ได้มีโอกาสไปเล่นแล้วก็ฝึกกับเครื่องอยู่บ่อยๆตอนผมยังเด็กมากอยู่เลย
ชื่อ 22Bullets ตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรือเปล่าครับ หรือถ้าไม่ใช่ ใช้ชื่ออะไรมาก่อน? แล้วชื่อนี่ตั้งขึ้นมาได้อย่างไรครับ?
ไม่ครับ เมื่อก่อนผมใช้ชื่อ Beaver *หัวเราะ* แต่คุณรู้ไหม หลายคนถามผมเรื่องชื่อผมนะ เป็นเรื่องน่าขำมาก ครั้งแรกที่ผมได้ไปโชว์ ออแกไนซ์เขาเรียกผมไปแล้วต้องการชื่อดีเจ ณ ตอนนั้นเลย เพราะพวกเขากำลังทำใบปลิวหรืออะไรสักอย่างอยู่ แล้วผมกำลังดูหนังเรื่องหนึ่งอยู่พอดีที่มีชื่อว่า 22Bullets มันเป็นหนังฝรั่งเศษ นั่นแหละครับคือที่มาของชื่อผม แล้วมันก็ติดไปแล้วด้วย เปลี่ยนตอนนี้ก็สายไปแล้ว *หัวเราะ*
ส่วนตัวผม ผมเริ่มรู้จักชื่อ 22Bullets หลังจากที่คุณปล่อยงานเพลง Burn Up The Club คุณเล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหมว่ามีที่มาที่ไปยังไงบ้าง?
เพลงนั้นเป็นโปรเจคที่เราทำกัน เป็นอัลบั้มเพลงที่ตอนนั้นออกมาในรูปแบบแผ่นซีดี ตอนนั้นมี Double Dose ประกอบไปด้วย Pim (หรือ Pyra) และ Patty (PattyYourVillain) และเราต้องทำงานเพลงอะไรสักอย่างขึ้นมากับพวกเขา สไตล์ของเพลงก็คือ Melbourne Bounce มันเป็นสไตล์ที่ผมชื่นชอบช่วงหนึ่ง
เพลงนั้นทำกับ โดม ปกรณ์ ลัมใช่ไหม? คุณเข้าไปทำงานเพลงกับเขาได้อย่างไรตั้งแต่แรก?
ใช่ๆครับๆ ผมรู้จักเขามานานแล้ว ผมเคยเป็นดีเจกับเขาแล้วเราก็คุยกันเรื่องเครื่องมือดีเจตลอด มันกลายเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นมากกว่าแค่เพื่อนธรรมดาๆคนหนึ่ง
ตั้งแต่ปล่อยเพลง Burn Up The Club ออกมา คุณคิดว่ามีหลายๆอย่างเปลี่ยนไปไหม?
มากเลยครับ! ผมทำมาหมดแล้วที่ประเทศไทย ทั้งการทำงานเพลงร่วมกับศิลปินแนวหน้าของไทย ผมเคยทำรีมิกซ์ให้กับ Bodyslam แต่ผมรู้ว่าแค่นี้มันจะไม่ทำให้ผมเป็นที่รู้จักได้ขนาดนั้น โดยเฉพาะแค่การทำงานเพลง EDM ในประเทศอย่างเดียว เป้าหมายของผมก็คือการได้ปล่อยงานเพลงที่ต่างประเทศด้วย ซึ่งนี่แหละทำให้ทุกๆอย่างเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มจากการปล่อยเพลงในค่ายเล็กๆที่ออสเตรเลียและหลังจากนั้นในปี 2016 ผมก็ได้เซ็นปล่อยเพลงในค่ายของ Deorro ซึ่งเพลงก็ได้ปล่อยออกมาในช่วงเดือน ก.ค.ของปีนั้น และช่วงปีนั้น Deorro ก็เป็นดีเจอันดับที่ 23 ของโลกอยู่พอดีเลย ประมาณนี้ครับ
ปีนี้คุณได้เป็นที่รู้จักที่ต่างประเทศอย่างเห็นได้ชัด คุณมีโอกาสได้ร่วมงานกับ MakJ คุณได้ปล่อยงานเพลงที่ค่ายของ Chuckie อย่าง Dirty Dutch ค่ายของ Deorro อย่าง Panda Funk รวมไปถึงค่ายของ Hardwell อย่าง Revealed ทุกๆการร่วมงานมันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ?
ผมก็เคยคิดนะว่าผมจะสามารถติดต่อกับพวกเขาได้ยังไง แต่สุดท้ายแล้ว เพลงของผมก็ได้พูดด้วยตัวมันเอง ถ้าคุณทำงานเพลงออกมาดี สิ่งดีๆก็จะกลับมาหาคุณเอง เพลงดีๆ ยังไงมันก็จะเป็นเพลงที่คนจะฟัง
แล้วคุณใช้วิธีการโปรโมทตัวเองยังไงบ้าง? คุณเพียงแค่รอให้คนได้ฟังเพลงของคุณเองหรือยังไงครับ?
ไม่ครับ ผมส่งไปให้เขาโดยตรงเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าพวกดีเจดังๆแบบนี้ ไม่เช็คอีเมล์ตัวเองกันหรอก แต่เขาเช็คนะครับ แต่ถ้างานเพลงไม่ดีพอ เขาก็จะไม่ตอบอีเมล์เท่านั้นเอง *หัวเราะ* นั่นคือวิธีที่ผมติดต่อ MakJ ไป หลังจาก 3 เดือนผมถึงได้คำตอบกลับมา 3 เดือน! เขาก็ตอบมาว่า "ผมชอบงานเพลงชิ้นนี้ของคุณ เราทำอะไรร่วมกันได้ไหม?" ตอนแรกผมคิดว่าเพลงผมไม่ดีพอ แต่พอ MakJ บอกว่าชอบเพลงนี้ ผมเลยคิดว่ามันต้องโอเค เพลงของผมดี! นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมส่งงานเพลงไปที่คนอื่นด้วย เพราะการตอบรับของ MakJ ทำให้ผมมีความมั่นใจขึ้นมาเลยครับ
ผมส่งดร็อปไปให้ MakJ 16 วรรคและเขาก็นำท่อนนั้นไปเล่นที่ EDC Las Vegas ในปีนี้อีกด้วย ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะนำมันไปเปิด แต่ผมได้ชมเฟสติวัลแบบไลฟ์สตรีมก็เลยเห็นว่าเขาเอาเพลงผมไปเปิด ผมก็เลยบอกว่า "อะไรกัน คุณเล่นเพลงนี้ด้วย" เพลงนั้นผมยังทำไม่เสร็จเลย และเขาก็บอกว่า เขาชอบเพลงนั้นก็เลยต้องการที่จะเปิดมัน
คุณคิดว่าการที่ได้ทำงานร่วมกับศิลปินระดับโลกคนหนึ่งแล้ว จะทำให้การทำงานกับดีเจดังคนอื่นๆได้ง่ายมากขึ้นไหม? เพราะชื่อของคุณก็ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว?
ความจริงชื่อของผมก็ได้ออกไปแล้วแหละ แต่มีน้อยคนที่จะรู้ แต่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมมั่นใจในการส่งงานเพลงของผมเพื่อการทำงานเพลงร่วมกัน คือเพลงของผมมีวิวัฒนการ มันดีขึ้นแล้วมีหลากหลายสไตล์ ผมไม่ได้ยึดติดกับเพลงสไตล์เดียวแล้ว
คุณเคยจัดประเภทหรือจำกัดงานเพลงของคุณอยู่ในสไตล์ไหนโดยเฉพาะหรือเปล่า?
เคยครับ ตอนที่ผมทำงานเพลง Burn Up The Club ผมทำทำนองสไตล์หนึ่งที่ตอนนั้นผมชอบมากๆ แต่เพียงเพราะผมเป็นดีเจคนไทยคนแรกที่เล่นเพลงสไตล์นั้นในช่วงนั้น มันคือเพลงแนว Melbourne Bounce กับเบสแบบไม่ตรงจังหวะ ผมได้แรงบันดาลใจมาจาก Deorro ผมไปเจอเขาที่ Onyx เพราะผมเล่นเปิดงานให้เขา ก่อนหน้านั้นผมทำงานเพลงแนว dubstep แต่คืนนั้นทำให้ผมเปลี่ยน วันต่อมาผมเริ่มทำงานเพลงที่ทำอยู่ตอนนี้เลย ไม่ทำ dubstep อีกต่อไป มันเป็นความฝันของผมมาตลอดที่จะปล่อยงานเพลงในค่ายของ Deorro แล้วผมก็ทำมันสำเร็จ ผมได้ปล่อยงานเพลงในค่าย Panda Funk! และหลังจากนั้นผมก็มีเป้าหมายใหม่ที่จะปล่อยงานเพลงที่ค่ายของ Hardwell แล้วผมก็ทำมันสำเร็จเช่นกัน ตอนนี้ผมพยายามจะเติบโตในเชิงของงานเพลงของผมอยู่ครับ
ตอนที่คุณได้เจอกับตัวจริงพวกเขา พวกเขาเป็นยังไงบ้างครับ? คุณได้เรียนรู้อะไรจากเขาเยอะไหม?
ได้ครับ พวกเขาเจ๋งมากเลยนะ ผมเคยคิดมาตลอดว่า เขาต้องปาร์ตี้ตลอดเวลาแน่เลย ตอนนั้นผมไปงานวันเกิดของ Laidback Luke ที่ อัมส์เตอร์ดัม และเขาไม่ดื่มเลย! เขาก็บอกอีกว่า ถ้าคุณต้องทัวร์แทบทุกวันในประเทศต่างๆ ในเมืองต่างๆ คุณต้องออกกำลังกาย ไปยิม และดูแลสุขภาพของตัวเอง นั่นแหละ คือสิ่งที่ผมทำ
นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่เจอคุณตามคลับทุกๆคืนหรือเปล่า?
ถ้าถามว่าทำไมผมไม่เล่นตามคลับ ความจริงผมได้รับข้อเสนอมากมาย แต่ผมคิดว่ามันไม่เฮลตี้ถ้าผมต้องโฟกัสกับการทำงานเพลง ในคลับไทยเขาชอบเล่นเพลงเดิมๆซ้ำๆ แต่ถ้ามาดูโชว์ของผม ผมไม่เล่นเพลงที่คนอยากฟัง ผมพยายามเล่นเพลงที่ดี แต่คนก็อาจจะไม่เคยฟังมาก่อนแล้วนำมันมามิกซ์กับเพลงที่คนรู้จักอยู่แล้ว ให้คนที่ได้ฟังเพลงได้คิดว่า เห้ยเพลงนี้ก็ดีนะ ฉันไม่ต้องไป RCA ทุกวันเพื่อไปฟังแต่เพลงซ้ำๆทุกคืน
ก็แปลว่าคุณโฟกัสเรื่องงานเพลงมากๆ คุณมีแฟนเพลงแล้วแฟนเพลงก็อยากจะเห็นคุณเล่นสดบ้าง ที่ไหนคือที่ที่สามารถไปเจอคุณได้ครับ? พวกเราสามารถเจอคุณได้ที่ไหน?
ในช่วงนี้ส่วนมากไปเจอผมได้ตามเฟสติวัล ผมได้ไปเล่นค่อนข้างเยอะ แต่ผมก็พยายามจะไลฟ์ในเฟสบุคทุกๆวันอาทิตย์ ผมเคยไลฟ์ทุกๆอาทิตย์เมื่อก่อนและผมก็ติดทำเพลงใหม่ แต่พอมาไลฟ์อีกที ผมได้แฟนคลับเพิ่มขึ้น 200-300 คน ผมก็เลยคิดว่าผมควรไลฟ์มากกว่าเดิม
ก็แปลว่าคุณติดต่อกับแฟนเพลงทางด้านโซเชี่ยวมากกว่า?
ใช่ครับ ตอนนี้ผมได้ไปเล่นหลายๆเมืองข้างนอกประเทศไทย ผมเพิ่งไปเล่นที่ อัมสเตอร์ดัมมา และก่อนหน้านั้นผมไปเล่นที่ ย่างกุ้ง กับ Headhunterz ผมไม่ค่อยได้เล่นที่ประเทศไทย
คุณรู้สึกไหมว่าโลกโซเชี่ยวเป็นช่องทางที่สำคัญในการติดต่อกับแฟนคลับ
สำคัญมากครับ ปกติแล้วผมไม่ใช่คนที่ชอบโพสลงโซเชี่ยวสักเท่าไหร่ ผมควรจะเล่นให้มากกว่านี้
งั้นคุณคิดว่า คุณมีแฟนเพลงจากนอกประเทศไทยมากกว่าไหม?
ผมว่ามันตลกมากเลยที่ผมไม่รู้ว่าเราสามารถดูได้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายที่มาติดตามเพจของเราได้บ้าง คนที่มาไลค์เพจผมส่วนมากก็คนไทยอยู่แล้ว แต่อันดับสองก็คือประเทศเวียดนาม ผมมีแฟนเพลงที่เวียดนามมากกว่า 2,000 คน ผมไม่เคยไม่เล่นที่เวียดนาม ผมก็เลยอึ้งมาก *หัวเราะ* ตอนนี้เราเลยพยายามจะไปเล่นที่นั่นสักครั้งหนึ่ง
คุณปล่อยงานเพลงส่วนมากของคุณทางออนไลน์ อย่างเช่นที่ SoundCloud คุณมีความคิดเห็นยังไงกับคนที่ปล่อยเพลงแบบฟรีๆบ้าง?
ผมว่ามันเป็นไอเดียที่ดีนะ เพราะว่าจะปล่อยเพลงในค่ายแต่ละที ใช้เวลานานมากๆ ตอนนี้ผมก็มีประมาณ 5-6 เพลงที่กำลังรอค่ายอนุมัติอยู่ ถ้าคุณมีแฟนเพลงที่หนาแน่น ผมว่ามันดีนะที่จะปล่อยเพลงแบบฟรีๆ ให้คนสามารถดาวน์โหลดได้ แต่คุณอาจต้องสร้างแคมเปญขึ้นมา
คุณมีทีมใหญ่ทำงานร่วมกับคุณอยู่หรือเปล่าตอนนี้?
ใช่ครับ ตอนนี้เรากำลังสร้างทีมงานที่ดีมากๆ กำลังไปในทิศทางที่ดีครับ
คุณมีการจัดการที่ต่างประเทศ ไม่ใช่เพียงประเทศไทย เล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหมครับ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง?
ตอนแรกผมเริ่มกับเพื่อนผม เขาเป็นเจ้าของเอเยนซี่ที่ประเทศไทย เขาเป็นคนนำดีเจมาที่ Onyx ผมเลยส่งงานเพลงผมไปให้เขา เขาชอบเพลงของผมก็เลยติดต่อให้ผมได้ทำงานกับค่ายที่ออสเตรเลีย หลังจากนั้นผมก็ส่งเพลงของผมไปที่ผู้จัดการของ Headhunterz และเขาก็ชอบทำนองเพลงของผม เขาเลยยื่นข้อเสนอมา ผมเคยทำงานเพลงอิเล็กโทรแบบหนักๆผมก็เลยส่งไป เป็นแนว EDM และ ป็อป พวกเขาชอบงานเพลง EDM ของผมแล้วก็บอกว่าสิ่งที่ทำให้ผมแตกต่างก็คือทำนองป็อปของผม เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆก็ทำเพลง EDM เป็น ผมเลยได้ข้อเสนอมาครับ
เพราะคุณบอกว่าคุณชอบเพลงหลายแนวมากๆ แนวเพลงโปรดของคุณตอนนี้คือแนวไหนครับ?
ตอบยากมากๆเลย ตอนนี้ผมชอบเพลงป็อปมากๆ มันไม่ค่อยมีเพลง EDM เจ๋งๆเลยตอนนี้
มีเพลงไหนที่คุณอยากเปิดมากๆในเซ็ทเพลงไหนก็ได้ของคุณไหม?
เอาจริงๆแล้วผมอยากเปิดเพลงของตัวเองนะครับ แต่เวลาผมจะเล่นผมจะพยายามจะไปแมทช์กับทำนองที่ทุกคนรู้จักอยู่แล้ว อย่างเพลงของ Galantis หรืออะไรประมาณนี้ แต่ถ้าช่วงดร็อปนี้ จะเป็นเพลงของผอย่างเดียวเลยครับ
ตอนนี้คุณมีเพลงของคุณกี่เพลงแล้วครับที่สามารถเปิดได้ในเซท?
ในเซท 1 ชม.ของผม จะมีประมาณ 27 เพลง แล้ว 50%ของเพลงก็จะเป็นเพลงของผมเอง คนจะไม่ค่อยรู้ว่าเป็นเพลงของผม แต่ผมพยายามจะทำให้ทุกคนฟังได้ง่ายๆด้วยการผสมเพลง คนฟังจะได้ต้องไปพร้อมๆกันได้ เพลงของผมส่วนมากเป็นเพลงที่ไม่ได้ปล่อยออกไป
ผมเป็นแฟนเพลงมากๆเหมือนกัน แล้วผมก็ชอบงานเพลง ID มากๆ เพราะมันใหม่ และเจ๋งมาก แต่สำหรับแฟนเพลงทั่วไปคนจะไม่รู้จักเพลงและร้องตามไม่ได้
ใช่ครับ สำหรับเพลง ID คนไม่สมควรรู้ว่าเป็นเพลง ID เพราะฉะนั้นเราเลยทำการผสมเพลงตอนที่เล่นสด
จากเรื่องที่คุณเล่ามา เรารู้ว่าคุณไม่ครอยไปเล่นที่คลับ แต่จะเป็นเฟสติวัลซะมากกว่า
ผมก็พยายามจะไปเล่นอยู่นะครับ แต่การที่จะได้เล่นตามคลับที่นี่ยากมากครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเขาไม่อยากจ่ายค่าตัวที่แพงมั้งครับ ผมไม่อยากไปเทียบกับดีเจที่ไปโชว์แล้วรับเงินที่น้อยกว่า แต่สำหรับผมมันไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ สำหรับเฟสติวัล เขาอยากได้ผมในไลน์อัพ เขาจึงยอมจ่าย ไม่ใช่ว่าผมอยากทำเฟสติวัลมากกว่าคลับนะครับ ผมชอบทั้งสองแบบเลย เพียงแต่เฟสติวัลจ้างผมมากกว่า *หัวเราะ* ที่คลับคนมักจะบอกว่า "คนนี้ยังรับงานในราคานี้ได้ ทำไมคุณไม่ทำบ้างหละ" แต่ในมุมมองของผม ผมคิดว่าถ้าผมจะรับงานกับเรทที่ต่ำกว่าค่าตัวผม มันก็จะไม่ตรงกับมาตรฐานที่ผมได้ตั้งไว้กับตัวเอง ผมอยู่ในวงการนี้มานานแล้ว ผมรุ้ว่ามันเป็นยังไง
งั้นมีงานเฟสติวัลไหน ที่คุณชอบมากที่สุดไหม?
ผมชอบ S2O มากที่สุด ผมไปมาตั้งแต่ปีแรก ผมอยากกลับไปเล่นอีก ผมชอบบรรยากาศพลังงานและความรู้สึกของงานมากๆ
ก็แปลว่าคุณหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศไทยพอสมควรเลย งี้ถ้าคุณไปต่างประเทศคุณบอกไหมว่าคุณเป็นคนไทย?
แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมเพิ่งไปออกช่องทีวีดัตช์ยักษ์ใหญ่มา พวกเขาประหลาดใจมาก เพราะเขาไม่เคยมีดีเจคนไทยไปที่รายการเลย พวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่ประเทศไทยเรามีวงการนี้ด้วยเหรอ พวกเราเติบโตขึ้น ในทางคนฟังเพลงเราเติบเร็วและไปในทางที่ดี แต่สำหรับศิลปินเองแล้ว ผมคิดว่าอาจจะไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจสักเท่าไหร่ เรามีเฟสติวัลเยอะขึ้นมากๆ และผมก็หวังนะว่ามีการมาโชว์เพลงของตัวเองกันบ้าง แต่ไม่มีเลย! ประตูเปิดแล้วสำหรับทุกคน เพราะฉะนั้นคุณควรจะสร้างชื่อขึ้นมาด้วยเพลงที่ทำขึ้นมาเอง
คุณเริ่มทำเพลงตั้งแต่แรกเลยป่าวครับ?
ใช่ครับ เพราะทำไมไม่ทำละใช่ไหม เป็นดีเจแล้วก็อยากเล่นเพลงที่ตัวเองทำขึ้นมาเอง ผมว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆนะ เวลาได้ยินเพลงของตัวเอง แถมได้เห็นคนฟังมีความสุข มันเจ๋งมาก
ผมเชื่อว่าเพลงเป็นสิ่งที่คุณรักมากๆ แต่นอกเหนือจากการทำเพลง คุณชอบทำอะไรอีกครับ?
ไม่มีครับ ทุกๆอย่างที่ผมทำ เกี่ยวกับดนตรีหมดเลย ผมสอน ผมทำเพลง ทุกๆอย่างเกี่ยวกับเพลงหมดเลย ผมว่ามันอยู่ในเลือดผม ผมจะให้เวลาตัวเองอีก ถ้ามันไม่เวิรค์จริงๆ ผมก็จะกลับมาทำงานกับที่บ้าน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมจะทำให้สุดความพยายามของผม
ปี 2016 เป็นปีที่ค่อนข้างดีของคุณ คุณคิดว่าปี 2017 จะดีขึ้นกว่าเดิมอีกไหม?
ผมหวังอย่างนั้นนะ ผมทำงานเพลงเสร็จไปหลายงาน ทุกๆชิ้นงานของผม ผมพยายามทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆด้วยการเพิ่มคุณภาพ เวลาและความพยายามในการสร้างมันขึ้นมา ผมจะไม่เร่งงานเพลงของผม บางทีเพลงหนึ่งใช้เวลา 3-4 เดือนเลยนะ เพราะบางทีผมคิกว่าผมเสร็จแล้วแต่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจกับมัน ผมมีความรู้สึกว่ามันดีได้กว่านี้ จนกว่าจะถึงจุดหนึ่งที่ต้องบอกตัวเองว่า พอแล้ว เพลงเสร็จแล้ว แต่ถ้าเพลงไหนยังไม่เซ็นสัญญา ก็แปลว่ามันยังไม่เสร็จ 100% ผมชอบติตัวเอง มันทำให้ผมเก่งขึ้น บางคนจะเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางแล้วคิดว่าสิ่งที่เขาทำคือสิ่งที่ดีที่สุด ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าผมเปรียบเทียบเพลงของผมกับศิลปินคนอื่นๆ ถ้าเพลงผมแย่ ผมก็จะรู้ แล้วทำไมต้องปล่อยผลงานที่แย่ออกไป เพราะยังไงคนก็จะไม่ฟังอยู่ดีใช่ไหม?
ก็แปลคนที่คุณทำงานร่วมด้วย คุณให้เกียรตและยกย่องพวกเขาพอสมควร?
ใช่ครับ มันไม่ใช่แค่คนทั่วไปสำหรับชื่อเสียง แต่เป็นที่ผมจะต้องชอบด้วย ผมว่าเพลงโปรดของผมที่ทำร่วมกับศิลปินคนอื่น ก็คือที่ทำร่วมกับ Maddox บนค่าย Revealed เขาเก่งมากๆ
เวลาคุณทำงานเพลงกับพวกเขา คุณได้ทำงานต่างที่หรือว่าคุณได้เจอกันจริงๆ
เราอยู่กันคนละที่ แต่ว่าผมได้เจอสองคนจากค่าย Revealed ที่ อัมสเตอร์ดัม ผมไปที่นั่นสองสัปดาห์ ได้เล่นที่งานสองที่แล้วก็ได้เจอนักแต่งเพลงบางคนด้วย เป็นการสร้างคอนเน็คชั่น ผมเตรียมทริปนี้ไว้ประมาณ 5 เดือนและก็เดินทางไปถึงก่อนวันที่เซ็นสัญญากับ Revealed อีกด้วย ผมไปงาน Amsterdam Dance Event ซึ่งเป็นงานที่สามารถให้คนไปพบปะกันได้ ผมก็เลยไป ตอนนั้นผมยังไม่ได้เซ็นสัญญากับทีมงาน Headhunterz เลย แต่หลังจากทริปนั้น ผมก็ได้เซ็นสัญญาทั้งหมด มันเป็นทริปที่ทำให้ผมได้เจอกับพวกเขา
คุณทำไปหลายอย่างมากๆในปี 2016 เรื่องไหนเป็นความทรงจำโปรดของปี 2016 ของคุณครับ?
การได้ออกเพลงกับ Revealed ครับ ผมกรี๊ดดังมากตอนที่ผู้จัดการผมโทรมาบอกผม ไม่มีใครไม่รู้จักค่าย Revealed ทุกคนรู้จัก Hardwell ตัวจริงเขาเป็นคนเงียบถ่อมตน ไม่ค่อยพูดอะไรมาก
คุณได้ทำงานกับพวกเขาหรือว่าทีมของพวกเขามากกว่ากัน?
ความจริง ผมได้พูดคุยกับ Hardwell นะ ผมไม่รู้จักทีมของเขา เขาเข้าถึงง่ายนะถ้าคุณอยู่ในวงการนี้ และช่วงนี้ผมก็ได้คำแนะนำจาก Headhunterz ด้วย เขาแนะนำผมเรื่องงานเพลงเยอะมากๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วผมว่าต้องรู้ว่าคุณอยากเป็นอะไร แล้วไม่ฟังคนอื่นมากเกินไป พวกเขาคิดว่าคุณอยากเป็นพวกเขา ก็เลยจะเล่าเรื่องของตัวเอง การฟังและสะสมความรู้เป็นสิ่งที่ดี แต่คุณไม่ควรลืมตัวตนของตัวเอง ผมอยากเป็น 22Bullets ผมยังไม่แน่ใจ 100% ว่าผมอยากทำอะไร แต่ผมก็กำลังค้นหาตัวเองอยู่ ผมพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ถ้าถามผมตอนนี้ ผมอยากทำงานเพลงกับ KSHMR ไม่ก็ Afrojack เพราะว่าเพลงของผมจะไปในแนวนั้น KSHMR ทำงานเพลง EDM แบบไร้ขีดจำกัด เพลงของเขาองค์ประกอบดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือทำนอง เขาทำออกมาได้ดีมาก ฟังออกเลยว่าเขาตั้งใจทำงานเพลงของเขามากๆ ส่วน Afrojack เป็นคนทำโชว์ออกมาได้ดีมาก เพลงของเขาไม่ดีเท่าของ KSHMR แต่ผมชอบวิธีการของเขา
ก็เหมือนกับว่าคุณนำสิ่งที่ดีของแต่ละคนมาปรับใช้ให้กับตัวเองใช่ไหม?
ใช่ครับ ผมนำมันมาปรับใช้แล้วก็สร้างเป็นผลงานขึ้นมา บางเพลงของผมก็จะเบาๆหน่อย ส่วนบางเพลงก็จะหนักบ้าง
สำหรับดีเจชาวไทยที่ยังติดอยู่ในสตูดิโอของตัวเองที่บ้าน คุณมีคำแนะนำอะไรให้กับพวกเขาบ้าง?
ขยันเท่านั้น มันไม่มีทางลัด ตอนนั้นครอบครัวของผมไม่ได้สนับสนุนผมเลย เขาอยากให้ผมทำงานกับที่บ้าน แต่ดนตรีและเพลงคือจิตใจของผม พวกเขาไม่รู้จักด้วยซ้ำว่า Revealed คืออะไรตอนที่ผมตื่นเต้นมากๆ ผมว่าโชว์ใหญ่ครั้งหน้าของผม ผมอาจจะพาครอบครัวผมไป เขาจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง
สำหรับการทำงานเพลง คุณให้คนรอบข้างของคุณ อย่างครอบครัวหรือเพื่อนๆ ฟังก่อนที่จะตัดสินใจว่าเพลงหนึ่งเสร็จแล้ว ไหม?
ผมส่งงานเพลงของผมไปให้คนที่จะวิจารณ์มัน โดยเฉพาะผู้จัดการของผม เขาเกลียดทุกๆอย่าง ถ้าผมทำให้เขาประทับใจได้แปลว่ามันดีมากๆ มันไม่บั่นทอนจิตใจผมเลย เพลงแรกที่ผมทำ ผมมีเวอร์ชั่นของเพลง 23 เพลง แล้วทุกๆเวอร์ชั่นแตกต่างกันหมดเลย เหมือนทำงานเพลงไป 23 เพลง แต่มันทำให้ผมเก่งขึ้นเรื่อยๆ เพลงต่อไปก็ใช้เวลาน้อยลงเพราะผมเรียนรู้จากมัน ผู้จัดการของผมทำงานร่วมกับ Headhunterz ทุกๆงานต้องเป๊ะ เป้าหมายของเราคือการได้ปล่อยงานเพลงในค่ายใหญ่ๆดังๆ นั่นคือสิ่งที่เราทำอยู่ มันต้องพิเศษ
ตอนนี้มีกำลังทำงานเพลงกี่เพลงอยู่ครับ?
ตอนนี้ งานเพลงหลายเพลงเสร็จแล้ว แต่ผมกำลังเริ่มทำงานเพลงใหม่ๆอยู่ ในปี 2017 เตรียมพบกับเพลงใหม่ๆของผมได้เลย ผมมีแผนที่จะไปเล่นที่เฟสติวัลที่ยุโรปในช่วงซัมเมอร์ ผมเพิ่งจะเซ็นสัญญาไป เพราะฉะนั้นผมหวังว่าจะได้ทัวร์ช่วงซัมเมอร์ และหวังว่าจะได้ไปเล่นที่งานที่ประเทศไทยมากขึ้นด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทำไมต้องลิมิตไว้ที่ประเทศเดียว ปี 2017 จะเป็นการเติบโตทั่วโลกของผม
มีอะไรอยากจะบอกแฟนๆไหมครับ?
เข้ามาติดตามผมได้ที่เพจของผม หวังว่าคุณจะชอบนะครับ!
เข้าไปติดตาม 22Bullets ได้ที่เพจเฟสบุคของเขาสำหรับการอัพเดทผลงานเพลงใหม่ๆของเขาได้เลย!