บทสัมภาษณ์พิเศษ NERVO
NERVO เป็นดีเจดูโอ้ผู้หญิงที่รั้งอันดับสูงสุดตลอดกาล ซึ่งปัจจุบันพวกเธอรั้งอันดับ 45 บน DJ MAG’s Top 100 DJ พวกเธอเล่นมากกว่า 200 โชว์ต่อปีทั่วโลก
สยามทูไนท์มีโอกาสได้ทำการสัมภาษณ์พิเศษกับ NERVO ก่อนที่เขาจะมาทำการแสดงที่ Don't Let Daddy Know Thailand ในวันที่ 12 ก.พ. นี้
คุณเป็นพี่น้องกัน เกิดที่เมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศออสเตรเลีย พวกคุณเป็นดูโอ้ดีเจและโปรดิวเซอร์ผู้หญิงที่รั้งอันดับสูงสุดตลอดกาลในหมู่ดีเจผู้หญิงระดับโลก แล้วปัจจุบันก็รั้งอันดับ 45 บนลิสต์ DJ MAG's Top 100 DJ คุณเริ่มสัมผัสกับเพลงแนว EDM ยังไง?
เราเคยเป็นนักแต่งเพลงแบบเต็มตัว ทำงานเพื่อศิลปินคนอื่นๆอย่างเดียวเลย ตอนที่งานเพลงที่เราได้แต่งอย่างเพลง When Love Takes Over ของ David Guetta และ Kelly Rowland ได้รับรางวัล grammy เราเลยตัดสินใจลองลุยงานเพลงในฐานะศิลปินดูเองบ้าง แล้วอีกอย่างหนึ่งคือเรามีงานเพลงใน ฮาร์ดไดรฟ์ของเราเยอะมากๆแล้วมันก็จะไม่มีค่าหากเราไม่ทำอะไรกับมัน เราเลยต้องผันตัวมาเป็นศิลปินเพื่อปล่อยงานเพลงพวกนั้น และจากนั้นมา NERVO ก็ได้เกิด :)
คุณเล่นกับโปรดิวซ์งานเพลงแนว Electro ผสมผสานกับ Progressive House คุณจะพูดถึงแนวเพลงที่คุณเล่นแบบสั้นๆยังไง มันแตกต่างจากดีเจคนอื่นๆยังไง?
พวกเราพัฒนาแนวเพลงไปเรื่อยๆ แต่น่าจะเป็นดนตรีแบบ big room melodic พวกเราเริ่มมาจากเพลง pop เราจึงชื่นชอบในทำนอง และก็บวกกับ top line ดีๆ
ในปี 2009 คุณร่วมแต่งเพลงที่ได้รับรางวัล Grammy อย่างเพลง When Love Takes Over ของ David Guetta และ Kelly Rowland ซึ่งเพลงก็ได้รับการโหวตจาก Billboard ให้เป็นอันดับ 1 ของ Dance Pop Collaboration ตลอดกาล ส่วนเพลงอันดับ 1 ใน Beatport ของคุณ อย่าง The Way We See The World ซึ่งก็ได้เป็นเพลงธีมของ Tomorrowland 2011 สำหรับคนที่ไม่รู้จักงานเพลงของคุณ มีงานเพลงล่าสุดของคุณที่สามารถจะบ่งบอกถึงความเป็นคุณได้แนะนำไหม?
อัลบั้มเดบิวต์ Collateral รั้งอันดับ 1 บน iTunes และหลายเพลงรวมไปถึงเพลงที่ทำร่วมกับศิลปินคนอื่นๆจากอัลบั้มก็มี Haute Mess Hey Ricky The Other Boys Reason You’re Gonna Love Again We’re All No One และ It Feels ไม่นานมานี้เราก็ได้ปล่อยเพลง People Grinnin’ Anywhere You Go Forever Or Nothing และ Alone ในเดือนกุมพาพันธ์เราจะปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ที่มีชื่อว่า In Your Arms ซึ่งงานเพลงนี้เราชื่นชอบมากๆ รอติดตามกันได้เลย ถ้าหากคนยังไม่รู้จักเราก็สามารถไปติดตามแล้วทำความรู้จักกับงานเพลงของเราได้ที่ spotify เรามีงานเพลงอีกมากมายที่จะออกมาให้ได้ติดตามกันแล้วเราก็ได้ทุ่มเทกับเพลย์ลิสต์ NERVONation มากๆ
คุณเล่นมากกว่า 200 โชว์ต่อปี และคุณก็ได้ไปโชว์ทั่วโลกในงานใหญ่ๆทั้งในผับรวมไปถึงเฟสติวัลอย่าง Sensation EDC Ultra และ Tomorrowland มีครั้งไหนที่คุณคิดว่าโชว์ได้ดีที่สุดกับแย่ที่สุดบ้างไหม แล้วมีโมเม้นตลกๆที่เคยเกิดขึ้นระหว่างโชว์ไหม?
บางครั้งก็เกิดปัญหาทางเทคนิคแต่พวกเราโชคดีที่ไม่ค่อยประสบปัญหานี้บ่อยสักเท่าไหร่ มีครั้งหนึ่งตอนที่ไปโชว์ที่ Tomorrowland แล้วเรากำลังจะปิดการแสดง มีคนดูโยนเสื้อมาที่เรา แล้วเสื้อนั้นก็ไปตกใส่ CDJ ทำให้เพลงหยุดเล่นไปเลย ตอนแรกก็คิดว่าเผลอไปโดนอะไรแล้วทำให้เพลงดับหรือเปล่า แต่สรุปแล้วมันก็คือเสื้อตัวนั้นที่ทำให้เพลงดับ Mim รีบไปจับไมค์เพื่อแก้สถานการณ์แล้วฉัน (Liv) ก็วางคิวเพลงให้กลับมาเล่นเหมือนเดิม บางทีคนดูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเรารู้แน่นอน
เราเคยมีผู้หญิงคนหนึ่งโยนชุดชั้นในใส่พวกเรา ผู้ชายขอหมั้นเรา และก็มีเหตุการตลกๆอย่างมีคนถามเราว่าจะไปทานพิซซ่ากับเขาไหม หรือมีคนมาถามขอเสื้อผ้าของเรา เพราะเห็นเราใส่ในรูปที่โพสลงในอินสตาแกรมแล้วเขาชื่นชอบ มันค่อนข้างฮาดี
คุณเป็นหนึ่งในดีเจผู้หญิง นอกจาก Miss K8 (#88) ที่รั้งอันดับในลิสต์ของ DJ Mag’s Top 100 DJ คุณรู้สึกยังไงบ้างที่ได้เป็นศิลปินผู้หญิงที่รั้งอันดับในวงการที่ส่วนมากมีแต่ผู้ชาย? คุณรู้สึกว่ามันคือพรสวรรค์หรือฝันร้ายมากกว่ากัน?
เรารู้สึกได้รับเกียรติมากๆที่ได้รั้งตำแหน่งนี้และก็รู้สึกดีใจที่แฟนๆยังคงโหวตให้เราอยู่ เราอยากจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับสาวๆและผู้หญิงทุกคนไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ตามให้ทำตามฝันให้สำเร็จ เราตั้งใจและก็ยังคงพยายามทำงานเพลงออกมาอย่างเต็มที่และเราก็เชื่อว่าความตั้งใจ และการทำงานอย่างหนักของเราจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จ ล่าสุดเราเพิ่งจัดแคมเปญสำหรับการปล่อยซิงเกิ้ลเพลง People Grinnin' ของพวกเราร่วมกับ Made By Me ที่ประเทศออสเตรเลีย ที่ช่วยแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถทำเกี่ยวกับวิศวกรรมได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นงานที่เหมาะกับผูชายมากกว่า แต่นั่นไม่ควรเป็นจุดที่จะหยุดความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากจะทำงานด้านนั้น
คุณร่วมการกับ Fuck Cancer และก่อตั้งแคมเปญของคุณเองเพื่อให้คนตระหนักถึงโรคมะเร็งเต้านมที่มีชื่อว่า TITTIES TITTIES YEAH คุณช่วยพูดถึงแคมเปญนี้ แล้วสำหรับคนที่สนใจ สามารถไปอ่านข้อมูลเพื่มเติมได้ที่ไหนบ้าง?
เราจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อระดมทุนและสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม แม่ของเราเป็นผู้รอดชีวิตจากโรคร้ายนี้ เราเลยสัมผัสกับมันเองว่า มูลนิธิแบบนี้สำคัญมากแค่ไหนไม่ใช่แค่สำหรับคนไข้เท่านั้น แต่สำหรับครอบครัวของเขาเช่นกัน ทั้งการช่วยเรื่องสภาพจิตใจของครอบครัว รวมไปถึงการระดมทุนเพื่อช่วยหาวิธีรักษาและสำหรับโรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยอยู่ เราเริ่ม #TittiesTittiesYEAH เพื่อที่ระดมทุนและบริจาคมันให้กับโรงพยาบาลและองค์กรต่างๆ และเราก็อยากจะทำอีกมากกว่านี้ในปี 2017
คุณเคยมาโชว์ที่เฟสติวัลใหญ่ๆ ที่เมืองไทยอย่าง Sensation Thailand 2014 Waterzonic 2014 Road To Ultra 2015 และ Together Festival 2016 ประสบการณ์การโชว์ที่ประเทศไทยของคุณเป็นยังไงบ้าง? คนดูที่จะไปพบกับคุณที่งาน Don't Let Daddy Know Thailand สามารถคาดหวังหรือเตรียมพบกับอะไรในโชว์ที่คุณเตรียมมาได้บ้าง?
เรามีความทรงจำดีๆจากการขึ้นโชว์ที่ประเทศไทยมาตลอด ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสถานที่โปรดของพวกเรา ทั้งคนไทย อาหาร และบรรยากาศที่ประเทศไทย เราอยากย้ายไปอยู่ที่ประเทศไทยหรือไม่ก็ไปอยู่สักระยะหนึ่ง ครั้งนี้ถ้าเรากลับไปโชว์ เราจะเปิดเพลงใหม่ๆของเราที่เราจะปล่อยในปี 2017 เราตื่นเต้นที่จะได้พบกับทุกๆคนในเร็วๆนี้!