บทสัมภาษณ์พิเศษ Kill The Buzz
หนึ่งใน Asian Club Tour ของ Revealed Recordings ซึ่งเป็นค่ายเพลงของ Hardwell โดย Kill The Buzz เป็นดีเจและโปรดิวเซอร์ ชาวดัตช์ ซึ่งกลับมาเล่นที่ประเทศไทยอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ยังมี Thomas Newson, Joey Dale, Julian Calor และ Manse ที่สตูดิโอ ไลฟ์ ฮอลล์ อาร์ซีเอ และเขายังเป็นเจ้าของเพลงฮิตอย่าง Party Hard, Life Is Calling (ทำร่วมกับ JoeySuki) และ Rise Up (ทำร่วมกับ Sixma)
สยามทูไนท์มีบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก Kill The Buzz มาฝากสาวกปาร์ตี้ชาวไทย หลังจากที่เขาเพิ่งมาทำการแสดงที่สตูดิโอ ไลฟ์ ฮอลล์ไปเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา
คุณอยู่ที่ไหน ขณะที่กำลังตอบบทสัมภาษณ์นี้?
ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องบินจากแอตแลนต้าไปยังอัมสเตอร์ดัมครับ
คุณเป็นดีเจและโปรดิวเซอร์ที่กำลังมาแรงมากในขณะนี้ และยังได้เซ็นสัญญากับค่าย “Revealed Recordings” ของ Hardwell อีกด้วย คุณเริ่มมาข้องเกี่ยวกับดนตรีอิเล็คทรอนิคส์ได้อย่างไร และคุณเริ่มงานดีเจและโปรดิวเซอร์ได้อย่างไร?
ผมเริ่มต้นเมื่อปี 2000/2001 ตอนที่ผมได้ฟังเพลง “One More Time” ของ Daft Punk ก่อนหน้านั้นผมก็มักจะฟังเพลงจากซีดีบ้าง แต่ก็ไม่ได้อินกับเพลงแนวอิเล็คทรอนิคส์เท่าไร ผมจะชอบไปทางเพลงแนว Trance มากกว่า Tiësto in Concert เป็นดีวีดีคอนเสิร์ตแรกที่ผมได้ดู ซึ่งผมได้รับมันเป็นของขวัญวันเกิด และก็มีอื่น ๆ ที่เป็นแนว Trance ที่ทุกวันนี้ผมก็ยังไว้ในกล่องอย่างดี พวกเขาเหล่านั้นเป็นเหมือนแรงบันดาลใจของผมในการเข้ามาสู่วงการดนตรีเลยครับ
ในช่วงที่ผมเริ่มต้นเรียนเปียโน ครูของผมได้แนะนำให้ผมได้รู้จักกับ Fruityloops แต่ตอนนั้น ผมเองไม่สนใจการทำดนตรีเท่าไร ผมก็เลยแค่ตั้งใจกับการเรียนเปียโนเท่านั้น
ตอนที่ผมได้พบกับ Robbert Hardwell ครั้งแรกเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว เขาเชิญผมให้ไปที่โชว์ของเขา เรากลายมาเป็นเพื่อนกัน และผมก็ได้ไปทัวร์กับทีมของเขาอยู่ในช่วง 2-3 ปี ในฐานะผู้จัดการทัวร์ มันก็ไม่เชิงการจัดการอะไรมากมายเหมือนที่ผู้จัดการสมัยนี้ทำกัน ที่ผมทำก็แค่ขับรถพาเขาไปเล่นตามคลับต่าง ๆ เวลาที่มีโชว์ใน เนเธอร์แลนด์, เยอรมัน หรือ เบลเยียม เราใช้เวลาด้วยกันเยอะมากในสตูดิโอ หลังจากนั้นประมาณ 3-5 ปี ผมก็ได้ลองทำมิกซ์ ทำผลงานของตัวเอง ซึ่งได้เข้ามาติดอันดับเพลงฮิตในคลื่นวิทยุและได้เป็น demo of the week ของ ‘Hardwell on air’ต่อมาผมก็ได้เซ็นสัญญากับ Revealed Recordings ได้เล่นในงาน Tomorrowland 2012. ตอนช่วงนั้น ผมได้เล่นคลับแห่งนึงใน Brooklyn ด้วยครับ
คุณเล่นและโปรดิวซ์เพลงสไตล์ Electro House, Progressive House และ Big Room คุณช่วยนิยามสไตล์เพลงของคุณให้เราฟังหน่อย?
Groovy, Melodic และ Euphoric Harmonies ครับ
เป็นที่โด่งดังมาจากแทร็ก “Party Hard”, “Life Is Calling” (กับ JoeySuki) และ “Rise Up” (กับ Mark Sixma) มีผลงานเพลงอื่นที่คุณอยากจะแนะนำให้คนที่ยังไม่เคยฟังผลงานของคุณได้ลองฟังดูบ้าง?
"Don’t Give Up" กับ David Spekter และรีมิกซ์ของ "Jason Derulo - Want to Want me" และ "Mason - Exceeder"
ตอนนี้คุณกำลังโฟกัสไปที่ผลงานอะไร และเป้าหมายของคุณในอนาคตคืออะไร?
ตอนนี้ผมอยู่ระหว่างทางจากแอตแลนต้าไปอัมสเตอร์ดัมครับ ผมเล่นที่ Hakkasan และ Wet Republic และร่วมด้วย Hardwell และทีมจาก Sun City Music Festival ใน El Paso วันนี้เป็นวันปิดงานของงานคาร์นิวัล Hardwell ที่ Ushuaia Ibiza และผมก็มีทัวร์เอเชียกับ Revealed Recordings Asia Club Tour ครับ!
ด้านงานดนตรี ผมกำลังมุ่งเน้นไปที่การทำคลื่นวิทยุกับเพื่อนของผม และก็พยายามที่จะเน้นไปที่การทำเพลงให้มากยิ่งขึ้นครับ แต่ก็ไม่มีหมายความว่าผมจะไม่ทำเพลงสำหรับผับอีกแล้วนะ เพียงแต่ผมอยากทำอะไรที่มากกว่านั้นเท่านั้นเอง ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เหมาะที่จะทำตอนนี้ครับ และผมก็ค่อนข้างจะสนิทกับ Alesso ด้วย
หากมองย้อนกลับไป ตลอดเวลาหลายๆ งานที่ผ่านมา คุณคิดว่าการแสดงใดที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด และมีเหตุการณ์ตลกๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการแสดงบ้างมั้ย?
อันนี้ค่อนข้างยากครับ ผมคงจะบอกแค่ 1 โชว์ไม่ได้ เพราะมันมีเยอะมาก คงจะเป็น I Am Hardwell ที่ Delhi และที่ Ho Chi Min ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่ที่ Chile ก็เป็นครั้งที่คนดูสนุกและบ้าคลั่งสุด ๆ ไปเลย เหมือนกัน แต่ผมก็ชอบโชว์เล็ก ๆ เหมือนกัน อย่างที่งาน Tomorrowland ผมได้เล่นที่ B-Eat ที่ซึ่งผู้คนสามารถกิน ดื่มกันที่นั่น ระหว่างที่ผมเล่น มันก็เป็นอะไรที่สามารถให้ผมเข้าถึงคนดูได้ครับ
ส่วนครั้งที่ตลกคือ เมื่อครั้งที่เล่นที่ Bootshaus Germany และทุกคนก็พากันทำ moshpits (การเต้นแบบกระโดดกระแทกกัน) แม้กระทั่งนั่งลงและกระโดดกันบัยแบบที่ผมเองยังไม่ได้ขอเลยครับ ฮาฮ่า
คุณเคยมาเล่นที่ไทยครั้งแรกเมื่องาน S2O Festival ที่ผ่านมา ในวันที่ 10 กันยายนคุณได้มาเล่นที่ Ztudio ในส่วนหนึ่งของ Revealed Asian Club Tour คุณมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับการแสดงที่กรุงเทพมั้ย? และมีอะไรอยากบอกกับแฟน ๆ ที่จะมาดูการแสดงของคุณในวันนั้นบ้าง?
ครับ ผมได้เล่นเพลงที่หลากหลายมาและหวังว่า ผมเองได้นำดนตรีที่มีพลังมาให้ทุกคนได้ฟังกันครับ ผมเองมีความทรงจำที่ดีกับกรุงเทพมาก การได้มาเล่นที่เมืองไทยเป็นอะไรที่สุดยอดมาก รวมทั้งการที่ได้มาเล่นที่งาน S2O Festival ด้วยครับ มันเป็นงานเทศกาลที่มีชีวิตชีวา และมีพลังมาก ตอนนั้นในช่วงก่อนการแสดง เราก็ได้ไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ เหมือนนักท่องเที่ยวเลยครับ สนุกมากเลยครับ
ประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงามและมีอาหารที่ยอดเยี่ยมมาก ผมคงจะแนะนำเพื่อนทุกคนให้มาที่ประเทศไทยแน่นอนครับ