บทสัมภาษณ์พิเศษ Emma Hewitt
Trance Music Lovers In Thailand นำเสนอ Emma Hewitt นักประพันธ์เพลงผู้มีชื่อเสียงในระดับโลก และเป็นหนึ่งในนักร้องที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในการร้องประกอบเพลงอิเล็กทรอนิกแดนซ์มิวสิค ซึ่งเคยมีผลงานกับศิลปินมาแล้วมากมาย อาทิ Armin van Buuren, Dash Berlin, Cosmic Gate และ Gareth Emery โดยเพลงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเธอ เช่น Waiting (ที่ทำร่วมกับ Dash Berlin) ซึ่งติดอันดับที่ 1 ของ Trance ชาร์ตของโลก โดยในครั้งนี้เธอจะมีคอนเสิร์ตแบบเต็มรูปแบบที่ ไลฟ์ อาร์ซีเอ
สยามทูไนท์มีบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก Emma Hewitt มาฝากสาวกปาร์ตี้ชาวไทย ก่อนที่เธอจะมาทำการแสดงที่ร้านไลฟ์ อาร์ซีเอ ในวันที่ 25 กันยายนที่จะถึงนี้
คุณอยู่ที่ไหน ขณะที่กำลังตอบบทสัมภาษณ์นี้?
ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไอบิซ่าค่ะ ฉันอยู่ที่สตูดิโออัดเสียง ที่มีชื่อว่า Soniv Vista Studios โดยทำงานไปด้วยระหว่างการทัวร์ยุโรปในช่วงปลายสัปดาห์ และจะกลับไปยัง แอลเอสัปดาห์หน้าค่ะ
คุณเป็นนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จมาก และยังเป็นนักร้องนำที่เมีเสียงเป็นที่จดจำในเพลงอิเล็คทรอนิคส์หลายค่อหลายเพลง โดยคุณได้มีโอกาสร่วมงานกับ ศิลปินมากมาย อาทิเช่น such as Armin van Buuren, Dash Berlin, Cosmic Gate and Gareth Emery คุณมีเบื้องหลังมาจากวงการเพลงร็อค และมาเข้าสู่วงการดนตรีอิเล็คทรอนิคส์เมื่อปี 2007 but emerged into electronic dance music in 2007คุณเริ่มมาข้องเกี่ยวกับดนตรีอิเล็คทรอนิคส์ได้อย่างไร และอะไรทำให้คุณเปลี่ยนใจจากวงการร็อคมาสู่วงการดนตรีอิเล็คทรอนิคส์แทน?
ฉันชอบที่จะฟังเพลงแนวอิเล็คทรอนิคส์แดนซ์เวลาที่ฉันไปเที่ยวตามคลับอยู่แล้วค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยได้สุงสิงกับคนที่ทำเพลงแนวนี้ซักเท่าไร ฉันโตมากับกลุ่มแวดวงที่เล่นดนตรีสดมากกว่าในประเทศออสเตรเลีย ณ ขณะนั้น จนกระทั่งประมาณปี 2007 ช่วงที่ฉันอาศัยอยู่ในลอนดอน และเขียนเพลงป๊อบ ฉันก็เริ่มได้เข้ามาสู่วงการเพลงแดนซ์ ฉันได้รับการแนะนำให้รู้จักกับ Chris Lake และเราได้ร่วมกันแต่งเพลง “Carry Me Away” ซึ่งก็ได้ปล่อยออกมาในปีเดียวกันนั้น ฉันก็ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับวงร็อคที่ออสเตรเลียบ้าง แต่พอฉันได้เริ่มทำงานเพลงแดนซ์ ฉันก็ตกหลุมรักมันเข้าอย่างจัง แล้วก็ได้เปลี่ยนแนวมาอย่างเต็มตัวอย่างที่เห็นนี่ละค่ะ
ผลงานของคุณตอนนี้จะเน้นไปที่สไตล์ Trance และ Progressive House คุณช่วยนิยามสไตล์เพลงของคุณให้เราฟังหน่อย?
ฉันคงจะนิยามเพลงของฉันว่า ใช้ใจสัมผัส, ความอ่อนโยน, ส่วนตัว, มีความหวัง และ ท่วงทำนองค่ะ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เพลงที่ฉันเขียนจะสามารถเข้าถึงแฟน ๆ และผู้ฟังได้เป็นอย่างดีค่ะ
ผลงานเปิดตัวของคุณที่มีชื่อว่า “Carry Me Away” (ในปี 2007 กับ Chris Lake) ผลงานเพลง "Waiting” (ในปี 2009, กับ Dash Berlin) ขึ้นไปติดอันดับ 1 ของชาร์ท Global Trance Charts และยังได้รับรางวัลที่งาน International Dance Music Awards 2010 และได้รับการโหวตจากแฟนเพลงให้ได้รับรางวัล the second best song of the year 2009 จากโชว์ทางสถานีวิทยุของ Armin van Buuren ที่มีชื่อว่า “A State of Trance” มีผลงานเพลงอื่นที่คุณอยากจะแนะนำให้คนที่ยังไม่เคยฟังผลงานของคุณได้ลองฟังดูบ้างมั้ย?
ณ ตอนนี้ฉันอยากแนะนำให้ฟังเพลงใหม่ของฉันที่มีชื่อว่า "Alive Again”ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไป โดยทำร่วมกับ 3LAU และวิดีโอก็เพิ่งถูกปล่อยออกมาเช่นกัน นอกจากนี้ฉันยังอยากแนะนำ "Be Your Sound" กับ Cosmic Gate, หรือ "Colours" จากอัลบั้ม Burn The Sky Down ซึ่งก็ยังคงเป็นอะไรที่พิเศษสำหรับฉันเพราะฉันเขียนเพลงนี้ให้กับคุณตาของฉันตอนที่ท่านเสียชีวิตค่ะ
ตอนนี้คุณกำลังโฟกัสไปที่ผลงานอะไร และเป้าหมายของคุณในอนาคตคืออะไร?
ฉันกำลังจะมีผลงานใหม่ถูกปล่อยออกมาเร็ว ๆ นี้ ที่ทำร่วมกับ Mark Sixma ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ชื่อเพลงว่า "Restless Hearts" อละเราก็จะมีทัวร์ไปที่อเมริกาเหนือและแคนาดาภายใต้ชื่อเดียวกันนั้นค่ะ ถ้าคอนเซ็ปท์นี้ไปได้สวย เราก็อาจจะมีการเพิ่มเติมทัวร์ไปยังเอเชียด้วย และนอกจากนี้ฉันก็ยังมีการทำผลงานร่วมกับศิลปินหลาย ๆ คนอีกเช่นกัน และหวังว่าจะมีผลงานออกมาในช่วงปีใหม่ค่ะ แล้วก็ยังมีทัวร์มากมายในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งมันยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ!
หากมองย้อนกลับไปในช่วง 8 ปี ตั้งแต่คุณปล่อยเพลง “Carry Me Away”ออกมา คุณคิดว่าการแสดงใดที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด และมีเหตุการณ์ตลกๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการแสดงบ้างมั้ย?
ฉันมีโชว์ที่ยอดเยี่ยมมากมายค่ะ ทั้งงานเฟสติวัลต่าง ๆ ทั่วโลก งาน Storm Festival ในประเทศจีนน่าจะเป็นไฮไลท์สำคัญ แล้วก็ “Nocturnal Wonderland” ที่แคลิฟอร์เนียก็ยอดเยี่ยมเช่นกันค่ะ!
ส่วนโชว์ที่ตลกก็น่าจะเป็นตอนที่เวทีลุกเป็นไฟตอนที่ฉันกำลังแสดงอยู่ที่โคลอมเบีย มีใครก็ไม่รู้ทิ้งขี้บุหรี่ลงมาจากหลังคาแล้วจากนนั้นมันก็ตกลงมาข้างล่างและติดไฟ ไฟค่อยๆลามและหล่นลงมาบนเวที มีจุดไฟเล็ก ๆ เต็มไปทั่วบริเวณเลย แต่ฉันก็ยังแสดงต่อไป ฉันคิดว่ามีบางคนที่คิดว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของโชว์ด้วยนะ!
นอกจากนี้ ฉันยังเคยตกเวทีด้วยนะ มันมืดมากและฉันก็มองไม่เห็นขอบเวทีค่ะ!
การแสดงครั้งล่าสุดของคุณคือเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ที่ The Mansion (หรือ Live RCA) ในวันที่ 25 กันยายนนี้ คุณจะกลับมาแสดงที่กรุงเทพอีกครั้ง คุณมีความทรงจำดีเกี่ยวกับการแสดงที่ไทยบ้างมั้ย และคุณมีอะไรจะฝากถึงแฟนๆชาวไทยที่จะไปชมคุณแสดงในวันนั้นบ้าง?
ฉันหลงรักคนไทย และรักการไปเที่ยวประเทศไทยมากค่ะ ฉันมีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจากการไปเล่นเมื่อครั้งก่อน มันเต็มไปด้วยพลังงานและสนุกมาก ฉันตั้งตารอที่กลับไปเล่นอีกครั้ง!!
ในครั้งนี้ ชั้นจะเล่นเพลงใหม่เป็นครั้งแรกด้วย ฉันตื่นเต้นมากที่จะแชร์เพลงใหม่ๆ ให้แฟนๆ ฟังกันค่ะ นอกจากนี้ฉันจะมีการแจกของรางวัล รวมทั้งมีมีตแอนด์กรี๊ดกับแฟนคลับด้วย หวังว่าจะได้เจอทุกคนที่นั่นนะคะ แล้วพบกันค่ะ!!!!