บทสัมภาษณ์พิเศษ Martin Eyerer
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปพบกับ Martin Eyerer ซึ่งจะมาเปิดการแสดงที่ร้าน Glow Nightclub พร้อมด้วยการเปิดตัวอัลบั้มใหม่ของเชา ในชื่อ Struktur โดยเป็น 1 ในการไปเปิดการแสดงทั่วโลกของเขา Martin Eyerer เป็นดีเจ, โปรดิวเซอร์ และศาวน์ เอนจิเนียร์ ซึ่งมีประสบการณ์การแสดงไปทั่วโลกมากว่า 20 ปี กับผลงานเพลงมากกว่า 100 เพลง และมีจำนวนคนเข้าดูติดชาร์ตของ US Billboard chart ซึ่งในอัลบั้มใหม่ชื่อ Struktur นี้ เป็นอัลบั้มที่ 3 จะเป็นดนตรีสไตล์ Deep House และ Tech House ซึ่งบางเพลงยังได้ทำขึ้นจากการมาเที่ยวกรุงเทพครั้งสุดท้ายของเขาอีกด้วย
สยามทูไนท์มีบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก Martin Eyerer มาฝากสาวกปาร์ตี้ชาวไทย ก่อนที่เขาจะมาทำการแสดงที่ร้านโกลว์ ไนท์คลับ ในวันที่ 8 สิงหาคมที่จะถึงนี้
คุณอยู่ที่ไหน ขณะที่กำลังตอบบทสัมภาษณ์นี้?
เช้าวันจันทร์ ที่เบอร์ลิน ที่ออฟฟิศสตูดิโอริมแม่น้ำ เพิ่งจะเสร็จจากงานแสดงที่เยอรมันครับ
คุณเริ่มมาข้องเกี่ยวกับดนตรีอิเล็คทรอนิคส์ได้อย่างไร และคุณเริ่มงานดีเจและโปรดิวเซอร์ได้อย่างไร?
ผมเริ่มงานดีเจตั้งแต่ปี 1986 –ตอนนี้ผมอายุ 45แล้ว – เมื่อปี 1989 ผมได้ไป Ibiza และได้ตกหลุมรักดนตรีอิเล็คทรอนิคส์เข้าอย่างจัง ผมก็เลยสนใจในงานดีเจอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นมา
ส่วนงานโปรดิวเซอร์ ผมเริ่มตั้งแต่ปี 1992 กับเพื่อนในสตูดิโอเล็กๆ ผลงานแรกของพวกเราถูกปล่อยใน voodoo records และผมก็เริ่มเข้ามาสู่วงการโปรดิวเซอร์เรื่อยๆ ในช่วงแรกๆ ผมจะโปรดิวซ์ร่วมมากกว่า จนผมรู้สึกว่าฝีมือผมเองพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยทำสตูดิโอของตัวเองครับ
คุณเล่นและโปรดิวซ์ดนตรีสไตล์ Tech House และ Deep House คุณช่วยนิยามสไตล์เพลงของคุณให้เราฟังหน่อย?
มีพลังงาน, ลุ่มลึก, ขับเคลื่อน, พยายามที่จะปรับอะไรใหม่ๆ และพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
มีผลงานเพลงอื่นที่คุณอยากจะแนะนำให้คนที่ยังไม่เคยฟังผลงานของคุณได้ลองฟังดูบ้างมั้ย?
มันค่อนข้างจะยากนะ ผมมักจะแนะนำให้ลองฟังอัลบั้มล่าสุดของผม ผมพยายามที่จะโชว์ความสามารถด้านดีเจเวลาที่ไปเล่นตามผับต่างๆ แต่ก็พยายามที่จะหาความสมดุลที่จะทำเพลงที่ผู้คนจะสามารถฟังได้เวลาอยู่ในรถหรือตามที่ต่างๆ ส่วนตัวผมค่อนข้างจะประทับใจกับ Struktur ก็น่าจะเป็นผลงานนี้ครับที่ผมอยากแนะนำเมื่อไม่นานมานี้ คุณได้ปล่อยอัลบั้มที่ 3 ของคุณที่มีชื่อว่า “Struktur”. คุณบอกอะไรเราได้บ้างเกี่ยวกับอัลบั้มนี้และเท่าที่ทราบมาอัลบั้มได้ถูกโปรดิวซ์ในระหว่างที่คุณมาเล่นที่ประเทศไทยด้วย?
อย่างที่บอกข้างต้น ในฐานะดีเจ ผมพยายามทำมันออกมาให้ดีที่สุด เพื่อพยายามให้เข้าถึงคนฟังได้มากที่สุด ดังนั้นทุกแทร็กในอัลบั้ม Struktur จึงเป็นทั้งเพลงที่สามารถเล่นในคลับ และยังเหมาะกับกลุ่มคนที่ไม่ได้เที่ยวคลับอีกด้วยครับ
ผมได้ทำการอัดเสียงของศิลปินมากมาย ที่สตูดิโอริมแม่น้ำนี้ ที่เราสร้างมันขึ้นมาในเบอร์ลินครับ
คุณจะสามารถบอกความแตกต่างของผลงานผมได้เลย ตอนที่ผมทำมันในช่วงที่ออกทัวร์ผมได้ลองอะไรหลายอย่างมาก ส่วนตอนที่อยู่กรุงเทพ มันให้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากที่ผมสามารถนำมาใช้ในเพลง การพบปะ รู้จักผู้คนใหม่ๆ ก็ทำให้นั่นเป็นส่วนหนึ่งของผลงานในอัลบั้มนี้ครับ
ตอนนี้คุณกำลังโฟกัสไปที่การทัวร์รอบโลก และเป้าหมายของคุณในอนาคตคืออะไร?
ผมเริ่มทัวร์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน และได้เล่นในโชว์ที่เจ๋งๆ หลายโชว์ ส่วนในอนาคตก็จะมีประเทศที่น่าสนใจอย่างเช่น Panama, Guatemala หรือ San Salvador
นอกจากการทัวร์โปรโมทอัลบั้มแล้ว ผมเองโชคดีที่ได้มีโอกาสเดินทางไปที่ต่างๆ ทั่วโลกและได้เจอผู้คนดีๆ ซึ่งสิ่งที่บังเอิญสุดๆ คือผมจะได้เล่นที่นิวยอร์กในช่วงที่มีงาน BPM festival ในประเทศเม็กซิโก อีกด้วย
ส่วนของงานสตูดิโอ ก็มีงานโปรดิวซ์ของศิลปินหลายท่านอย่างเช่น Chopstick, Funk D Void หรือ Ackermann ที่ผมได้มีประสบการณ์ในการโปรดิวซ์
แล้วก็จะมีงานอื่นๆ ออกมาอีก จาก rejected, suara, kingstreet และที่แน่นอนคือ Kling Klong แล้วก็มีรีมิกซ์จากอัลบั้มของ Stephan Hinz, Show B, Chopstick และ JonJon, AFFKT และอีกมากมาย
มองย้อนกลับไปในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ในวงการเพลง คุณคิดว่าการแสดงใดที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด และมีเหตุการณ์ตลกๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการแสดงบ้างมั้ย?
คำถามนี้เป็นคำถามที่ผมโดนถามบ่อยมาก และมันก็เป็นคำถามที่ตอบไม่ได้ด้วยครับ ตลอดช่วงเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ถ้าให้เลือกแค่ 1 หรือ 2 มันคงไม่ค่อยแฟร์เท่าไร แต่โชว์ที่แย่มากๆ ก็แทบไม่มีเลยด้วย เมื่อล่าสุด ผมเพิ่งเล่นไป 2 โชว์ที่คนดูไม่ค่อยเยอะมาก เพราะอากาศร้อนมาก ผู้คนเลยไปอยู่ที่สระว่ายน้ำกันหมด แต่กลับกลายเป็นว่า 150 คนที่อยู่ที่งานของเรา กลับสนุกกันมาก และเราจบที่การเล่นทั้งหมด 4 ชั่วโมง ทั้งที่ความจริงต้องเล่นแค่ 2 ชั่วโมง และทางเจ้าของคลับต้องดับไฟตอน 06.30 น.เลยครับ
ที่ผมอยากจะบอกคือ เวลาที่เราไปทัวร์ มันเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะการเดินทาง แต่โดยรวมมันก็มีทั้งด้านตอนที่ดีและแย่ปะปนกันไป แต่นั่นก็ทำให้ผมรักในงานดีเจมากยิ่งขึ้นครับ
คุณเองอาศัยอยู่ที่เบอร์ลิน เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมัน คุณช่วยเล่าถึงการปาร์ตี้และไนท์ไลฟ์ของที่นั่นให้เราฟังหน่อยได้มั้ย? มีคำแนะนำให้คนที่จะไปลองสนุกกับการเที่ยวที่นั่นเป็นครั้งแรกบ้างมั้ย?
เบอร์ลินเป็นเมืองสำหรับเพลงอิเล็คทรอนิคส์แน่นอนที่สุดครับ มันมีหลายเหตุผลมาก อย่างเช่น ไม่มีข้อแม้ในการออกไปเที่ยวเลย คุณสามารถที่จะไปปาร์ตี้ได้ ตลอด 24 ชั่วโมงผับต่างๆ จะมีคนเต็มตลอด มีบางคนที่อยู่ในคลับนานถึง 2 วันเลยก็ยังมีครับ ถึงกับมีป้ายในเบอร์ลินบอกว่า "อย่าลืมกลับบ้านนะ" ด้วยครับ
ผมไม่แน่ใจว่ามีกี่คลับในเมือง แต่ผมคิดว่าเกินร้อยแน่นอน การอาศัยที่นี่ ค่าดำรงชีพค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แต่มันก็เร่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ข้อดีคือ มีคนมาเที่ยวเรื่อยๆ บางคนก็ย้านมาอาศัยที่นี่มันเลยทำให้เกิดความสร้างสรรค์มากขึ้นครับ
ผมรักที่นี่และแน่นอนว่า ผมแนะนำให้ทุกคนมาเที่ยวที่นี่ครับ
สำหรับสิ่งที่ผมแนะนำก็คือ ที่นี่มีครบทุกอย่างครับ และหาง่ายมาก เพราะเดี๋ยวนี้ทุกอย่างอยู่ในโซเชียลมีเดียหมดแล้ว
ที่โปรดของผมคือ Watergate และ Sisyphos ครับ
ในวันที่ 8 ส.ค. ที่จะถึงนี้ คุณจะมาทำการแสดงเปิดตัวอัลบั้มของคุณเป็นครั้งแรกของ South East Asia ในกรุงเทพที่ โกล์ว ไนท์คลับ คุณมีความทรงจำอะไรดีๆ เกี่ยวกับการแสดงในไทยบ้าง? และคุณมีอะไรจะฝากถึงแฟนๆ ที่ตั้งตารอชมการแสดงของคุณบ้าง?
แน่นอนครับ ผมชอบที่จะมาประเทศไทยมาก ผมสนุกกับทุกการแสดง ผู้ชมที่นี่สนุกและเข้าถึงเพลงของผมมากๆ มันดีมากครับที่คนดูสนุกไปเพลงที่เราทำ
ผมจะเล่นเพลงจากอัลบั้มใหม่ รวมไปถึงเพลงที่ยังไม่ได้เปิดตัวอีกด้วย ซึ่งมาจากค่ายเพลงของผมเองที่มีชื่อว่า Kling Klongเตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปสนุกพร้อมๆกันนะครับ รับรองจะสนุกจนไม่อยากกลับบ้านเลย แล้วเจอกันครับ!