Grime คืออะไร? ทำความรู้จักแนวดนตรีผ่าน 5 สารคดีสั้นกัน!
ชวนมาฟังเพลงแนวใหม่ที่เป็นกระแสมากใน UK และ USA ซึ่งดนตรีมีกลิ่นอายของจังเกิล ยูเคการาจ อาร์แอนด์บี ฮิปฮอป และ EDM
หากให้ยกตัวอย่างเพลงแร็ปไทยหรือแร็ปอเมริกันที่รู้จัก คนละอย่างน้อยหนึ่งเพลง เราคิดว่าหลายคนตอบได้อย่างรวดเร็วแน่นอน แล้วถ้าถามถึงเพลงแร็ปบริติชล่ะ? ตอนนี้มีแนวดนตรีหนึ่งที่กลับมาเป็นกระแสและค่อนข้างมีอิทธิพลในวงการเพลงของสหราชอาณาจักร เรียกว่า Grime (ไกรม์)
เดิมทีไกรม์เป็นแนวดนตรีที่ผสมผสานเพลงเรกเก้ จังเกิล ยูเคการาจ อาร์แอนด์บี และฮิปฮอป เข้าด้วยกันในความเร็วบีตที่ 140 BPM พร้อมเสียงแร็ปของเอ็มซี (แร็ปเปอร์) เป็นองค์ประกอบสำคัญ ซึ่งเนื้อเพลงจะเล่าถึงวิถีชีวิตและปัญหาสังคมในย่านเสื่อมโทรมของลอนดอน แต่ตั้งแต่ช่วงปี 2007 เป็นต้นมา เริ่มมีการใส่ซาวด์ดนตรีอีดีเอ็มเข้าไป และกลายเป็นแนวดนตรีสุดโดดเด่นเฉกเช่นที่เรารู้จักกันทุกวันนี้
ส่วนศิลปินที่ทำให้เพลง Grime เริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นเพลงในกระแสหลักได้นั้น มีมากมายเลยทีเดียว อาทิ Dizzee Rascal, JME, Wiley, Kano, Frisco, Skepta หรือ Stormzy
เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสดนตรีฮิปฮอปอีกแขนงจาก UK เราจึงรวบรวม 5 สารคดีสั้นบนยูทูป ความยาวตั้งแต่ 10-40 นาที ที่จะทำให้คุณได้ก้าวเข้าไปรู้จักโลกของ Grime ศิลปินแนว Grime และดนตรีแนว Grime มากขึ้น!
A.Dot's Story of Grime
สารคดีตอนหนึ่งของรายการ Black and British โดย BBC ที่เล่าเรื่องราวของดนตรี Grime จากมุมมองของ A. Dot แร็ปเปอร์สาวจากเซาท์ลอนดอน ที่นำเสนอจุดเริ่มต้นและประวัติศาสตร์ของแนวเพลง ผ่านหัวใจสำคัญของดนตรีอย่างการแร็ปแบตเทิล หรือที่แนวนี้เรียกว่าการ Clash (แคลช) กันของเอ็มซี ซึ่งเนื้อหาการแคลชจะเป็นเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของแต่ละคนหรือจะเป็นการแร็ปดิสคู่แข่งก็ได้ทั้งนั้น
โดย A.Dot's Story of Grime: The Battle Begins ได้ศิลปิน เช่น Jammer, Wiley, Ghetts, Logan Sama และอีกมากมาย มาเป็นแขกรับเชิญร่วมแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับ Grime ในมุมมองของแต่ละคนอีกด้วย
Don’t Call It Road Rap
Noisey แพลตฟอร์มด้านดนตรีของออนไลน์มีเดียสัญชาติแคนาดาอย่าง Vice สร้างสารคดีชิ้นนี้ขึ้นเพื่อค้นหาว่า อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้แนวเพลงบริติชแร็ปได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม รวมถึงไปพูดคุยกับเอ็มซีชื่อดังในวงการเพลง Grime เช่น Section Boyz, C Biz, 67, Corleone, Potter Payper และ Skore Beezy เกี่ยวกับการทำเพลงและการใช้ชีวิตบนเส้นทางดนตรีของพวกเขา
ผู้ชมจะได้สำรวจซีนดนตรีฮิปฮอปของสหราชอาณาจักรใน Don’t Call It Road Rap ไปพร้อมกับโฮสต์รายการ Mike Skinner ศิลปินชาวอังกฤษที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการเพลง UK นานกว่า 20 ปี
From Pirate Radio to Mainstream
แหล่งกำเนิดดนตรี Grime มาจากผู้คนที่อาศัยอยู่ในอีสต์ลอนดอน อดีตย่านเสื่อมโทรมและยากจนที่สุดย่านหนึ่ง เนื้อแร็ปจึงเป็นสารที่เอ็มซีใช้เพื่อเล่าเรื่องราวชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยความรุนแรง ความขัดแย้ง อาชญากรรม และยาเสพติด สถานีวิทยุเมนสตรีมสมัยก่อนจึงไม่สามารถให้แอร์ไทม์ได้เพราะเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม สถานีวิทยุเถื่อนจึงเป็นสื่อสำคัญสื่อเดียวที่ทำให้แนว Grime เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น
สารคดี From Pirate Radio to Mainstream จึงเล่าจุดเริ่มต้นของความเป็นที่นิยมในเพลง Grime ที่มาจากการสนับสนุนของสถานีวิทยุเถื่อนต่างๆ จนกระทั่งดนตรีแนวนี้สามารถมาอยู่ในกระแสหลักได้ในปัจจุบัน นำโดยเอ็มซี Frisco และ Risky Roadz ซึ่งจะพาไปพูดคุยกับหลายบุคคลในวงการเพลงฮิปฮอป UK พร้อมเจาะลึกเรื่องราวต่างๆ ไปพร้อมกัน
Skepta: Top Boy
ชื่อของ Skepta เป็นที่นึกถึงอันดับต้นๆ เมื่อถามถึงเอ็มซีเพลง Grime ที่ประสบความสำเร็จในซีนดนตรีระดับโลก สารคดีชิ้นนี้จึงนำเสนอเรื่องราวชีวิตของเขาในฐานะศิลปินที่กำลังแตะไมล์สโตนสำคัญในสายอาชีพ ระหว่างที่กำลังทัวร์คอนเสิร์ตในฝั่งอีสต์โคสต์, อเมริกาและแคนาดา เฉกเช่นบันทึกการเดินทางสุดเอ็กซ์คลูซีฟของ Skepta
เขาได้โชว์ให้คนนับหมื่นรู้จักและได้ฟังเพลง Grime ของเขาไลฟ์ ที่บรูคลิน, โทรอนโต, บอสตัน, นิวยอร์ก, วอชิงตันดีซี ฯลฯ พร้อมศิลปินและเอ็มซีรับเชิญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Shorty, Jammer, Frisco, Maximum, Novelist รวมถึง Drake ศิลปินฮิปฮอปร่วมค่ายที่ Skepta ชวนมาร่วมแสดงบนเวที OVO Fest ในโทรอนโตด้วยกัน
The Business Of Grime
สารคดีโดย British GQ ที่ไปพูดคุยกับศิลปินหน้าเก่าและใหม่ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องในวงการเพลงของ UK เกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเป็นมาของดนตรีแนว Grime ซึ่งพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกยอมรับ ผ่านมุมมองของศิลปิน-เอ็มซี ได้แก่ Lethal Bizzle, Jammz, DJ Argue, Ratty LOTM, Ruff Sqwad, AJ Tracey, Prince Rapid, Cheeky และ XTC
ทุกคนจะได้ทราบว่าพวกเขามีกระบวนการทำงานหรือดำเนินการในค่ายเพลงกันอย่างไร เห็นภาพมากขึ้นว่าเทคโนโลยีทั้งหลายและการ Collaboration ระหว่างศิลปินนั้น ทำให้ซีนเพลงไกรม์ขยายวงกว้างได้อย่างไร