Have You Heard? โปรโมเตอร์วงอัลเทอร์เนทีฟ ที่เกิดจาก 'ความบ้า' ของกิ-กิรตรา
พูดคุยกับกิ - กิรตรา พรหมสาขา ถึงแรงบันดาลใจและที่มาของความสำเร็จ HYH? ที่ทำให้เราได้ดูคอนเสิร์ตวงอินดี้เจ๋งๆ มากมาย!
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน หากคุณอยากดูคอนเสิร์ตของวงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟสากลเจ๋งๆ อย่าง Red Hot Chilli Peppers, The Strokes, Two Door Cinema Club, Radiohead ก็อาจจะต้องรอโปรโมเตอร์เจ้าใหญ่ๆ พาศิลปินเหล่านั้นมาจัดโชว์ในบ้านเรานานๆ ที
และหากคุณเป็นแฟนเพลงของวงดนตรีอินดี้เล็กๆ การที่จะได้ดูไลฟ์ของพวกเขานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
นั่นคือช่องโหว่ในซีนดนตรีนอกกระแสของไทยที่ กิ - กิรตรา พรหมสาขา ณ สกลนคร และกลุ่มเพื่อนเห็นพ้องกัน ร่วมปั้นจนกลายมาเป็น Have You Heard? โปรโมเตอร์จัดคอนเสิร์ตที่นำวงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟ-นอกกระแสต่างประเทศ ที่เต็มไปด้วยความสามารถและความสดใหม่มาแสดงในเมืองไทย เช่น The Internet, Mac Ayres, Honne, Anderson .Paak, RHYE, Cornelius และอีกมากมาย
ซึ่งความสำเร็จของ Have You Heard? ทำให้เราได้มีโอกาสท่องไปในโลกของดนตรีใหม่ๆ อย่างคลับมิวสิก-อันเดอร์กราวด์ของโปรดิวเซอร์และดีเจมากหน้าหลายตา โดยอีกหนึ่งโปรโมเตอร์ที่แตกแบรนด์ออกมาเมื่อปี ค.ศ. 2017 ในชื่อ HUH?
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เกิดจากความรักในการชมคอนเสิร์ตของกิ และความต้องการพาวงโปรดที่ตนและแก๊งเพื่อนหลงใหล มาแนะนำให้คนอื่นๆ ที่รักดนตรีแนวนี้ได้ดูการแสดงสดไปพร้อมกันนั่นเอง
“ก็เหมือนชื่อ Have you Heard? ที่เป็นแบบเฮ้ย...เคยฟังยัง เคยได้ยินยัง ได้ข่าวยัง?” - กิ
ความสนใจด้านดนตรีของคุณมีจุดเริ่มต้นมาจากที่ไหน ยังไงบ้าง
อาจจะตั้งแต่เกิด เพราะว่าคุณพ่อเคยอยู่วงคาราบาว (เขียว-กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร) พอโตขึ้นมา ช่วงวัยรุ่นเคยออกเทปวง Niece ของค่าย Dojo City (หัวเราะ) เหมือนเป็นอะไรที่เราผูกพัน
อย่างนี้คุณเริ่มฟังเพลงแนวอินดี้-นอกกระแสมาตั้งแต่สมัยอยู่ค่ายโดโจซิตี้เลยหรือเปล่า
เด็กๆ เลยเราอยู่โรงเรียนนานาชาติ ตอนนั้นก็จะฟังเพลงเหมือนเพื่อน แบบ Backstreet Boys, Britney Spears แต่พอเราไปอยู่ค่าย Dojo ก็ได้ฟังเพลงมากขึ้น อย่างเพลงของ Bakery Music ที่เป็นเหมือนค่ายเพลงอินดี้ไทยในยุคนั้น รวมถึงได้รู้จักพี่ๆ นักดนตรีหลายคนด้วย เลยคิดว่าเริ่มจากตรงนั้น
อะไรที่ทำให้คุณกิตัดสินใจลุกขึ้นมาเป็นโปรโมเตอร์คอนเสิร์ตวงอินดี้ Have You Heard?
พอเราเรียนจบ ก็ได้ทำงานหลายอย่าง ทั้งกองถ่าย โฆษณา รับเขียนงาน แปลงาน แต่เรารู้สึกว่า Passion เราก็ยังอยู่กับดนตรี ผูกพันกับคอนเสิร์ตมาตั้งแต่เด็กเพราะตามไปดูคุณพ่อบ่อยๆ คือคอนเสิร์ตมันน่าตื่นเต้นนะ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในโชว์เดย์แต่ละโชว์ ถึงแม้เป็นศิลปินที่เราเคยดูมาแล้วก็ตาม
พอโตขึ้นมา ด้วยนิสัยของเราที่ค่อนข้าง Introvert ชอบที่จะอยู่เบื้องหลังมากกว่า บวกกับเราเป็นคนที่ค่อนข้างเอ็กซ์ตรีม อยากทำอะไร ก็จะลุย บ้า ทำอันนั้นไปเลย แล้วตอนนั้นก็คุยกันไปกันมาในกลุ่มเพื่อน เราก็แบบ เฮ้ย...มันเป็นช่องโหว่อยู่เว้ย มันมีคนอยากดูเหมือนเราเนี่ยแหละ แต่มันไม่มีใครทำ เรารู้สึกค่อนข้างมั่นใจก็เลยตัดสินใจทำ
เล่าความยากหรือความท้าทายในการจัดคอนเสิร์ตครั้งแรกให้เราฟังหน่อย
ช่วงที่เราเริ่มฟอร์ม Have You Heard? ขึ้นมาจริงๆ คือปี 2011 แต่กว่าจะมีคอนเสิร์ตแรกก็ใช้เวลาเกือบปีนึง เพราะตอนนั้นซีนคอนเสิร์ตในเอเชียหรือในเมืองไทยยังไม่ค่อยคึกคัก แล้ววงเล็กๆ ก็ยังไม่ค่อยรู้ว่าประเทศเรามีแฟนเพลงเขาอยู่
ประกอบกับเราไม่มีประสบการณ์ ไม่มีพอร์ต พอติดต่อไปเขาก็แบบ ยูเป็นใคร ยูจะจัดได้เหรอ เราหว่านคุยอยู่นานมาก เกือบๆ ปีกว่าจะมีงานแรก พอวงเซย์เยสแล้ว เราก็ต้องไปคุยกับสปอนเซอร์ ตรงนั้นก็ยากเหมือนกัน ก็ขอบคุณผู้สนับสนุนตั้งแต่เจ้าแรก และทุกคนที่ช่วยตั้งแต่วันนั้น (หัวเราะ)
คอนเสิร์ตครั้งแรกคือวงอะไร
The Pains of Being Pure at Heart เมื่อปี 2012 ค่ะ
อะไรทำให้คุณกล้าพาวงดนตรีนอกกระแสมาจัดคอนเสิร์ตในบ้านเรา ทั้งๆ ที่ซีนเพลงอินดี้เมื่อสิบปีที่แล้ว ไม่น่าจะโตเท่าตอนนี้
ก็อาจจะเป็นความบ้า (หัวเราะ) เพราะเราค่อนข้างเป็นคนที่เชื่อ Intuition (สัญชาตญาณ) ตัวเอง เลยลองทำ เพราะเราคิดว่าถ้าลองทำเต็มที่แล้ว มันต้องเวิร์กสิ
งานครั้งไหนที่ทำให้คุณรู้สึกว่า ‘เออ…Have You Heard? มันประสบความสำเร็จแล้วนะ’
น่าจะเป็นปี 2017 ค่ะ คือก่อนหน้านั้นเราจะจัดประมาณปีละ 2-3 โชว์ จนมาเริ่มปี 2017 ก็รู้สึกว่า สปอนเซอร์เริ่มเข้าเยอะ ติดต่อวงไหนเขาก็เซย์เยสหมด หลายโชว์ Sold out ติดต่อกัน เราเลยเริ่มรู้สึกว่ามันมาถึงอีกจุดนึงของการเดินทางของ Have You Heard? แล้วนะ
ปี 2017 มีประมาณกี่โชว์
น่าจะ 5-6 โชว์ค่ะ แต่ตอนนั้นเป็นตอนที่วง HONNE มารอบแรก แล้วบัตร Sold out ภายใน 15 นาที ตามด้วย Cigarettes After Sex ก็ Sold out เร็วมากเหมือนกัน แล้วก็ยังเป็นปีที่เราได้ทำ Phoenix ซึ่งเป็นโชว์ที่ใหญ่ที่สุดของเรา เมื่อก่อนเราทำตั้งแต่สองร้อยคนไปจนถึงเก้าร้อยคน แล้ววันที่ทำ Phoenix มันประมาณสามพันคน เลยรู้สึกว่าถึงอีกจุดแล้ว
นั่นเป็น Milestone ที่ทำให้คุณเริ่มทำโปรเจกต์ใหม่อย่าง HUH? หรือเปล่า
ใช่ แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าที่ผ่านมาเราทำแต่ฟูลแบนด์ บวกกับคลับซีนมันก็เริ่มกลับมา มีโปรดิวเซอร์ มี Act ที่น่าสนใจ เพราะเทคโนโลยีด้วยแหละ มันทำให้คนสามารถทำเพลงคนเดียวได้มากขึ้น ก็เลยมีศิลปินใหม่ๆ ที่น่าสนใจเกิดขึ้นเยอะ
ของ HUH? จะเป็นอิเล็กทรอนิกส์ Acts อย่างดีเจหรือโปรดิวเซอร์ในแนวคลับมิวสิก-อันเดอร์กราวด์ โชว์จะเป็นกึ่งๆ ดีเจเซ็ต-ไลฟ์เซ็ต เพราะมี Syn (Synthesizer หรือเครื่องสังเคราะห์เสียง) มีเครื่องดนตรีสด แต่ว่าจะไม่ได้เป็นแบนด์จ๋าขนาด Have You Heard?
คุณเลือกศิลปินที่จะพามาเล่นในประเทศไทยยังไง ใช้อะไรเป็นเกณฑ์บ้าง
ตอนเริ่มทำใหม่ๆ ก็มาจากความชอบส่วนตัวของเรากับแก๊งเพื่อนเยอะ พอบริษัทเริ่มโตขึ้น ตลาดของคนดูคอนเสิร์ตในเมืองไทย ในกรุงเทพใหญ่ขึ้น เราก็พยายามจะหาวงหลากหลายมากขึ้น อาจจะไม่ใช่วงที่เป็น All-Time Favourite ของเรา แต่เรารู้ว่ามีน้องๆ หรือตลาดของคนที่อยากดู บางวงเราก็ไม่รู้จักเลยแต่เอเจนต์เสนอมา เราฟังก็เฮ้ย...มันเจ๋งดีว่ะ เลยเอามาให้ดู รวมถึงวงใหม่ๆ วงที่คนกำลัง Hype หรือวงเก่าๆ ที่คนไม่คิดว่าจะได้ดู เราก็พยายามที่จะบาลานซ์มัน
ส่วนวิธีเลือก จริงๆ ค่อนข้างเป็น Sense of curation แหละ คนที่ติดตามงานของเราจะพอสัมผัสได้ว่าการเลือกของ Have You Heard? จะเป็นประมาณไหน แต่เราก็ไม่ได้ฟิกซ์ขนาดว่าจะทำเฉพาะแนวนี้เท่านั้น บางงานเราอยากทำเพราะในแง่ธุรกิจมันสำเร็จแน่ บางโชว์ก็เจ๋งมากแต่เจ๊งแน่ เราก็ทำ ให้มันบาลานซ์กัน
ตั้งแต่คอนเสิร์ตแรกจนถึงปัจจุบัน Have You Heard? และ HUH? จัดมาแล้วทั้งหมดกี่โชว์
ของ Have You Heard? 48 ครั้ง ส่วนของ HUH? น่าจะเกือบๆ สิบ เพราะพึ่งเริ่มทำปีที่แล้ว แล้วก็มี Maho Rasop Festival ที่เป็นอีเวนต์ใหญ่ค่ะ
เคยเกิดปัญหาในการทำคอนเสิร์ตที่มันหนักมากจนคุณกิรู้สึกว่า ‘ฉันจะผ่านตรงนี้ไปได้มั้ย’ บ้างมั้ย
ถ้าเครียดที่สุดน่าจะเป็นมหรสพปีนี้แหละค่ะ เพราะว่าปีนี้เราทำ 2 วัน มีประมาณ 30 วง เราเริ่มบุ๊กมาตั้งแต่ต้นปีแหละ แต่เหมือนจะได้ ก็ไม่ได้ ต้องเริ่มใหม่ แล้วมันเป็นการ Curate ที่มีหลายปัจจัย อย่างแนวนี้เรามีหรือยัง เขาว่างหรือไม่ว่าง ตกลงราคาได้มั้ย วันที่เราต้องประกาศไลน์อัพมันเหมือนจับปูใส่กระด้งมาก ต้องให้ทุกคนคอนเฟิร์ม (หัวเราะ)
ถ้าปัญหาหน้างาน จริงๆ ก็ยังไม่มีอะไรที่รู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว เพราะมันก็หาทางออกได้แหละ
ตอนนี้คุณกิกำลังอินกับเพลงของศิลปินคนไหนอยู่บ้าง
ปีที่แล้วมีคนหนึ่งที่เราฟังเยอะสุดชื่อ Puma Blue เป็นแจ๊สแต่ผสมกับหลายแนว ถ้าช่วงนี้เลยก็วง Whitney แต่ตอนนี้มีเพลงออกมาเยอะมาก ก็ได้ฟังเพลงใหม่ๆ ทุกอาทิตย์ บางอาทิตย์ก็ฟังโฟล์ก บางอาทิตย์ก็ฟังแจ๊ส บางอาทิตย์ก็ฟังร็อกหน่อย เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่เพื่อนชอบบอกว่าเราชอบฟังเพลงง่วงนอน ลอยๆ (หัวเราะ)
แล้วเราจะมีโอกาสได้เห็นการแสดงสดของพวกเขาที่ประเทศไทยมั้ย
เราก็รอจังหวะที่เขาจะมาเอเชียอีก จริงๆ ก็มีศิลปินเบอร์ใหญ่ๆ ที่เราชอบมากแต่ยังไม่เคยได้ดูอย่าง Thom Yorke ก็ค่อนข้างเสี่ยง แต่อยู่ในลิสต์ที่อยากดูสักครั้งนึงในชีวิต
คุณกิเป็นหนึ่งคนที่สังเกตและรับรู้ความเปลี่ยนแปลงของซีนดนตรีอินดี้ในไทยตั้งแต่เริ่มทำงานในฐานะโปรโมเตอร์อยู่แล้ว คุณคิดว่ามันเปลี่ยนแปลงหรือเติบโตไปยังไงบ้าง
เราคิดว่าเมื่อก่อนคนจะฟังเพลงเหมือนกับแก๊งเพื่อน แต่เดี๋ยวนี้มันมี Spotify มีโน่นมีนี่ คนก็ฟังเพลงหลากหลายมาก รู้จักวงต่างๆ เยอะไปหมด มันก็ค่อนข้างคึกคัก แต่เรารู้สึกว่าเทรนด์มันเปลี่ยนเร็ว เพราะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาตลอด
ในอนาคต Have You Heard?/HUH? จะขยายไปทำโปรเจคอื่นนอกเหนือจากการทำคอนเสิร์ตมั้ย
จริงๆ อยากทำ Community Space แต่ว่ายังเป็นโปรเจคใหญ่ที่ต้องแพลนดีๆ เพราะเรารู้สึกว่ายังไม่มีที่ให้คนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กันได้มาเจอกัน เหมือนกลุ่มคนที่มางานของเราจะได้เจอกันเฉพาะในคอนเสิร์ต ซึ่งมันก็ไม่ใช่สถานที่ที่จะคุยกันขนาดนั้น เราไม่มีสถานที่ให้เขาเจอหรือแชร์ไอเดียกันตอนกลางวันได้ แม้กระทั่งร้านเหล้าที่เปิดเพลงแนวที่เราฟังกันก็ไม่มี เหมือนต่างคนต่างฟังอยู่ที่บ้าน มันกระจัดกระจาย
ถ้ามี Community Space ที่ให้คนมาเจอกัน มาแลกเปลี่ยนความคิด ทั้งเรื่องดนตรีหรือในแง่อื่นๆ มันก็น่าจะดีกับสังคมต่อไปในอนาคต เหมือนช่วย Connect ให้คน แล้วก็สร้างสรรค์งานต่อไป แต่ว่าต้องใช้เงินเยอะ ขอไปปั้นโปรเจคก่อน (หัวเราะ)
ปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า จะมีโปรเจกต์อะไรใหม่ๆ จากคุณหรือ Have You Heard?/HUH? ที่น่าติดตามบ้าง
ปีนี้ก็ขอฝากงานมหรสพที่เราตั้งใจ Curate ไลน์อัพมาก มันเป็นการรวมตัวของวงที่ไม่ได้มารวมตัวกันง่ายๆ แม้กระทั่งเฟสติวัลที่เมืองนอก อย่างบอมเบย์ (Bombay Bicycle Club) ก็ไม่ทัวร์มาหลายปี The Horrors ก็มาเล่นที่นี่ที่เดียวในเอเชีย อยากให้ลองมาเปิดใจ เพราะเราเองก็ไม่ได้รู้จักทุกวงตั้งแต่แรกเหมือนกัน
ส่วนปีหน้าก็กำลังปั้นอยู่แต่ยังบอกไม่ได้ ก็เป็นวงที่หลายคนเรียกร้องในปีนี้แหละ เราก็พยายามคุยอยู่ ให้รอติดตาม (ยิ้ม)