คุยกับ Nakadia ดีเจสาวไทยคนแรกในซีนอันเดอร์กราวด์ยุโรป
เรื่องราวของ ‘ปู - สีไพร มุ่งพันธ์กลาง’ เด็กสาวจากอำเภอครบุรี กับความพยายามบนเส้นทางดีเจเทคโนในประเทศเยอรมนีที่เธอไม่ยอมแพ้
“I’m living out of my suitcase.”
ประโยคที่ดีเจสาวจากครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ‘Nakadia’ หรือ ‘ปู - สีไพร มุ่งพันธ์กลาง’ ใช้บรรยายชีวิตของเธอ ณ ปัจจุบัน ที่ถึงแม้จะเบสอยู่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี แต่เธอกลับเดินทางไปหลายประเทศทั่วโลกเพื่อร่ายเวทมนตร์ทางดนตรีให้แฟนเทคโนนานาชาติได้รู้จัก
เธอเดินบนเส้นทางดนตรีเส้นนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 17 ปีแล้ว แน่นอนว่ามันไม่งง่ายสำหรับผู้หญิงเอเชียตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ไปบุกตลาดเพลงเทคโนฝั่งยุโรปในยุคแรกๆ
แต่ในตอนนี้เรียกได้ว่าเธอพิสูจน์ฝีมือและผ่านเวทีใหญ่ๆ มาแล้วมากมาย ทั้ง Tomorrowland, Rainbow Serpent Festival, Berlin Loveparade, Queensday Festival รวมถึงไนต์คลับชื่อดังในหลายประเทศ จนได้รับการยอมรับและเป็นที่รักจากหลายบุคคลที่เสพย์ดนตรีของเธอ
ซึ่งเธอได้กลับมาแสดงที่เมืองไทยอีกครั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Siam2nite จึงไม่พลาดโอกาสที่จะพูดคุยกับ ‘ปู’ ในฐานะดีเจหญิงชาวไทยคนแรกในซีนเพลงอันเดอร์กราวด์ประเทศเยอรมนี
เพราะฉะนั้น เราไปทำความรู้จักตัวตนและเรื่องราวของ ‘Nakadia’ กันเลยดีกว่า!
ทราบมาว่าการไปเยอรมนีครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 2002 เป็นจุดที่ทำให้คุณปูตัดสินใจเป็นดีเจ เล่าให้เราฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในทริปนั้น
ตอนอยู่ที่โคราชเราทำงานอยู่ร้านอินเตอร์เน็ต ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับเซบาสเตียน ซึ่งเป็นผู้จัดการตอนนี้ เขาถามว่าอยากไปอยู่เยอรมันมั้ย เดี๋ยวจะพาไปสถานที่ต่างๆ ไปดูไนต์ไลฟ์ที่นู่น
พอไปถึงก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเล่น ชื่อ DJ Marusha เป็นดีเจหญิงคนแรกในปี 90 ที่เล่น Techno, Drum and Bass เราไปดูเขาโดยที่ไม่รู้เลยว่าเขามีชื่อเสียง พี่ก็อยู่กลางแดนซ์ฟลอร์ตอนที่เขาเล่น แล้วรู้สึกว้าวมาก เพราะตอนที่เขาเล่นเขาปล่อยเวทมนตร์ออกมา เหมือนสะกดจิตทุกคนให้ตามเขา
พี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกสะกดจิต แล้วก็ตัดสินใจเลยว่า 'I want to be a DJ' วันต่อมาพี่ก็ไปร้านขายแผ่นเสียง หาซื้อแผ่นเสียงไวนิลเลยค่ะ
คุณปูสนใจแนวเพลงอันเดอร์กราวด์อย่างเดียวมาตั้งแต่แรกเลยหรือเปล่า หรือว่ามีแนวอื่นที่ฟังเป็นประจำเหมือนกัน
ตอนที่อยู่เมืองไทยก็ฟังเพลงตามกระแสทั่วไป จนได้ไปยุโรปครั้งแรก ช่วงแรกก็โฟกัสไปที่แนว Trance ก่อน เพราะผู้จัดการเป็น Big Fan of Trance เขาก็ถามว่าชอบแบบนี้มั้ย พาเราไปแฮงเอาต์ในแทรนซ์คลับ เราก็ชอบ เพราะมันใหม่ดี
จนกระทั่งไปเจอดีเจ Timo Mass เขาเล่นอยู่ในเมืองหนึ่งของเยอรมัน เพลงของเขามันได้ฟีลลิ่งดีกว่า เพราะ BPM (Beats per minute) มันช้าลง เราก็เห้ย...แนวนี้มันคืออะไร เลยศึกษาเรื่องเพลงมาเรื่อยๆ แล้วเราโชคดีตรงที่ได้ไปสัมผัสสถานที่จริงด้วย ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ชีวิตเปลี่ยนแปลงมากเลย 'This is my world now.'
ชื่อในวงการ ‘Nakadia’ มีที่มาจากไหน เล่าให้เราฟังได้ไหม
จริงๆ ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรนะ พี่ก็เล่นคำไปเรื่อยๆ ค่ะ ชื่อจริงพี่ชื่อสีไพร ทีนี้พอเราเริ่มอยากเป็นดีเจ เซบาสก็เลยเริ่มทำเว็บไซต์ แล้วจะทำเป็น Ladyseephrai.com เราก็เห้ย...ไม่ได้นะ ไอไม่ชอบมายเนมนะ คือมันไทยมาก ขอให้อยู่ในพาสปอร์ตก็พอ แต่ไม่อยากสื่อสารให้คนได้รู้จักเท่าไหร่ (หัวเราะ)
ตอนอยู่ร้านอินเตอร์เน็ตเราก็พิมพ์ไปเรื่อยๆ เจอคำว่า Nakadia มันก็เหมือน ‘เดียนะคะ’ เป็นคำไทยๆ นะคะ แปลได้ว่าฉันเป็นที่รักของทุกคนนะคะ อะไรแบบนี้
อะไรคือเอกลักษณ์แนวเพลงของ Nakadia ที่ครองใจแฟนเทคโนในหลายประเทศทั่วโลก
เอกลักษณ์ของพี่ก็คือ พี่จะเล่นเพลงที่มันมีฟีลลิ่งมากกว่า บางครั้งนักท่องเที่ยวที่เขามาฟังเพลงจะไม่รู้เลยว่าพี่เล่นเพลงแนวอะไร เพราะพี่จะเล่นตั้งแต่ Deep House, Tech House to Techno
ถ้าเราเอ่ยคำว่า Techno บางคนเขาจะบอกเลยว่า ฉันไม่ชอบนะ เพราะเข้าใจว่าเพลงแนวนี้แรงไป แต่ Techno เบาๆ มันก็มี มันขึ้นอยู่กับการโปรดิวซ์มากกว่า
ซึ่งพี่เล่นตั้งแต่ Deep House ไป Melodic ผสมผสาน และบิลต์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาแดนซ์เทคโน โดยไม่รู้ตัว อันนี้คือจุดเด่นของพี่ คือเราเล่นกับฟีลลิ่งของคน เรามีเวทมนตร์สะกดจิต (หัวเราะ)
แนวเพลงของคุณปู ตั้งแต่เข้าวงการเมื่อ 17 ปี ที่แล้ว กับ ณ ปัจจุบัน พัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
พัฒนาสิคะ เพราะถิ่นที่เราเกิดและโตมา มันไม่ใช่ จนกระทั่งเรามาเป็นดีเจ ก็ต้องศึกษาเรื่อยๆ เพราะการเป็นดีเจไม่ใช่การเปิดเพลงตามกระแสหรือเป็นแค่งาน แต่เราต้องมีความสุขกับมันด้วย พี่เชื่อเสมอว่างานของพี่ต้องมีความสุข พี่ต้องเปิดเพลงที่ชอบ พี่ก็เลยตามหาสไตล์ของพี่เรื่อยๆ
อย่างที่บอกว่าตอนแรกเล่น Trance ไปก่อน แล้วก็เล่น House, Funky House, Electro House ด้วย คือพยายามหาไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปสัมผัสสถานที่จริง ไปศึกษาคนแต่ละเมือง แต่ละประเทศ ว่าเขา Feel กันยังไง จนกระทั่งเจอแนวของตัวเองในทุกวันนี้
ความยากในการเป็นดีเจหญิงระดับนานาชาติคืออะไร
จากประสบการณ์คือเราเป็นคนเอเชียที่ไปตลาดฝั่งยุโรป ตอนแรกมีคนติดต่อเข้ามาให้ไปเล่นหลายที่ทั้งๆ ที่ยังไม่มีชื่อเสียง แต่มักจะเป็นสถานที่ที่แฟนซีหน่อย แต่ว่าเพลงพี่มันไม่ค่อยแฟนซีไง พี่เล่นออกแนวอันเดอร์กราวด์ แล้วเราไม่เข้ากัน แต่เขาจ้างเราเพราะเรามีลุคเอเชีย มันใหม่ พี่เป็นคนเดียวและคนแรก
ซึ่งมันยาก เพราะในซีนอันเดอร์กราวด์ เขาจะเน้นลุคแบบไม่สระผม 4-5 วัน ใส่เสื้อยืด ใส่กางเกงยีนส์ ต้องดูทอมบอยให้มากที่สุด เพื่อ Get Respect สมัยนั้น แต่พี่ก็ยังอยากจะสระผม แต่งตัวอะไรหน่อย (หัวเราะ) คือทุกอย่างมันไม่ฟิต พยายามหาตัวเองยากมากตอนนั้น
เราก็ต้องพยายามเปลี่ยนลุคให้ Simple เลย แต่มันก็คุ้มค่า เพราะพี่ได้ Get respect by the time พี่เดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ จาก Career ของพี่
ถ้าให้แนะนำ 1 มิกซ์ของคุณปูที่นำเสนอตัวตนของ Nakadia ได้ชัดเจนที่สุด คือมิกซ์ใด เพราะอะไร
มิกซ์ของพี่ที่อยู่ใน Soundcloud ก็จะเป็นแนวของพี่หมดเลย ลองฟังดูแล้วกัน (หัวเราะ) มันจะเป็น Journey ไปเรื่อยๆ ค่ะ
ได้ยินมาว่าในเดือนมิถุนายนนี้ คุณปูจะปล่อย EP ใหม่ เล่าเรื่องราวการทำงานใน EP นี้ให้เราฟังได้ไหมว่าเป็นยังไงบ้าง
ปีที่แล้วเราเดินทางเยอะ เลยต้องหาเวลาเข้าสตูดิโอบ่อยๆ ไม่ได้อยู่ที่บ้านเลย คือไปเล่น เดินทาง แล้วก็กลับมาทำเพลง แล้วก็เดินทางต่อ จนปีนี้ได้ปล่อยเพลงออกไปเป็น EP แรกกับค่ายเพลง Filth on Acid ในเดือนมกราคม ตามด้วยค่าย Intec Digital สองอันนี้ก็เป็นค่ายเพลงที่ใหญ่เหมือนกันค่ะ
คุณได้ไปแสดงฝีมือมาแล้วหลายเวทีใหญ่ๆ ทั่วโลก ครั้งไหนที่คุณปูรู้สึกประทับใจมากที่สุด
จริงๆ ประทับใจหลายที่เหมือนกันนะคะ อย่างงาน Rainbow Serpent Festival ออสเตรเลีย พึ่งไปมาสดๆ เลยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คือเฟสติวัลมี 4 วัน ก็ปาร์ตี้กัน 4 วันน็อนสต็อปเลย
คนที่นั่นจะเข้าใจและอินเรื่องเพลงมาก ภูมิใจที่สุดคือเรามาเฟสติวัลนี้เป็นครั้งแรก แต่เพื่อนๆ หลายคนเขาตื่นเต้นแทน ทั้งๆ ที่เราไม่รู้เลยว่ามันเป็นเฟสติวัลใหญ่แค่ไหน พอเราถึงสถานที่จริง โอ้โห...มันคูลมาก ทุกคนแต่งตัวแบบอยากใส่อะไร อยากบ้าอะไรก็ช่าง ทุกคนปล่อยเต็มที่ พี่เลยไม่วอร์มแล้วนะ เพลงแรกพี่ก็ใส่เลย จากนั้นก็ได้เสียงตอบรับที่ดีมาก เราเดินไปรอบเมืองก็จะมีคนทักทาย รู้จักเรา
ไปครั้งแรกมันประทับใจตลอดเลย ไม่เคยลืม อย่างทวีปอเมริกาใต้ ประเทศโคลอมเบีย เมืองโบโกตา เราไปเล่นครั้งแรก ปกติเราจะได้แสดง 3 ชั่วโมงในผับนั้น พอไปถึงคนก็เต็มแล้ว ทุกคนพร้อมแล้ว พี่เลยเล่นเต็มที่ ดีเลย์หน่อยเพราะว่าคนไม่กลับบ้าน จนกระทั่งเขาบอกว่าในตึกเดียวกันมี After Party บนดาดฟ้านะ พี่ก็เล่นต่ออีก 2 ชั่วโมงข้างบนจนถึงเช้าเลย
เราทราบมาว่าคุณปูได้แสดงที่ Mustache Bangkok มาถึง 3 ครั้งแล้ว พอจะบอกได้ไหมว่าครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งอื่นอย่างไรบ้าง
ทุกครั้งที่มาเล่นที่นี่ก็ประทับใจตลอดเลย สนุกทุกครั้ง แล้วแต่ละเซ็ตพี่ไม่ได้แพลน ไม่รู้ด้วยว่าแต่ละครั้ง เซ็ตของพี่จะเป็นยังไง แล้วแต่ฟีลลิ่งมากกว่า อย่างวันนี้ก็อาจจะเล่น Funky หน่อย แล้วเปลี่ยนไป House, Tech House, Techno แต่เซ็ตวันนี้แตกต่างจากครั้งก่อนมากที่สุดเพราะเวลามันสั้น พี่ไม่ค่อยวอร์มมากเท่าไหร่ ใส่เร็วๆ เลย (หัวเราะ)
ในปีค.ศ. 2019 นี้ คุณปูจะมีผลงานอะไรให้ติดตามอีกบ้างไหม
ปีที่แล้วพี่ทำเพลงเอาไว้เยอะ ปีนี้ก็ยังทำต่อเนื่องอยู่ หลังจากเอเชียทัวร์พี่จะกลับเข้าสตูดิโอ ทำเพลงต่อค่ะ
สุดท้ายนี้มีอะไรอยากฝากถึง Jagermeister ผู้สนับสนุนงานในครั้งนี้บ้าง
ขอบคุณมากๆ เลยที่มีส่วนร่วมในปาร์ตี้ของเรา เพราะทำให้ทุกคนได้ Dance, Enjoy and Drink Together (หัวเราะ)
ติดตามผลงานของ ‘ปู - สีไพร มุ่งพันธ์กลาง’ หรือ DJ Nakadia ได้เลยตามช่องทางด้านล่างนี้