Ballisticone อดีตเด็กสเก็ตกับบทบาทนักธุรกิจ ช่างภาพ และคุณพ่อลูกหนึ่ง
เมื่อเด็กหนุ่มติดเกมวัย 15 ปี ขอไปอยู่กับเจ้าของร้านซ่อมคอมพิวเตอร์หนึ่งเดือนช่วงปิดเทอม ได้เรียนรู้การซ่อมคอมและการเขียนเว็บไซต์ด้วยตัวเอง
ในขณะเดียวกัน เขาเริ่มหลงใหลในกีฬาสเก็ตบอร์ดอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และเพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้นก็ตัดสินใจขอที่บ้านไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาเพื่อไล่ตามความชอบ
‘ฟิลาเดเฟีย’ สถานที่ที่ชายผู้นี้ไปเยือน เป็นเมืองที่บ่มเพาะความสนใจด้านสตรีทคัลเจอร์อย่างแท้จริง จากสเก็ตบอร์ด แตกยอดออกมาป็นสตรีทแฟชั่น, ดนตรีฮิปฮอป และศิลปะหลากหลายรูปแบบ
ตั้งแต่นั้นเรื่อยมา จนกระทั่งกลับมายังเมืองไทยอีกครั้ง เขาได้สร้างผลงานที่ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงกับสตรีทคัลเจอร์โดยตรงมากมาย
ทั้งเว็บไซต์สเก็ตบอร์ด (PlaySkateboard), เว็บไซต์คอมมูนิตี้คนรักฮิปฮอป (Siamhiphop), เป็นดีเจและออกอัลบั้มเพลงฮิปฮอป, สร้างแบรนด์สตรีทแวร์ (SneakaVilla), ก่อตั้งออแกไนเซอร์ปาร์ตี้ (CMYK Party), ทำเว็บไซต์แฟชั่น (Sneakthestreet) รวมถึงเป็นเจ้าของเว็บไซต์ Ballisticone ที่ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ผ่านรูปถ่ายสถานที่ต่างๆ ที่ได้ไปเยือน จากกล้องฟิล์มสุดรัก
กลายเป็นจุดเริ่มต้นของหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของ ‘บอล-กันตพัฒน์ สิริเกียรติยศ’ หรือ ‘Ballisticone’ ที่เปลี่ยนบทบาทจากเด็กสเก็ต มาเป็นผู้นำด้านสตรีทคัลเจอร์และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในเมืองไทย
ศิลปะ ดนตรี และสตรีทแฟชั่นเป็นส่วนสำคัญในชีวิตที่ทำให้คุณเป็นคุณอย่างทุกวันนี้ เล่าให้ฟังได้มั้ยว่าจุดเริ่มต้นของความสนใจทั้งสามด้านนี้มาจากไหน
ผมดูช่องกีฬาพวก ESPN เมื่ออายุประมาณ 15 ปี เห็นคนเล่นสเก็ตบอร์ดอย่างโทนี ฮอว์ก ก็รู้สึกว่าเป็นกีฬาที่เท่ แล้วตอนนั้นผมเป็นเด็กจ๋อยๆ ตัวเล็กๆ คนนึง ไม่ได้มีความคูลอะไรเลย ก็คิดว่าสเก็ตบอร์ดน่าจะเป็นจุดเชื่อมโยงที่ทำให้เราได้แฟนคนแรก เพราะแก๊งสเก็ตบอร์ดชอบมีสาวๆ มานั่งดู (หัวเราะ) เลยขอที่บ้านซื้อสเก็ตบอร์ด
พอได้เข้าไปในแก๊งสเก็ตบอร์ดก็เหมือนเปิดโลกเลยครับ เพราะเวลาซื้อแมกกาซีนหรือวีดีโอสเก็ตบอร์ดมาดู จะเห็นคาแร็กเตอร์ของโปรสเก็ตแต่ละคนบนเสื้อผ้าเขาชัดเจนมาก จะรู้ว่าเขาชอบเพลงอะไร เขาใช้เพลงอะไรมาประกอบท่าเล่นของเขา เราก็จะแต่งตัวตามเขา ฟังเพลงตามเขา
ในนั้นมันคือคลังศิลปะของสตรีทอาร์ตจริงๆ ดีไซน์ที่อยู่บนเสื้อยืดหรือแผ่นสเก็ต มันคือ Illustrator และกราฟิตี้ มันคือจุดที่ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากไปอเมริกา
พอเรียนจบปวช. ที่พัทยา เลยขอที่บ้านไปอเมริกาเพื่อไปเล่นสเก็ตบอร์ด แต่พอไปถึงจริงๆ แล้วมันไม่ง่าย เพราะว่าผมเป็นคนไม่ตั้งใจเรียน ภาษาไม่ได้อยู่แล้ว บวกกับเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าซื้อแม้กระทั่งของกินจนต้องกินฮอตด็อก 1 ดอลลาร์อยู่หลายอาทิตย์ เลยทำให้ผมต้องตั้งใจเรียนก่อน พอตั้งใจเรียนก็เลยไม่มีเวลาไปเล่นสเก็ตบอร์ด
ผมเรียนภาษาอยู่สองปี แต่ก่อนกลับไทยผมไปรู้จักวง Thaitanium กำลังโปรโมตอัลบั้ม Thai Rider ที่นิวยอร์ก พอผมได้กลับไปนิวยอร์กอีกครั้งเลยส่งอีเมลไปหาพี่ขันว่าผมชอบเขามาก อยากไปเจอเขาที่นิวยอร์ก พี่ขันก็พาไปเที่ยวสตูดิโอ แล้วรู้สึกว่าแร็ปเปอร์คือสิ่งที่เราชอบ ก็เริ่มแต่งเพลงตั้งแต่อยู่ที่นู่น
คุณบอลพัฒนาความชอบและความสนใจเหล่านั้นอย่างไร จนกลายมาเป็น CMYK, DJ Bangkok Invaders, SneakaVilla, Passion Juice, SneaktheStreet และเพจ Ballisticone ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาชีพ-ธุรกิจที่เชื่อมโยงกับศิลปะ, ดนตรี และแฟชั่นทั้งหมด
เวลาผมชอบอะไรแล้วผมค่อนข้างจริงจัง เพื่อนบางคนเรียกว่าเป็นเพอร์เฟกชั่นนิสต์เลย คือผมจะต้องรู้ถึงแก่นของมัน ถ้าผมจะดีเจ ผมจะต้องต่อเพลงด้วยแผ่นเสียงเป็น ไม่ใช่ทำได้แต่ใน CDJ ถ้าผมจะถ่ายรูป ผมต้องถ่ายรูปเป็น ล้างฟิล์มเองเป็น เราต้องรู้ให้จริงก่อนถึงจะทำได้
คุณบอลสร้าง SneakaVilla ได้อย่างไร
ผมชอบแต่งตัวอยู่แล้ว ตอนไปอเมริกาเราซื้อออปชั่นเยอะมาก อย่างสนีกเกอร์ผมก็เอากลับมาประมาณ 20-30 คู่ พอมาใส่มันก็ไม่ซ้ำใครเลยในประเทศไทย เพื่อนๆ ใกล้ตัวก็จะขอซื้อต่อ จริงๆ มันไม่ใช่รุ่นลิมิเต็ดที่ขายเป็นหมื่นอะไรแบบนั้น แต่มันคือรุ่นสามพันกว่าบาททั่วไปที่รุ่นนี้หรือสีนี้ไม่มีขายในเมืองไทย
สมัยนั้นนิตยสาร Cheeze ฮิตมาก วันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อนๆ ฮิปฮอปที่ชอบแต่งตัวเหมือนกัน จะต้องไปรวมตัวกันที่สยาม แล้วผมถูกถ่ายลงแทบทุกเล่ม เวลาคนอ่านเขาจะชอบมาดูว่าเราใส่เสื้อยี่ห้ออะไร กางเกงยี่ห้ออะไร พอเพื่อนมาถาม อยากซื้อเสื้อผ้าแบบเรา ผมก็นึกว่ายังไม่มีร้านไหนในเมืองไทยที่ขายเสื้อผ้าแบบนี้ งั้นเราทำเองเลยดีกว่า
รู้สึกว่าทุกอย่างมันเชื่อมโยงกับความชอบส่วนตัวของคุณบอลหมดเลย
ใช่ครับ มันต้องเชื่อมโยงก่อน ไม่งั้นผมก็ไม่ไปจับอยู่แล้ว เหมือนเราเห็นแล้วมันคลิก มันโดน อยากใช้เวลาอยู่กับมัน ไม่ได้ใช้เวลาแค่วันละ 1-2 ชั่วโมง แต่ว่าใช้เวลากับมันทั้งวันเพื่อศึกษา แล้วผมทำได้แค่ช่วงเวลาละอย่างเดียว ผมไม่ได้ทำ 3-4 อย่างครอบคลุมกันไปแล้วทุกอย่างดูประสบความสำเร็จไปหมด
คุณบาลานซ์ชีวิตในแต่ละบทบาทอย่างไร ทั้งการเป็นนักธุรกิจ การถ่ายภาพ รวมถึงการเป็นคุณพ่อและสามี
อยู่ที่การจัดสรรเวลามากกว่าครับ คือมันมีเวลางานกับเวลาหลังเลิกงาน สมัยก่อนตอนที่ผมยังไม่มีครอบครัว ผมไม่รู้เลยว่าเวลาอะไรคือเวลาอะไร ทุกเวลาคือเวลางาน แล้วงานของผมคือเล่น ผมมีร้านอยู่ที่สยาม เข้าร้านประมาณบ่ายสองโมง แต่อยู่ร้านถึงตีสี่ เพราะพอร้านปิดสองทุ่ม เพื่อนก็มาหาต่อแล้วเล่นเกม ดูหนังกันอยู่ในนั้น ถึงตีสี่ก็กลับบ้าน นอนตอนตีห้า-หกโมง ตื่นมาก็ไปร้าน แล้วทำแบบนี้ทุกวัน ไม่มีเวลาส่วนตัวเพื่อค้นหาตัวเอง หรือให้เวลากับครอบครัว
พอตอนนี้เรามีครอบครัว ก็ต้องแบ่งเวลาให้ถูกต้อง หกโมงเย็นถึงเวลาเลิกงานเราก็เลิกทำงานจริงๆ แล้วใช้เวลาตรงนั้นกับครอบครัว กับงานอดิเรกที่เราชอบ
งานอดิเรกที่ชอบทำมีอะไรบ้าง
ผมกับภรรยาจะชอบอะไรใกล้เคียงกัน บางทีวันอังคาร-วันพุธเราก็ไปจตุจักร เดินดูต้นไม้ ซื้อปุ๋ย ถ่ายรูปเล่น เพราะจตุจักถ่ายรูปสนุก หรือตอนนี้เรามีร้านที่ไอคอนสยาม ก็จะแวะไปดูหน้าร้านว่าเป็นยังไงบ้าง ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มร้านข้างๆ หรือร้านคู่แข่งเขาเป็นยังไง
อีกอย่างหนึ่งที่ชอบคือ เราเดินทางต่างประเทศบ่อย ปีนึงประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อ หนึ่ง ท่องเที่ยว สอง ไปดูบริบทของโลก ของแฟชั่น ว่าเป็นประมาณไหน ถึงแม้จะสามารถเช็กออนไลน์ได้ว่าอะไรอินเทรนด์อยู่ แต่สิ่งที่เราไม่สามารถดูผ่านออนไลน์ได้คือ Culture เขา ว่าเขา Act out กันยังไง ไลฟ์สไตล์จริงๆ เขาเป็นยังไง เทรนด์ หรือธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้มีอะไรบ้าง เราชอบไปสังเกต
จากทุกงานที่คุณบอลเคยทำมา ถ้าให้เลือก 1 งานที่นำเสนอความเป็นตัวคุณได้ดีที่สุดคืองานไหน และเพราะอะไร
SneakaVilla ครับ เพราะมันเป็นเวลาที่ค่อนข้างยาวนาน เราอยู่ในธุรกิจมา 13 ปี เป็นแบรนด์แรกๆ ในสตรีทแฟชั่นในประเทศไทย เปลี่ยน Movement ของสตรีทแฟชั่นเยอะมาก มันเป็นแบรนด์ที่มาจากคนที่อินจริงๆ ไม่ได้มีเงินทุนเยอะในการผลักดันแบรนด์ แต่ค่อยๆ ไต่ขึ้นไป
มีศิลปินหรือแฟชั่นไอคอนที่มีอิทธิพลต่อคุณบ้างไหม
ผมชอบฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ (Pharrell Williams) กับคานเย เวสต์ (Kanye West) สองคนนี้เป็นไอคอนที่ผมชื่นชมมาตลอด มี นิโกะ-โทโมอากิ นากาโอะ (Nigo - Tomoaki Nagao) เจ้าของแบรนด์ BAPE และฮิโรชิ ฟูจิวาระ (Hiroshi Fujiwara) เป็นก็อดฟาเธอร์ของสตรีทแวร์
วงการถ่ายภาพผมก็มีไอดอลคือ โจเอล เมเยอโรวิตซ์ (Joel Meyerowitz) เป็น Fine-art Photography เขาจะทดลองทุกแบบ ถ้าคุณอยากถ่ายภาพเก่ง คุณต้องถ่ายเป็นทุกอย่างเพื่อที่เราจะเป็นมาสเตอร์ ต้องรู้ว่าขั้นตอนเป็นยังไง กระบวนการเป็นยังไง
ในฐานะที่เริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย (17 ปี ก็เริ่มทำเว็บไซต์สเก็ตบอร์ดแล้ว) คุณบอลเรียนรู้อะไรบ้างจากตรงนั้น แล้วมันมีข้อดี-ข้อเสียยังไง
จริงๆ ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นการทำงานขนาดนั้น แต่เราทำเพื่อความสนุก ไม่เคยมองถึงผลตอบแทนเลย พึ่งมามองถึงผลตอบแทนตอนเราโตขึ้นเนี่ยแหละ (หัวเราะ)
เมื่อก่อนผมจัดงานของสยามฮิปฮอป เรียกคนมาได้ประมาณ 500-1,000 คน ได้เงินมา 20,000 บาท แล้วผมต้องไปจ้างดีเจสองพันบาท เพื่อนฮิปฮอปมาแร็ปด้วยกันผมให้คนละพันบาท ผมได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเองแค่สามพันบาท นั่นคือประสบการณ์ที่ตอนเด็กๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่า เวลารับงาน เราสามารถเรียกเงินได้ สิ่งที่เราทำมันมี Value มากกว่านี้
แต่เราก็ไม่เคยมองว่ามันเป็นข้อด้อยอะไร เรารู้สึกว่าเรามีโอกาสได้ทำงานสเกลใหญ่ขึ้น สนุกมากขึ้น ทุกคนมีความสุขมากขึ้น
‘ถ้าชั้นรู้สิ่งนี้ตั้งแต่อายุ 20 ก็คงจะดี’ สำหรับคุณบอลคืออะไร
ไม่มีเลยครับ
ไม่เคยรู้สึกเสียดายอะไรเลย?
ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าผมทำเต็มที่กับทุกอย่าง ผมจะบอกทุกคนว่าใช้ชีวิตวัยรุ่นให้สนุกที่สุด เพราะคุณไม่สามารถเอาชีวิตวัยรุ่นกลับมาได้อีกเมื่อมันผ่านพ้นไปแล้ว ไม่สามารถเอาความเฮฮาและความกล้า ที่จะไปแฮงเอาต์กับกลุ่มนู้นกลุ่มนี้ได้เยอะขนาดนั้น
พอเราเป็นผู้ใหญ่ ความคิดสร้างสรรค์ของเราไม่เหมือนกับเด็กแล้ว มันจะมีกรอบของความผิดพลาด เรากลัวที่จะเสียเวลา ไม่กล้าไปทำอะไรเสี่ยงๆ เละๆ อีกแล้ว อีกอย่างคือเรามีเวลาน้อย ไม่สามารถไปใช้เวลากับอะไรบางอย่างได้ ถึงวันนั้นมันจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย แต่อย่างน้อยเราได้ทดลอง ได้รู้ ได้มีประสบการณ์
อาจเป็นเพราะคุณบอลหาตัวเองเจอเร็วเลยสามารถเริ่มได้ไวกว่าหรือเปล่า
มันเริ่มจากบริบทง่ายๆ ครับ อะไรที่เราเห็นแล้วรู้สึกคลิก รู้สึกจอยกับมัน ก็ทำเลยครับ ของบางอย่างสวยแต่รูป จูบไม่หอม เราเห็นแล้วชอบ แต่พอลงมือทำจริงๆ แล้ว เห้ย...เราชอบแค่ผลลัพธ์มันต่างหาก
อย่างเราชอบดอกไม้ที่สวย แต่เราไม่ได้ชอบปลูกหรือรดน้ำพรวนดิน ให้คิดต่อว่าแล้วเราชอบอะไรได้อีกในระหว่างนั้น เป็นเจ้าของฟาร์มได้มั้ย นำเข้าหรือเพาะพันธ์ุดี หรือจะเป็นร้านจัดดอกไม้อย่างเดียว คือในระหว่างทางจะมีอะไรให้คิดได้เรื่อยๆ
มีคำแนะนำอะไรสำหรับคนที่คิดและฝัน แต่ยังไม่กล้าลงมือทำบ้าง
ลงมือทำเลยครับ อยากให้ผิดพลาดบ้างจะได้มีประสบการณ์ รู้ว่าเราเหมาะหรือไม่เหมาะกับมันขนาดไหน คือคนกลัวที่จะผิดพลาด แต่ผมรู้สึกว่าการพลาดนี่คือพื้นฐานของความสำเร็จนะ คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่พลาดแล้วรับมือกับมันได้มากกว่า
อย่างคุณบอลนี้พลาดมาเยอะมั้ย
ผมโชคดีครับ ไม่ค่อยพลาด แต่ว่าผมลงมือทำตลอดเวลา
เป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวของคุณบอลในตอนนี้คืออะไรบ้าง
เป้าหมายระยะสั้น เราอยากทำแบรนด์ SneakaVilla ให้มัน Casual ขึ้น คนใส่ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กสตรีทจ๋า
อีกอันคือแบรนด์เด็ก ผมมองว่าแบรนด์เสื้อผ้าสตรีทเด็กยังมีช่องว่างอยู่ ปกติผมเดินห้างแล้วจะซื้อเสื้อผ้าให้ลูกใส่ ก็อยากให้เขามีกลิ่นอายใกล้เคียงคุณพ่อ ซึ่งมันยังไม่มีแบรนด์แบบนี้ แพตเทิร์นเสื้อผ้าเด็กยังไม่ค่อยเท่มากนัก โดยจะมีคอนเส็ปต์พิเศษอยู่ คือตั้งใจจะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายไปช่วยเหลือสังคม เด็กยากไร้ และมูลนิธิต่างๆ
ส่วนเป้าหมายระยะยาว ผมตั้งใจทำโปรเจคแบบไฟน์อาร์ตมากขึ้น เช่น ถ่ายภาพ Portrait ของคนในกรุงเทพฯ ถ่ายภาพสตรีทของย่านที่ผมอยู่ ก็น่าจะมีโฟโต้บุ๊กออกและอาจจะมีนิทรรศการด้วย
ทุกอย่างที่ผ่านมือชายผู้นี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผลลัพธ์ของความตั้งใจทำสิ่งต่างๆ อันมาจากการหลงใหลในศิลปะ ดนตรี แฟชั่นของเขา และนี่คือเรื่องราวของ ‘บอล-กันตพัฒน์ สิริเกียรติยศ’ ชายผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง
สามารถติดตามผลงานและความเคลื่อนไหวของเขาได้เลยตามช่องทางด้านล่างนี้