ชมวิวกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา บนตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ณ Mahanakhon Skywalk
กรุงเทพฯ มีแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่สามารถมอบประสบการณ์ทางสุนทรียะ ให้เราทุกคนได้อิ่มเอมไปกับทัศนียภาพอันงดงามของเมืองแบบ 360 องศา ณ จุดสูงสุดของอาคารคิงพาวเวอร์มหานครอย่าง Mahanakhon Skywalk (มหานครสกายวอล์ก) ซึ่งบรรยากาศของตึกสูงในย่านสาทร-บางรักที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาคั่นกลางในแต่ละช่วงเวลาก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป เราได้ไปเยือนขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ายามโพล้เพล้ จนถึงช่วงกลางคืนที่เมืองคึกคักด้วยแสงไฟ ภาพที่เห็นทำให้เชื่อว่าทุกคนที่ตัดสินใจมายังยอดตึกระฟ้าแห่งนี้ จะได้รับความสุขกลับบ้านไปบ้างไม่มากก็น้อย
พื้นที่ที่เปิดให้เราสามารถเข้าไปศึกษาความเป็นมาของกรุงเทพฯ และชมทัศนียภาพของเมืองจุดแรกคือโซนอินดอร์ชั้น 74 ที่เราต้องโดยสารด้วยลิฟต์ที่เร็วที่สุดในประเทศไทย ซึ่งใช้เวลาเพียง 50 วินาทีเท่านั้น ระหว่างนั้นเราจะได้ชมแอนิเมชั่นเกี่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ไปพลางๆ และเมื่อไปถึง สิ่งแรกที่พบคือภาพมุมสูงย่านสาทร-บางรัก ที่มองเห็นผ่านกระจกใสขนาดใหญ่ในลักษณะ 360 องศา มีอินเตอร์แอคทีฟสกรีนตั้งไว้เป็นจุด ที่สามารถเล่นและอ่านข้อมูลเกี่ยวกับกรุงเทพมหานครได้ โดยมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้เลือกใช้
ใกล้ๆ กันจะพบกล้องส่องทางไกลที่จะช่วยให้เรามองเห็นแลนด์มาร์กเมืองในระยะไกลๆ ได้ถนัดตา โดยหยอดเหรียญสิบบาทสองเหรียญ และเราจะสามารถส่องกล้องได้เป็นระยะเวลา 150 วินาที หรือประมาณสองนาทีครึ่ง เมื่อเดินไปเรื่อยๆ จะเห็นตู้ไปรษณีย์สีแดงตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นตู้จำลองจากตู้ไปรณีย์ตู้แรกของไทยที่ได้รับเป็นของขวัญจากประเทศเยอรมนีในปีพ.ศ. 2426 ข้างๆ กันเป็นตู้กดโปสการ์ดสีน้ำเงินสด (ราคาใบละ 40 บาท) ที่มีสแตมป์เรียบร้อย สามารถเขียนและส่งได้รอบโลก
ที่น่าสนใจคือ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นชื่อ Mahanakhon Skywalk เป็นเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) เมื่อเรายกกล้องโทรศัพท์ถ่ายภาพวิวโดยรอบ จะขึ้นกราฟิกเล็กๆ ว่าแต่ละตึก แต่ละสถานที่คืออะไร ซึ่งเราสามารถกดดูข้อมูลของแต่ละแห่งได้ทันที
จากชั้น 74 สามารถโดยสารลิฟต์แก้วที่ชั้น 75 เพื่อขึ้นไปชมวิว ณ จุดสูงสุดของอาคารคิงพาวเวอร์มหานครบนดาดฟ้าชั้น 78 ได้ บริเวณนี้มีไฮไลต์ทั้งหมด 3 สิ่งด้วยกัน อย่างแรกคือรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ที่จำหน่ายเครื่องดื่มทุกประเภทให้เราได้จิบพลางชมทัศนียภาพสวยๆ แบบ 360 องศา มีให้บริการทั้งน้ำผลไม้ โซดารสต่างๆ กาแฟสกัดเย็น ชา ไวน์ เบียร์ ค็อกเทล ม็อกเทลและแชมเปญ (ราคา 80-940 บาท/แก้ว) รวมถึงเมนูทานเล่นเช่น ผลไม้ กล้วยทอดหลากรส และไอศกรีม (ราคา 150 บาท ทุกรายการ)
เราได้ลองม็อกเทลชื่อ Mahanakhon’s Dragon Sunset (290 บาท) มีส่วนผสมของน้ำมะนาว น้ำส้ม น้ำสับปะรด เพิ่มไซรัปทับทิมและไซรัปอัลมอนด์ ประดับด้วยเมล็ดทับทิม ซึ่งมีรสชาติหวานเปรี้ยวคล้ายฟรุตพันช์ สดชื่นและดื่มง่าย อีกเมนูหนึ่งคือ Thongdee Ice Cream (150 บาท) ไอศกรีมผลไม้หน้าตาน่ารัก มีสามรสด้วยกัน ได้แก่ มะม่วง มะพร้าว และสับปะรด
ไฮไลต์ที่สองคือ Glass Tray ระเบียงพื้นแก้วขนาด 63 ตารางเมตร ณ ความสูง 310 เมตร จากพื้นดินที่สามารถมองลงไปยังเมืองด้านล่างในมุม Bird’s-eye View ได้ โดยมีถุงผ้าให้สวมทับรองเท้าก่อนเดินบนพื้นกระจก และห้ามนำสิ่งของใดๆ ลงไปยังระเบียงพื้นแก้ว หากต้องการเก็บภาพความประทับใจก็สามารถถ่ายรูปได้จากบริเวณที่กั้นไว้ได้
และไฮไลต์สุดท้ายที่ประทับใจคือ The Peak ชั้นลอยด้านนอกที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ที่สามารถยืนได้ในขณะนี้ มีความสูงจากพื้นดินถึง 314 เมตร สามารถมองได้รอบด้าน ซึ่งภาพตึกระฟ้าที่คั่นด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา มีพระอาทิตย์กำลังตกดินเป็นพื้นหลังเป็นสิ่งที่ไม่ได้หาชมได้ง่ายๆ และเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงไฟระยิบระยับจากตึกอาคาร ทำให้บรรยากาศของกรุงเทพมหานครในยามค่ำคืนน่าสนใจเป็นอย่างมาก
สามารถซื้อประสบการณ์ได้ในราคา 850 บาท สำหรับการเข้าจุดชมวิวในอาคารที่ชั้น 74 และราคา 1,050 บาท สำหรับเข้าจุดชมวิวในอาคารและนอกอาคารที่ชั้น 78 ถึงแม้ราคาจะสูงไปสักนิด แต่หากมีโอกาสก็อยากให้ลองไปสักครั้งหนึ่ง แล้วจะรู้ว่ากรุงเทพมหานครกว้างใหญ่และงดงามขนาดไหน