เดินทางในเมืองอย่างมีสไตล์ด้วยสเกตบอร์ดไฟฟ้าสุดเท่
เครื่องยนต์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นช่วง 2-3 ปีมานี้ ด้วยราคาที่สามารถเข้าถึงได้ ชาร์จแบตฯได้รวดเร็ว และสามารถใช้งานได้จริง เราจึงเห็นคนใช้ยานยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนน โดยเฉพาะในต่างประเทศอย่างแพร่หลาย เช่น จักรยาน มอเตอร์ไซค์ สกูตเตอร์ รถยนต์ เซกเวย์ หรือโฮเวอร์บอร์ด บางคนอาจเคยเห็นเจ้าหน้าที่ในห้างฯ บางแห่งของเมืองไทยใช้เซกเวย์เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานเช่นกัน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (แต่อาจต้องระวังท้องถนนและทางเท้าประเทศเราสักเล็กน้อย)
นอกจากอุปกรณ์และเครื่องยนต์ที่พูดถึงไป ยังมีอีกหนึ่งชนิดที่เราสามารถใช้เพื่อการเดินทางและเล่นได้อย่างสนุกสนาน (แถมดูเท่อีกด้วย) นั่นคือ สเกตบอร์ดไฟฟ้า หรืออิเล็กทริกสเกตบอร์ด ซึ่งปัจจุบัน หลายแบรนด์พัฒนาและผลิตออกมาวางขายเป็นจำนวนมาก มีตั้งแต่ราคาหลักพันจนถึงหลักหมื่น สามารถหาซื้อได้ไม่ยาก ตามร้านขายสินค้าออนไลน์ เว็บไซต์ผู้ผลิตใหญ่ๆ หรือช็อปขายอุปกรณ์สเกตบอร์ดก็มีจำหน่าย
หากใครที่กำลังมองหาสเกตบอร์ดเจ๋งๆสักหนึ่งอัน ไว้เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง หรือไถเล่นสนุกๆ (แต่อาจเล่นท่าผาดโผนอย่างสเกตบอร์ดทั่วไปไม่ได้ ต้องแสดงความเสียใจสำหรับคนที่อยากซื้อมาเล่นท่าคิกฟลิปหรือแมคทวิสต์ด้วย) เรามีอิเล็กทริกสเกตบอร์ดที่น่าสนใจมาแนะนำ!
Riptide R1/R1 Elite
ใครที่อินกับสเกตบอร์ดโอลด์สคูลที่ให้กลิ่นอายแบบเวสต์โคสต์เล็กๆ แต่อยากได้สเกตบอร์ดไฟฟ้า Riptide รุ่น R1 และ R1 Elite เป็นตัวเลือกแรกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะดีไซน์ที่เท่และโดดเด่น แตกต่างไปจากอิเล็กทริกสเกตบอร์ดอื่นๆ รุ่น R1 (ล้อสีฟ้า) สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 11.2 กิโลเมตร จากการชาร์จแบตฯ 1 ครั้ง (ชาร์จปกติใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงครึ่ง แต่สามารถใช้โหมดชาร์จรวดเร็วได้ในระยะเวลาเพียง 90 นาที) ความเร็วสูงสุดที่สามารถวิ่งได้คือ 28.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในขณะที่รุ่น R1 Elite (ล้อสีเขียว) สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 12.8 กิโลเมตร และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แตกต่างจากรุ่นแรกตรงที่มีไฟหน้าและไฟท้ายบอร์ด ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆจึงสามารถเห็นเราได้อย่างชัดเจน รวมถึงใช้ล้อคนละรุ่น ที่ให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะแตกต่างกัน
โดยสองรุ่นนี้มีที่จับบริเวณกระดาน สะดวกต่อการถือพกพา ปลายบอร์ดมีคิกเทล (Kicktail) ช่วยให้เราสามารถหมุนบอร์ดอย่างกะทันหันเมื่อเจอสิ่งกีดขวางหรือทางขรุขระได้ บอร์ดมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีความยาว 31 นิ้ว เท่ากันทั้งสองรุ่น ต่างกันที่น้ำหนัก โดยรุ่น R1 หนัก 5.9 กิโลกรัม และ R1 Elite หนัก 6.4 กิโลกรัม
สามารถจับจองสเกตบอร์ดไฟฟ้าทั้งสองรุ่นนี้ได้ผ่านเว็บไซต์ Riptide โดยตรง รุ่น R1 มีราคา 599 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 19,402 บาท ส่วนรุ่น R1 Elite มีราคาสูงขึ้นมาอีกเล็กน้อย อยู่ที่ 729 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 23,625 บาท
Boosted Mini S
Boosted ผลิตสเกตบอร์ดไฟฟ้าออกมาหลายรุ่น ซึ่งรุ่น Mini S เหมาะสำหรับการพกพามากที่สุด ไม่ว่าจะถือขึ้นรถไฟฟ้า วางไว้ใต้โต๊ะ หรือแอบไว้ตรงชั้นวางของ เพราะตัวบอร์ดมีขนาดเล็ก ยาวเพียง 29.5 นิ้ว และหนักประมาณ 6.8 กิโลกรัมเท่านั้น จากการชาร์จแบตฯ 1 ครั้ง (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที) สามารถวิ่งได้ไกลถึง 11.2 กิโลเมตร (เหมือนเดินจากสยามไปอ่อนนุช) ความเร็วสูงสุดที่สเกตบอร์ดสามารถแล่นได้ คือ 28.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเจอทางลาดหรือทางชันก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะสามารถไต่พื้นที่มีความชันประมาณ 11-12 องศาได้อย่างง่ายดาย
จุดเด่นของรุ่นนี้คือตัวกระดานที่ออกแบบให้เว้าลง จึงทรงตัวได้มั่นคงและยึดเกาะกับตัวบอร์ดได้ดียิ่งขึ้น ปลายบอร์ดมีคิกเทล (Kicktail) มาพร้อมรีโมทควบคุมการทำงานของบอร์ดขนาดกะทัดรัด สามารถปรับระดับความเร็ว เบรก และโหมดการใช้งาน ที่สามารถเลือกได้ 3 ระดับ สำหรับผู้เล่นสเกตระดับเริ่มต้นจนถึงเชี่ยวชาญได้อย่างคล่องตัว
หากกำลังมองหาอิเล็กทริกสเกตบอร์ดที่คุณภาพคับบอร์ด ใช้งานได้คล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง พกพาสะดวก เหมาะสำหรับชีวิตในเมือง Mini S เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ แต่สเกตบอร์ดรุ่นนี้มีราคาสูงสักเล็กน้อย อยู่ที่ 749 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 24,258 บาท อาจจะต้องชั่งใจดูอีกทีว่าคุ้มไหม แต่ถ้ามีงบมากพอ และอยากได้ตัวช่วยในการเดินทางเท่ๆสักชิ้นล่ะก็ เจ้า Boosted Mini S กำลังรอให้ทุกคนจับจองเป็นเจ้าของอยู่
Inboard M1
หลายเว็บไซต์ของต่างประเทศให้คะแนนอิเล็กทริกสเกตบอร์ดแบรนด์ Inboard รุ่น M1 เป็นอันดับต้นๆ บางแห่งถึงกับบอกว่าเป็นสเกตบอร์ดไฟฟ้าที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้เลยทีเดียว อย่างแรกที่ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นคือความเร็วสูงสุดที่สามารถวิ่งได้ถึง 35.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแบตเตอรี่ 1 ก้อน สามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 11.2 กิโลเมตร แต่ความพิเศษอยู่ที่ M1 เป็นรุ่นแรกที่สามารถถอดแบตฯ เปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย จึงสามารถยืดระยะการเดินทางได้อีกเท่าตัว
การขับเคลื่อนของสเกตบอร์ดรุ่นนี้เป็นไปอย่างนุ่มนวล มั่นคง และสามารถเล่นท่าได้ใกล้เคียงกับสเกตบอร์ดดั้งเดิมที่สุด เพราะไม่ได้ติดมอเตอร์ที่ตัวกระดานด้านล่างอย่างรุ่นอื่น แต่ติดมอเตอร์ที่ล้อแทน จึงไม่กินพื้นที่บริเวณกระดาน นอกจากนี้ยังสามารถตรวจเช็กข้อมูลและควบคุมบอร์ดผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกสบาย (แต่ก็ยังมีรีโมทควบคุมสุดเท่ให้) บริเวณหัวและท้ายบอร์ดติดไฟแอลอีดีสีขาว-แดงสุดโดดเด่น เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆสามารถมองเห็นเราได้อย่างชัดเจน
เรื่องพกพาอาจจะไม่สะดวกเท่า Boosted Mini S เพราะ Inboard M1 นี้มีขนาดที่ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความยาวถึง 37.5 นิ้ว แต่น่าแปลกใจตรงที่มีน้ำหนักแทบไม่ต่างกับรุ่นเล็กด้านบน เพราะมีน้ำหนักเพียง 6.5 กิโลกรัม หากสนใจอยากเป็นเจ้าของสเกตบอร์ดไฟฟ้าที่หลายคนยกให้เป็นรุ่นที่ดีที่สุด ก็อาจต้องลงทุนหน่อย เพราะมีราคาสูงถึง 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 32,344 บาทเลยทีเดียว