#SundayWellSpent โกยความสุข 12 ชั่วโมงในวันอาทิตย์ ณ ซอย สุขุมวิท 49
ถึงแม้ประเทศไทยตอนนี้จะเข้าฤดูฝนได้สักระยะหนึ่งแล้ว ต้องเจอกับสภาพอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยสักวัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฝนจะทำให้เราต้องหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกเดินทางไปสำรวจสถานที่ต่างๆ เช่นเคย
#SundayWellSpent ครั้งนี้จึงตั้งใจที่จะพาทุกคนลุยน้ำฝนไปสำรวจย่านกลางกรุงอีกแห่งหนึ่งที่ครึกครึ้นตลอดทั้งวันซอยนี้อยู่ระหว่างย่านทองหล่อ-พร้อมพงษ์ ที่หลายๆคนน่าจะเคยไปมาบ้างแล้ว นั่นคือ สุขุมวิท ซอย 49 โดยซอยนี้ค่อนข้างยาว และมีซอยเล็กซอยน้อยมากมาย จึงเต็มไปด้วยร้านอาหาร และสถานที่ทำกิจกรรมน่าสนใจจำนวนมากที่เรากล้าพูดเลยว่า เวลาวันอาทิตย์เพียงวันเดียวคงไม่พอ
จาก 11 สถานที่ที่เราลิสต์ไว้ มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ออนเซ็น ร้านขายของโบราณ สตูดิโอเวิร์กช็อปงานฝีมือ และอื่นๆอีกมากมาย ไปดูกันดีกว่าว่ามีร้านไหนเข้าตาจนทำให้คุณเตรียมตัวออกจากบ้านในวันอาทิตย์นี้ได้บ้าง!
Broccoli Revolution
ร้านอาหารมังสวิรัติและอาหารเพื่อสุขภาพแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ปากซอยสุขุมวิท 49 ด้วยการตกแต่งแบบอันดัสเทรียลลอฟต์และไม้ประดับสีเขียว ทำให้ Broccoli Revolution เหมาะสำหรับการมีมื้ออาหารสบายๆยามเช้า เมนูอาหารและเครื่องดื่มมีพื้นฐานจากผักและผลไม้สดทั้งหมด อาหารมังสวิรัติที่นี่ปรุงหลากสไตล์ ทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง อเมริกาเหนือ-ใต้ เวียดนาม กัมพูชา และแน่นอนว่าสูตรไทยๆของเรา แต่ละเมนูนำเสนอได้ดีทั้งหน้าตาและรสชาติ นอกจากนี้ยังมีน้ำผัก-ผลไม้และของหวานเพื่อสุขภาพให้เลือกทานอีกนับไม่ถ้วน ความพิเศษที่ทำให้ร้านนี้แตกต่าง คือ ความพยายามผลักดันและสร้างจุดยืนด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากการใช้หลอดธรรมชาติจากผักบุ้ง และผลิตหลอดจากวัสดุที่คงทน เช่น แก้ว ไม้ไผ่ และโลหะ เพื่อลดการใช้หลอดพลาสติกครั้งเดียวแล้วทิ้ง
Kashikiri Onsen and Spa
ออนเซ็นและสปาเป็นกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายเราได้เป็นอย่างดี โดย Kashikiri Onsen and Spa สาขาสุขุมวิท 49 นี้ เป็นออนเซ็นส่วนตัวสไตล์ญี่ปุ่นที่เราสามารถแช่น้ำคนเดียว กับเพื่อนหรือคนรักได้อย่างไม่เคอะเขิน มีห้องหลายประเภทให้เลือกตามความต้องการ เมื่อเดินเข้าไปจะพบต้นไม้สีเขียวขจีประดับตกแต่งอยู่ทั่วบริเวณ จึงให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติและร่มรื่น มีโปรแกรมน่าสนใจพร้อมให้บริการทั้ง แช่ออนเซ็น นวดหน้า นวดตัว สครับผิวกาย นวดประคบร้อน แพ็คเกจฟื้นฟูสภาพร่างกาย ฯลฯ โดยมีราคาตั้งแต่ 550-2,900 บาท นอกจากนี้ยังมีการจัดโปรโมชั่นในแต่ละเดือนอย่างสม่ำเสมอ จึงสามารถใช้บริการได้อย่างสบายกายและสบายกระเป๋าแน่นอน
Peace Oriental Teahouse
ร้านชาที่แสดงศาสตร์แห่งชาและสมุนไพรตามแบบตะวันออกได้อย่างชัดเจนที่สุด ณ ตอนนี้คงหนีไม่พ้น Peace Oriental Teahouse ที่เกิดขึ้นเพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงวัฒนธรรมการดื่มชาที่แท้จริง การตกแต่งร้านจึงเป็นไปอย่างเรียบง่าย ใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการตกแต่งร้าน สไตล์บ้านน้ำชาญี่ปุ่น มีข้อมูลชนิดชา วิธีการชง และอุปกรณ์สำหรับการชงชาแสดงไว้ด้านในสุด บริเวณที่นั่งแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เคาน์เตอร์บาร์ พื้นยกระดับสำหรับโต๊ะเตี้ยนั่งพื้น และบาร์ติดกระจกหันออกด้านนอก ชาที่ร้านมีให้เลือกนับสิบ เช่น เซนฉะ เกนไมฉะ มัทฉะ โฮจิฉะ อู่หลง ฯลฯ ซึ่งชาแต่ละประเภทก็จะมีวิธีและขั้นตอนการชงที่แตกต่างกันไป เราได้ลอง Pastel Matcha (140 บาท) แบบเย็น ซึ่งหอมและเข้มข้นเป็นอย่างมาก นอกจากน้ำชาหลากชนิดยังมีเครื่องดื่มที่ไม่ใช่ชา และขนมหวานอีกหลายเมนูให้ลิ้มลอง
D'ARK by Phillip Di Bella
คาเฟ่ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันอยู่แล้วอย่าง D'ARK by Phillip Di Bella สาขาแรกนี้ ตั้งอยู่ในโครงการพิมาน 49 (Piman 49) การตกแต่งทำออกมาได้อย่างเรียบง่ายแต่แฝงความหรูหราเอาไว้เล็กน้อย ใช้โทนสีขาวเป็นหลัก ทำให้บรรยกาศดูโปร่งและอบอุ่น หากอยากมองภาพความพลุกพล่านของซอยก็สามารถนั่งโซนด้านนอกได้ จุดเด่นของร้านคือกาแฟสูตรเด็ดทั้งหลายที่คิดค้นโดย Coffee Roasters ชาวออสเตรเลีย Phillip Di Bella มีเมล็ดกาแฟที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันให้เราได้ลองดื่มกาแฟรสชาติใหม่ๆอยู่เสมอ เมนูอาหารที่ร้านมีทั้งบรันช์ สลัด เบอร์เกอร์ แซนวิช สปาเกตตี้ สเต็ก ฯลฯ หากเป็นสายของหวานก็มีทั้ง ชีสเค้ก ช็อคโกแลตลาวา พุดดิ้ง ไอศกรีม พานาคอตต้า และอื่นๆอีกมากมายให้เลือกทานอย่างเพลินเพลิน
The Hive
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการทำงานในบรรยากาศสงบๆที่ Coworking Space ชื่อของ The Hive จะต้องอยู่อันดับต้นๆในความคิดเป็นแน่ เพราะที่แห่งนี้มีทุกอย่างครบครันภายในตึก 5 ชั้น ณ โครงการพิมาน 49 แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน เลานจ์ ออฟฟิศและห้องประชุมส่วนตัว สวนเล็กๆบนชั้นดาดฟ้า คาแเฟ่ และสปา ความพิเศษของ The Hive คือไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการด้านสถานที่เท่านั้น แต่ยังคอยจัดอีเว้นท์ต่างๆเพื่อเพิ่มศักยภาพในตัวเอง ทั้งทางธุรกิจ การทำงาน และชีวิตทั่วไป เช่น กิจกรรมโยคะบนดาดฟ้า วาดภาพระบายสีพร้อมจิบไวน์ ฉายสารคดี ฟิตเนสเวิร์กช็อป หรือเสวนาเรื่องธุรกิจและการพัฒนาตนเอง สามารถสมัครเป็นสมาชิก โดยเลือกตามระยะเวลาความต้องการการใช้งานได้ ตั้งแต่รายวัน-รายเดือน หรือเลือกตามประเภทของสเปซได้ตามต้องการ
Paintbar Bangkok
ที่ชั้น 6 ของโครงการพิมาน 49 มีสถานที่ที่ทุกคนสามารถใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงสร้างผลงานศิลปะของตัวเอง พร้อมกินและดื่มไปพร้อมๆกันอย่างเพลิดเพลินได้ กับ Paintbar Bangkok รูปภาพที่ใช้เป็นแบบในการเวิร์กช็อปแต่ละวัน จะแตกต่างกันไป เราสามารถเลือกภาพที่ต้องการได้จากปฏิทินภาพบนเว็บไซต์และเฟสบุ๊กเพจของร้าน โดยค่าเข้าร่วมคลาส 1 ครั้งมีราคา 799 บาท รวมค่าอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ผ้าใบ สี ผ้ากันเปื้อน ฯลฯ ในขณะที่กำลังวาดภาพ ระบายสี เราสามารถจิบเครื่องดื่มเย็นๆอย่างไวน์ เบียร์ หรือค็อกเทลไปพลางๆ เพื่อสร้างบรรยากาศและอารมณ์ศิลปินก็ย่อมได้ อีกทั้งมีอาหารทานเล่นพร้อมเสิร์ฟอีกมากมาย ที่จะช่วยให้การทำงานศิลปะของเราเป็นไปอย่างราบรื่นและผ่อนคลายมากขึ้น
Golden Tortoise
เพียง 140 เมตร จากร้าน D'ARK จะพบกับแกลเลอรี่เฟอร์นิเจอร์และของโบราณตั้งอยู่อย่างโดดเด่นริมถนน สินค้าในร้านมีทั้งของโบราณจากประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น จีน ตั้งแต่ช่วงปีค.ศ. 1900s เป็นต้นมา ที่นำมาปรับปรุงและซ่อมแซมใหม่ให้คงเดิม หรือใส่ความร่วมสมัยลงไปให้เหมาะกับการใช้งานในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังรับทำเฟอร์นิเจอร์ตามสั่ง โดยเน้นสินค้าที่ใช้วัสดุประเภท ไม้ ทองเหลือง รูปหล่อและรูปปั้นเป็นหลัก บรรดาของโบราณที่จัดแสดงอยู่เป็นศิลปะในอีกหนึ่งรูปแบบ ที่สามารถชมได้อย่างเพลิดเพลินในระยะเวลาอันสั้น
Poteri Clay Workshop
บริเวณชั้น 2 ของสปอร์ตคลับกลางซอยสุขุมวิท 49/9 อย่างเดอะแร็กเก็ต คลับ (The Racquet Club) มีสตูดิโอสอนปั้นเซรามิกหรือเครื่องปั้นดินเผาซ่อนตัวอยู่ การเรียนการสอนแต่ละคลาสเหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก 4-5 ขวบ หรือผู้สูงอายุก็สามารถมาเรียนรู้การทำเครื่องปั้นดินเผาได้ โดย แบ่งออกเป็น 4 เทคนิคการขึ้นรูปดินเผา ได้แก่ การขดคลึงดิน (Coiling) การบีบกด (Pinching) การใช้ดินที่เป็นแผ่น (Slabing) และการใช้แป้นหมุน (Wheelthrowing) สอนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเซรามิกโดยตรง หนึ่งคอร์ส มีราคาตั้งแต่ 9,000 - 45,900 บาท ซึ่งสิ่งที่เราจะได้รับนอกจากเครื่องปั้นดินเผาชิ้นเดียวในโลกแล้ว ยังได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน เปรียบเสมือนคอมมูนิตี้ขนาดย่อมที่ต้อนรับทุกคนนั่นเอง
Dog Park 49
คอมมูนิตี้ครบงจรสำหรับน้องหมาและคนรักสุนัขโดยเฉพาะ ด้านในมีกิจกรรมให้สัตว์เลี้ยงของเราทำมากมาย ได้แก่ วิ่งเล่นในสนาม (ที่ติดผ้าใบกันแดดให้เราและลูกรักของเราไม่ต้องทนร้อน) สระว่ายน้ำสำหรับสุนัขขนาดเล็กและใหญ่ ที่มีห้องอาบน้ำสำหรับเจ้าของที่ต้องการเล่นน้ำกับเจ้าตูบ ห้องพักผ่อนติดเครื่องปรับอากาศ ลู่วิ่ง บริการอาบน้ำและตัดขน แม้กระทั่งโรงแรมสำหรับน้องหมา โดย Dog Park 49 คำนึงถึงสุขอนามัยและความปลอดภัยเป็นหลัก โครงสร้างสถานที่ กฎระเบียบและการดูแลต่างๆ จึงสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความตั้งใจข้อนี้ เช่น ประตูสองชั้น น้องหมาต้องถ่ายก่อนเข้าสนาม อ่างล้างมือเป็นแบบใช้เท้ากดเปิด-ปิด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ชื่อ Hungry Pack ที่เชื่อมกับบริเวณสนามหญ้า ให้เราได้ทานอาหาร พักผ่อน และมองเจ้าตูบของเราวิ่งเล่นกับเพื่อนใหม่อย่างมีความสุข
The Hass Bistro
เพียง 40 เมตร จากปากซอยสุขุมวิท 49 จะพบคาเฟ่ที่กำเนิดขึ้นเพื่อสาวกอะโวคาโดโดยเฉพาะ อย่าง The Hass Bistro ที่ทุกเมนูมีอะโวคาโดพันธุ์แฮสเป็นส่วนประกอบ ทั้งอาหารจานเดียว เช่น เบอร์เกอร์ สปาเกตตี้ แซนวิช สลัด ฯลฯ และขนมหวาน เช่น ชีสเค้ก วาฟเฟิล หรือแพนเค้ก ร้านมีจำนวน 2 ชั้น ตกแต่งในโทนอบอุ่นสบายๆ มีไม้ประดับเล็กๆหลายสายพันธุ์ที่ช่วยสร้างบรรยากาศแบบธรรมชาติทั่วร้าน มุมหน้าร้านมีบาร์ผลไม้ขนาดใหญ่จากฮิปปี้ กอริ คาเฟ่ (Hippie Gori) ที่เสิร์ฟน้ำและชาผลไม้ รวมถึงผลไม้สดพร้อมทานหลากชนิด เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยที่ต้องการทานอาหารและผลไม้เพื่อสุขภาพ
Pizza Massilia
ติดกับร้าน The Hass Bistro จะพบร้านพิซซ่าที่ตกแต่งในสไตล์บาโรกร่วมสมัยสีฟ้าสดแห่งนี้ โดย Pizza Massilia เป็นสาขาที่ 2 (สาขาแรกอยู่ที่ซอยร่วมฤดี) เปิดให้บริการเมื่อกลางปีค.ศ. 2017 ที่ผ่านมา เสิร์ฟอาหารอิตาเลียนต้นตำรับจากวัตถุดิบคุณภาพที่นำเข้าจากประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส จุดเด่นคือเตาฟืนสีเหลืองทองขนาดใหญ่สำหรับอบพิซซ่าบริเวณครัวเปิด ที่ทำให้อาหารมีกลิ่นและรสชาติเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์ หากต้องการรับประทานอาหารในบรรยากาศสบายๆ ก็มีสวนหย่อมเล็กๆพร้อมโต๊ะบริเวณเอาท์ดอร์ ส่วนด้านในแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน มีพื้นที่สำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ตั้งแต่ 1-2 คน และ 8-12 คน หากไม่สะดวกมานั่งทานที่ร้านก็สามารถสั่งเดลิเวอรี่ได้ตลอดทั้งวัน
ไปสำรวจร้านรวงน่าสนใจที่แฝงตัวอยู่ตามตรอกซอยต่างๆ ในกรุงเทพฯ กันต่อวันอาทิตย์หน้า ณ ย่านสุดโปรดของเราตามลิงก์บทความของ Siam2nite ด้านล่างนี้ได้เลย!
- เที่ยวครบจบซอยใน 1 วันกับ #SundayWellSpent ซอยงามดูพลี!
- #SundayWellSpent ซอยร่วมฤดี ย่านเพลินจิตมีอะไรให้ทำภายใน 1 วันบ้าง?
- #SundayWellSpent ชวนเพื่อนไปตระเวนหาอะไรทำที่ซอยสวัสดี (สุขุมวิท 31) ในวันอาทิตย์กันดีกว่า!
- #SundayWellSpent ซอยสวนพลู-สาทร ย่านที่มีอะไรมากกว่าตลาดสด คอนโด และโรงแรม!
- ซอกแซกย่านญี่ปุ่น ตุนความสุข ณ ซอยสุขุมวิท 33 กับ #SundayWellSpent
- #SundayWellSpent เดินเล่นซอยนานา ย่านเยาวราช ตั้งแต่เช้าจรดค่ำกัน!
- #SundayWellSpent ย่านธุรกิจ ‘สาทร’ ซอย 10, 11 และ 12 มีอะไรให้ทำในวันอาทิตย์บ้าง?
- #SundayWellSpent ตะลอนย่านฮิปที่ซอยอารีย์
- #SundayWellSpent พักผ่อนร้านโน้น…นั่งชิลร้านนี้ ที่ซอยหลังสวน