ซอกแซกย่านญี่ปุ่น ตุนความสุข ณ ซอยสุขุมวิท 33 กับ #SundayWellSpent

คาเฟ่สีสันสดใสในบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่โรงแรมนันทา บูติกโฮเทล ในซอย สุขุมวิท 33 แยก 5 มีบริเวณอินดอร์ที่เชื่อมกับตัวโรงแรม และเอาท์ดอร์ที่สามารถนั่งมองบรรยากาศเงียบสงบในซอยได้ หากใครโปรดปรานอาหารเช้า ที่ Passion Cafe แห่งนี้เสิร์ฟออลเดย์เบรกฟาสต์หลากเมนูจากวัตถุดิบคุณภาพที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ส่วนเครื่องดื่มจิบคู่อาหารก็หนีไม่พ้นชาและกาแฟที่คัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน นอกจากกาแฟสกัดเย็น ซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง Nitro Cold Brewed Coffee (120 บาท) ที่น่าลองแล้ว ยังมี Matcha Lamonade Soda (125 บาท) ชาเขียวมัทฉะเข้มข้น เสิร์ฟคู่น้ำมะนาวโซดา กลิ่นหอมของชาเขียวและรสชาติอมเปรี้ยวจากมะนาว ที่ปิดท้ายด้วยความหวานจากเกล็ดน้ำตาลบนปากแก้ว เข้ากันได้ดีอย่างน่าแปลกใจ

• เวลาเปิดทำการ:

  จันทร์ - ศุกร์
  08.00 - 16.00 น.
  เสาร์ - อาทิตย์
  08.00 - 17.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-662-3395
  

Monogram Asia และ Fashion on Frame ตั้งอยู่ที่โรงแรมนันทา บูติกโฮเทล เช่นเดียวกับ Passion Cafe โดยโรงแรมแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการนำความชื่นชอบการถ่ายภาพ ท่องเที่ยว ปั่นจักรยาน และสะสมของวินเทจ มาผสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นโรงแรมสุดฮิปที่มีกลิ่นอายความคลาสสิกและวินเทจในเวลาเดียวกัน เห็นได้จากบรรดาของตกแต่งสุดเท่อย่าง กล้องถ่ายรูปโบราณ รถจักรยาน ภาพถ่ายใส่กรอบที่แขวนไว้ทั่วบริเวณ

ในพื้นที่เดียวกันนี้ จะพบ Monogram Asia คอมมูนิตี้สำหรับผู้รักการถ่ายรูป ที่สามารถมาพบปะพูดคุยและแชร์เรื่องราวต่างๆได้เสมอ มีมุมเล็กๆที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือและนิตยสารเกี่ยวกับการถ่ายภาพ คอยต้อนรับผู้ที่สนใจ รวมถึง Fash of Frame ร้านขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์เสริมสำหรับสำหรับนักปั่นตัวยง หากกำลังมองหาเสื้อจักรยานสไตล์ดีๆสักตัว หรือ ที่เสียบขวดน้ำติดจักรยานสักอัน ที่ร้านนี้มีสินค้านำเข้าหลากหลายแบรนด์ให้เลือกช็อปมากมายเลยทีเดียว

• เวลาเปิดทำการ:

  Monogram asia และ Nandha Hotel: 24 ชั่วโมง
  Fast on Frame:
  พุธ - ศุกร์
  12.00 - 19.00 น.
  เสาร์ - อาทิตย์
  10.30 - 15.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-662-3395
  

ร้านอาหารไทยพื้นบ้านต้นตำรับจันทบุรีในบรรยากาศอันร่มรื่นแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 33 แยก 5 ห่างจากโรงแรมนันทาเพียง 110 เมตร เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับบ้านไม้และสวนขนาดใหญ่ มีตั่งไม้ โต๊ะเตี้ย และหมอนขิดแบบไทยๆ เป็นพื้นที่ทานอาหารเอาท์ดอร์ ด้านในร้านตกแต่งด้วยลายไทยและโทนสีเข้มดูอบอุ่น ความพิเศษของอาหารที่ร้าน คือสูตรน้ำพริกโบราณที่สืบทอดกันมานานกว่าร้อยปี เมื่อเสิร์ฟพร้อมภาชนะที่เป็นศิลปะหัตกรรมพื้นบ้านและภาชนะดินเผาอย่าง กระบุง กระจาด หาบ หม้อดิน ฯลฯ ยิ่งมีเอกลักษณ์ เมนูแนะนำสำหรับทานคนเดียว คือ ข้าวคลุกพริกเกลือ (180 บาท) ข้าวสวยพร้อมกุ้งและกั้ง ทานคู่กับน้ำจิ้มพริกเกลือ(น้ำจิ้มซีฟู้ด) และน้ำพริกปูไข่เผ็ดมัน อิ่มอร่อยกำลังดี

• เวลาเปิดทำการ:

  อังคาร - อาทิตย์
  10.30 - 22.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 065-818-8478
  

เดินจากท้ายซอยสุขุมวิท 33 มาทางซอย 31 เพียง 100 เมตร ใต้คอนโดมิเนียม Avora 31 มีร้านไอศกรีมเจลาโต้ Crema Gelato & Bombe สาขา 2 โดยสาขานี้เป็นแหล่งผลิตไอศรีมเจลาโต้หลากรสที่มีหน้าร้านเพื่อต้อนรับลูกค้าในละแวกนั้น แตกต่างจากสาขาสยามสแควร์วันตรงที่ร้านนี้ไม่มีขนมหวานชนิดอื่นๆขาย แต่ทุกคนยังสามารถมานั่งทานไอศกรีมและดูกรรมวิธีการผลิตผ่านกระสกใสในร้านเพลินๆได้ทุกวัน ลองเจลาโต้รส Crema เป็นคัสตาร์ดผสมเปลือกมะนาวที่ไม่หวานมาก และหอมกำลังดี มีสามขนาด ได้แก่ Piccolo (เล็ก) ราคา 89 บาท Medio (กลาง) ราคา 139 บาท และ Grande (ใหญ่) ราคา 189 บาท หากสนใจท็อปปิ้งเพิ่มความอร่อยก็สามารถสั่งเพิ่มได้ในราคาอย่างละ 20 บาทเท่านั้น

• เวลาเปิดทำการ:

  09.00 - 18.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 061-712-6669
  

ร้านทำผมและเล็บโทนสีขาว-แดงแห่งนี้ ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์เพียง 3 นาทีเท่านั้น ภายในร้านแบ่งเป็น 2 โซนคือ Salon Lounge บริการสระ-ตัดผมสำหรับหญิงและชาย อีกหนึ่งโซนที่มีพื้นที่กว่าครึ่งร้านคือ Nail Care ให้บริการทำสปา ทาเล็บมือและเท้าครบวงจร นอกจากนี้ยังมีบริการนวดหน้า สักคิ้ว 3 มิติ และต่อขนตาในราคาที่สมเหตุสมผล ร้าน JKs stylish Hair Salon & Nail Spa มักออกโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าอยู่เสมอ อยากใช้บริการในราคาสุดคุ้มก็อย่าลืมสอบถามโปรโมชั่นต่างๆที่จัดอยู่ ก่อนแวะไปตัดผมหรือสปามือช่วงเย็นวันอาทิตย์ก็ดีไม่น้อย

• เวลาเปิดทำการ:

  08.00 - 21.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-009-3550
  

ร้านโซบะรสชาติต้นตำรับโดยเชฟชาวญี่ปุ่นแห่งนี้ ซ่อนตัวอยู่ด้านในสุดของสุขุมวิท 33 ซอย 1 ร้านตกแต่งด้วยปูนเปลือยและไม้เป็นหลักอย่างเรียบง่ายทั้งด้านนอกและด้านใน ตกแต่งผนังด้วยขวดเหล้าสาเกหลากชนิดและสีสันนับร้อยขวดทั้ง 3 ชั้น บริเวณชั้น 1 เป็นที่นั่งแบบบาร์ สามารถชมเชฟปรุงอาหารแต่ละเมนูอย่างพิถีพิถันได้ถนัดตา บริเวณชั้น 2 และ 3 เป็นห้องทานอาหารส่วนตัวหลายขนาด อาหารที่ร้านมีทั้งซาซิมิ ยากินิกุ อูด้ง อาหารว่างสไตล์ญี่ปุ่น ฯลฯ แต่ที่พลาดไม่ได้คือสารพัดเมนูโซบะร้อน-เย็น ทานคู่เนื้อ นัตโตะ หรือเทมปุระก็ดี ที่เราได้ลองและอยากแนะนำคือ Seiro Inaka Soba (ขนาดปกติ 240 บาท) โซบะเย็น ทำจากแป้งบักวีต ทานคู่กับซอสโชยุรสเข้ม เมื่อเราทานเสร็จแล้ว เชฟจะเสิร์ฟน้ำร้อนที่ใช้ต้มโซบะให้เราใส่เจือจางซอสโชยุแล้วลองทาน จะได้รสชาติอร่อยอีกแบบนั่นเอง

• เวลาเปิดทำการ:

  17.30 - 23.30 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 092-283-1072
  

เมื่อเดินเข้ามาสุดซอยสุขุมวิท 33 และมองไปทางด้านซ้ายมือ จะเห็นร้านที่ตกแต่งด้วยวิกและมัดเส้นผมซึ่งสะดุดตาเป็นอย่างมาก โดย Malaysia Hair Imports เป็นร้านจำหน่ายวิกและเส้นผมแท้นำเข้า สามารถไปเลือกแบบด้วยตัวเองที่ร้าน หรือสั่งทำอย่างที่เราต้องการก็ได้ทั้งสิ้น วิกที่ร้านเป็นเส้นผมแท้ที่สามารถดัด หนีบ ไดร์ รวบ แสก ราวกับเป็นผมของเราเอง นอกจากนี้ยังมี Hair Pieces, Bulk Hair, Hair Wefts และสินค้าเกี่ยวกับการต่อผมอื่นๆอีกมากมาย ในต่างประเทศ ไม่เพียงแต่ดาราฮอลลีวูดเท่านั้น แต่คนทั่วไปก็สวมวิกกันอย่างแพร่หลาย หากสนใจก็ลองศึกษาข้อมูลเบื้องต้น หรือเข้าไปสอบถามที่ร้านด้วยตัวเองเลยก็ได้เช่นกัน

• เวลาเปิดทำการ:

  09.00 - 17.30 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-108-3022
  

เดินจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์เพียง 1 นาที จะถึงร้านเบเกอรี่ญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นในย่านนั้นอย่าง Custard Nakamura ในซอยสุขุมวิท 33/1 หรือย่าน Japanese Town เบเกอรี่ที่ร้านทำสดใหม่เป็นประจำทุกวัน ซึ่งมีให้เลือกทานมากกว่า 50 ชนิด เช่น แซนวิช พาย ครัวซอง เดนิช พุดดิ้ง โมจิ เค้ก เอแคลร์ แยมโรล ฯลฯ ในราคาไม่แพง และในวันที่ 7 กรกฎาคมของทุกปี จะจัดเทศกาลทานาบาตะ เพื่อขอพรจากดวงดาว โดยลูกค้าสามารถเขียนคำอธิษฐานลงบนกระดาษแล้วนำไปแขวนไว้บนต้นไผ่หน้าร้านได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

• เวลาเปิดทำการ:

  09.00 - 21.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-259-9630
  

ร้านหนังสือญี่ปุ่นมือสอง Key Books มีจำนวน 2 สาขา ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33/1 ทั้งหมด โดยทั้งสองร้านห่างกันเพียง 50 เมตรเท่านั้น ที่ร้านมีหนังสือทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น การ์ตูน เด็ก วิทยาศาสตร์ พัฒนาตนเอง กีฬา ดนตรี ฯลฯ ราคาเริ่มต้นเพียง 20 บาทเท่านั้น หากหาหนังสือที่ต้องสารในสาขา 1 ไม่เจอ ก็สามารถสอบถามจากพนักงาน หรือเดินไปหาต่อในสาขา 2 ได้อย่างง่ายดาย ถ้าเป็นคนที่หลงใหลในหนังสือภาษาญี่ปุ่น รับรองว่าสามารถใช้เวลาสำรวจหนังสือดีๆในร้านได้ทั้งวันอย่างแน่นอน

• เวลาเปิดทำการ:

  09.00 - 21.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-662-1512
  

ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติญี่ปุ่นสาขาแรกในประเทศไทยแห่งนี้ นอกจากขายสินค้าอาหารและของใช้ทั่วไปที่เราพบเห็นเป็นประจำในซูเปอร์มาเก็ตอื่น ยังมีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นมากมาย เช่น เครื่องปรุง อาหารแห้ง ขนม ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เครื่องดื่ม ฯลฯ หากคิดจะทำอาหารญี่ปุ่นสักมื้อล่ะก็ มุ่งหน้ามาที่ UFM Fuji Super รับรองว่าทุกคนจะได้วัตถุดิบญี่ปุ่นแท้ๆติดไม้ติดมือกลับไปไม่น้อยเลยทีเดียว

• เวลาเปิดทำการ:

  08.00 - 22.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-258-0697
  

ร้านเบียร์คราฟต์ย่านพร้อมพงษ์ ที่การออกแบบร้านมีความโดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ห้องผ่าตัดและห้องดับจิต ตัวร้านแบ่งออกเป็นสองชั้น โดยชั้นแรกให้ความรู้สึกราวกับนั่งอยู่ในคลินิก ด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ ของประดับร้าน ที่มีวัสดุเป็นสเตนเลส มีไฟและเตียงผ่าตัดตั้งอยู่เท่ ๆ ส่วนชั้น 2 เป็นบาร์จินโทนิกชื่อ The Clinic ที่ตกแต่งในสไตล์คลาสสิกวิกตอเรียน

สำหรับคอดื่ม มีเบียร์สดจากแท็ปให้เลือกดื่มจำนวน 13 แท็ป หมุนเวียนไปเรื่อย ๆ และเบียร์ขวดหลากชนิดให้เลือกจิบตามใจชอบที่ชั้นล่าง ส่วนใครเป็นสาวกค็อกเทลก็สามารถมาขึ้นมายังชั้นบนเพื่อดื่มจินโทนิกที่รังสรรค์ใหม่หลายตัวได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอาหารทานเล่นสไตล์อเมริกันและไทยทวิสต์หลายเมนูให้ลิ้มลอง

โปรเลดี้ไนท์ของที่นี่จัดทุกวันพุธ โดยสาว ๆ จะได้ส่วนลดพิเศษสำหรับเครื่องดื่มต่าง ๆ ตลอดทั้งคืน นอกจากสาขาพร้อมพงษ์แล้ว Hair of the Dog ก็ยังมีอีกสาขาที่เพลินจิตด้วย ใครใกล้ที่ไหนไปที่นั่นได้เลย!

• สถานที่:

  ซอยที่จอดรถวิลล่ามาร์เก็ต ใกล้กับสุขุมวิท 33/1, 10110, กรุงเทพฯ

• เวลาเปิดทำการ:

  11:00 - 00:00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-030-2538
  

ถึงแม้ช่วงแรกจะเปิดให้บริการวันอาทิตย์ แต่ปัจจุบัน ร้าน Dim Dim งดให้บริการวันอาทิตย์แล้ว ซึ่งหากมาถึงย่านนี้แล้วไม่พูดถึงบาร์สไตล์จีนกำลังมาแรงที่ห่างจากท้ายซอย 33 ไปเพียง 90 เมตรก็คงไม่ได้

กลิ่นอายแบบจีนๆมีให้เห็นตั้งแต่การใช้มู่ลี่ จนถึงของประดับตกแต่งร้านด้านใน เช่น ถ้วยกาน้ำชา กล่องชาและสมุนไพรจีน เซียมซี โถจีนลายคราม ฯลฯ ในเวลากลางวัน Dim Dim เป็นคาเฟ่ที่เสิร์ฟชาและกาแฟคุณภาพ แต่เมื่อนาฬิกาบอกเวลาหกโมงครึ่ง กลายเป็นค็อกเทลบาร์ ที่พิถีพิถันกับการเลือกวัตถุดิบมาใช้และการสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มใหม่ๆอยู่เสมอ เมื่อขอให้บาร์เทนเดอร์แนะนำค็อกเทลสักหนึ่งเมนู เราจึงได้ Club Rosella (320 บาท) จินของบอมเบย์แซฟไฟร์ อินฟิวส์กับกระเจี๊ยบ ผสมกับไซรัปกลิ่นทับทิม เลมอนและบิตเทอร์ ท็อปด้วยไข่ขาวตีฟองและผลกระเจี๊ยบแห้ง ที่รสไม่เข้มจนเกินไป เสิร์ฟมาในถ้วยชาเซรามิกแบบจีน เข้ากับบรรยากาศร้านอย่างลงตัว

• เวลาเปิดทำการ:

  จันทร์ - เสาร์
  18.30 - 01.30 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-085-2788