#SundayWellSpent เดินเล่นซอยนานา ย่านเยาวราช ตั้งแต่เช้าจรดค่ำกัน!
กิจกรรมยามว่างที่เรามักทำกันเป็นประจำในวันอาทิตย์มีอะไรบ้าง? อาจจะเริ่มจากอ่านหนังสือสักเล่ม ไปออกกำลังกาย ดูหนังต่อสักหนึ่งเรื่อง เดินช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า แล้วกลับมานอนพักสบายๆที่บ้าน ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ สามารถเติมเต็มหลอดความสุขของเราได้ …แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากมีสถานที่ที่เราสามารถเดินซอกแซกสำรวจ และใช้เวลากับมันได้ตลอดทั้งวันอย่างสบายๆไม่เหนื่อยเท่าไรนัก ก็คงจะดีไม่น้อย
#SundayWellSpent ในครั้งนี้ มีซอยที่เหมาะกับการใช้เวลาอย่างที่เรากำลังมองหาอยู่มาแนะนำ นั่นคือ ซอย นานา ถนนเยาวราช สถานที่แห่งนี้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ด้วยความคลาสสิกของย่านขายสมุนไพรจีนเก่า (ปัจจุบันยังเปิดร้านอยู่มาก เดินผ่านจะได้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ตลอดทาง) ที่ได้คนรุ่นใหม่ชุบชีวิตซอยนี้ให้กลายเป็นแห่งแฮงเอาท์ที่รวมบาร์ แกลเลอรี่ศิลปะ ร้านอาหาร ครีเอทีฟสเปซ บ้านเรือน และธุรกิจเก่าแก่ของย่านนี้ไว้ด้วยกัน มนต์เสน่ห์ของซอยนานา ทำให้ใครต่อใครอยากจะมาสำรวจบริเวณนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้
เรามี 13 สถานที่น่าสนใจ ณ ซอยนานาและบริเวณใกล้เคียง ที่คุณสามารถใช้เวลาพักผ่อนในวันอาทิตย์ซึมซับบรรยากาศของย่านเก่าและความฮิปร่วมสมัยนี้ได้อย่างเต็มที่
Wanderlust Coffee & Eatery
เพียง 100 เมตรจากทางเข้าซอยนานา จะพบกับคาเฟ่สไตล์โมเดิร์นอินดัสเทรียลลอฟต์ ที่ตกแต่งในโทนสีเทาเท่ๆ บริเวณชั้นสองขึ้นไปเป็นที่ตั้งของโฮสเทล 2W ซึ่งเราจะพบนักท่องเที่ยวเดินเข้าออกเป็นประจำ ร้านนี้โดดเด่นเรื่องความพิถีพิถันในการเลือกเมล็ดกาแฟที่นำมาใช้ทำเครื่องดื่ม เมนูอาหารเน้นเมลเบิร์นบรันช์ฟิวชันที่เชฟสร้างสรรค์เมนูขึ้นมา แต่ละวันจะมีเบเกอรี่หลายชนิดให้เลือกทานคู่กับกาแฟและเครื่องดื่มอื่นๆในร้านอย่างลงตัว เมนูเครื่องดื่มที่ลองแล้วประทับใจคือ Ready Cocoa (140 บาท) โกโก้ปั่นกับกล้วยแช่แข็ง โรยด้วยมะพร้าวคั่ว กราโนล่า และสตรอเบอรี่สด รสชาติเข้มข้นของโกโก้ถูกตัดด้วยรสเปรี้ยวหวานของสตรอเบอรี่เข้ากันเป็นอย่างดี
Chula Fashion Bangkok
Chula เป็นแบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงที่มีจุดกำเนิดมาจากความรักในวัฒนธรรมเวียดนามของเจ้าของชาวสเปนที่ได้ใช้ชีวิตในกรุงฮานอยมากว่า 14 ปี เสื้อผ้าส่วนใหญ่จึงทำมาจากผ้าไหมเวียดนามที่มีลวดลายและดีไซน์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความพิเศษคือแบรนด์นี้สนับสนุนการสร้างงานให้กับคนพิการ พนักงานจำนวน 75 เปอร์เซ็นต์ของทีมจึงเป็นผู้พิการทั้งสิ้น ปัจจุบันมี 5 สาขา ได้แก่ มาดริด, ฮานอย, ฮอยอัน, โฮจิมินห์ และกรุงเทพฯ ที่ซอยนานาแห่งนี้เอง
ร้านช้างค้าของเก่า
ร้านช้างค้าของเก่าเป็นร้านเล็กๆตั้งอยู่ตรงหัวมุมซอยนานาทางฝั่งถนนไมตรีจิตต์ ที่รับซื้อ-ขายของโบราณ ภายในร้านมีสินค้าน่าสนใจหลายประเภท เช่น ขวดแอลกอฮอล์ ชุดน้ำชา รูปปั้น โคมไฟ นาฬิกาไม้ ไห และพระพุทธรูป ซึ่งมีราคาแตกต่างกันปตามสภาพและอายุสินค้า ของบางอย่างไม่สามารถเห็นได้ทั่วไปแล้วในปัจจุบัน หากมีความสนใจในเรื่องของโบราณหรือของเก่าก็สามารถแวะเวียนไปชมของเก่า หรือนั่งพูดคุยกับเจ้าของร้านยามสายของวันอาทิตย์รอเวลาที่บาร์หรือคาเฟ่ในละแวกนั้นเปิดก็น่าสนใจดีไม่น้อย
103 Bed and Brews
อยากจิบกาแฟในบรรยากาศโรงน้ำชาที่มีกลิ่นอายของร้านขายยาสมุนไพรจีนแบบร่วมสมัยต้องลองแวะที่นี่ การคงโครงสร้างสถาปัตยกรรมเก่าแก่เอาไว้ แล้วปรับปรุงโดยสอดแทรกศิลปะสมัยใหม่เข้าไป เช่น คงช่องลมโบราณไว้ การใช้ประตูบานเฟี้ยม กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ และตกแต่งด้วยงานศิลปะกับกระด้งสมุนไพรจีน ทำให้คาเฟ่บวกโฮสเทลแห่งนี้มีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก เมนูอาหารที่ร้านเน้นอาหารไทย ขนมหวานมีทั้งเค้ก บราวนี่ มัฟฟิน ทาร์ต และครัวซองค์ จุดเด่นของเมนูเครื่องดื่มที่นี่คือ เป็นกาแฟสกัดเย็น (Cold Brew) กดจากแท็ปพร้อมเสิร์ฟ เราได้ลองดื่ม Unchan+Lemon Soda (100 บาท) น้ำอัญชันเลมอนโซดาสีม่วงสด มีรสเปรี้ยวสดชื่นเหมาะกับอากาศร้อนของเมืองไทยที่สุด
Scoopp
เดินจากซอยนานาประมาณ 350 เมตร มายังซอยสุกร 1 จะพบกับร้านไอศกรีมโฮมเมดสีเหลืองสดที่เปิดอยู่อย่างโดดเด่น ไอศกรีมที่ Scoopp เป็นสูตรโฮมเมดทั้งหมด ปัจจุบันมีมากกว่า 100 รสชาติ ในแต่ละวันจะเลือกมาใส่ตู้เพื่อจำหน่ายประมาณ 60 รสชาติ ราคาสกู๊ปละ 30 บาทเท่านั้น เช่น Milk & Brownie, Choco Banana, Banoffee, Marmalade, Melon ฯลฯ ส่วน Premium Ice Cream ราคาสกู๊ปละ 55 บาท เช่น Peach Yoghurt, Popcorn Cheese, Matcha Green Tea & Charcoal, Coffee Macchiato Walnut ฯลฯ ซึ่งจะมีการคิดค้นรสชาติใหม่ๆอยู่เสมอ ความเข้มข้นของรสชาติจากวัตถุดิบที่ใส่ไม่ยั้งมือ และราคาที่ไม่แพง ทำให้ร้านนี้มีลูกค้าทุกเพศทุกวัยเดินเข้าออกตลอดทั้งวัน
Onedaywallflowers Oldtown
จากร้านชาเก่าได้ถูกปรับปรุงและตกแต่งใหม่กลายเป็นร้านดอกไม้แสนสวยที่แฝงสไตล์อินดัสเทรียลดิบๆซ่อนตัวอยู่ในซอยนานา ที่ร้านจะเน้นดอกไม้ป่าและสมุนไพรหลากชนิด เมื่อนำกิ่งก้านและดอกไม้เหล่านั้นมาจัดช่อจึงออกมาสวยแปลกตากว่าที่เราเห็นโดยทั่วไป ทางร้านรับจัดดอกไม้เป็นช่อ ใส่ตระกร้า โดมแก้ว และอื่นๆอีกมากมาย มีราคาเริ่มต้น 1,500 บาท หากสนใจการจัดดอกไม้ก็สามารถเข้าร่วมคลาสเวิร์กช็อปแบบส่วนตัวได้ แต่ละคลาสมีราคาอยู่ที่ 7,000 - 15,000 บาท บริเวณชั้นสองเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ Nana Coffee Roasters และชั้นสามเป็นบาร์บนดาดฟ้า Wallflowers Upstairs คอนเซ็ปต์การตกแต่งร้านเหมือนกันทั้งหมดสามชั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะมาจัดดอกไม้แล้วเดินขึ้นไปจิบกาแฟ หรือค็อกเทลเย็นๆชั้นบน ก็จะได้บรรยากาศสบายๆในสวนดอกไม้ตลอดทาง
พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช
เดินจากซอยนานามาเป็นระยะทาง 450 เมตร จะพบกับวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหารที่เด่นป็นสง่าอยู่กลางเมือง ความน่าสนใจอยู่ที่บริเวณพระมหามณฑปชั้นสอง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าความเป็นมาของผู้คนในย่านเยาวราช ตั้งแต่สมัยชาวจีนได้หอบเสื่อผืนหมอนใบมาลงหลักปักฐานที่ย่านนี้ยุคแรก จนถึงความเป็นอยู่ของผู้คนในปัจจุบัน ด้านในมีห้องนิทรรศการทั้งหมด 6 ห้อง ที่นำเสนอข้อมูลได้อย่างชัดเจนและง่ายที่จะเข้าใจ ส่วนชั้นสามเป็นนิทรรศการพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรที่ประดิษฐานอยู่บนชั้นสี่ ณ วัดแห่งนี้ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนได้รับการบันทึกลงในกินเนสส์บุ๊กเลยทีเดียว สำหรับคนไทยสามารถเข้าชมได้ฟรี ลองใช้เวลายามบ่ายวันอาทิตย์ซึมซับเรื่องราวของชาวเยาวราชสักเล็กน้อยก็เป็นความคิดที่ดี
บ้านไมตรีจิตต์
ไม่ไกลจากซอยนานานัก ตรงหัวมุมแยกไมตรีจิตต์ เป็นที่ตั้งของร้านอาหารและบาร์ที่ดัดแปลงมาจากตึกเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่รัชกาลที่ 7 บ้านไมตรีจิตต์ดึงดูดสายตาตั้งแต่ตัวอาคารภายนอกที่เป็นสีขาว-ครีมในสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ปัจจุบันเปิดให้บริการเพียงชั้นหนึ่งและดาดฟ้า ส่วนชั้นสองและสามกำลังตกแต่งและจะเปิดให้บริการในเร็วๆนี้ เมนูอาหารเน้นอาหารไทยทานง่าย เช่น คอหมูพริกไทยดำ ไส้กรอกอีสาน เนื้อแดดเดียว เมนูที่ร้านแนะนำคือ ซี่โครงบรั่นดี (180 บาท) ซี่โครงอบในซอสบรั่นดีมีรสชาติเข้มข้นกำลังดี ไม่เค็มจัดจนเกินไป ที่นี่มีคราฟต์เบียร์ทั้งและต่างประเทศให้เลือกดื่มหลายชนิด หรือใครไม่ใช่คอเบียร์ก็ไวน์ ชา กาแฟอื่นๆให้เลือกดื่มได้อย่างครบครัน จิบเครื่องดื่มพร้อมมองภาพวิวแยกไมตรีจิตต์บนดาดฟ้าตอนเย็นๆก็น่าสนใจไม่น้อย
Píjiǔ Bar
Píjiǔ Bar (ผีจิ่วบาร์) ร้านคราฟต์เบียร์เล็กๆในบรรยากาศโรงเตี๊ยมจีนที่มีเสน่ห์ ด้วยการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่พิถีพิถัน เช่น การใช้โปสเตอร์โฆษณาเบียร์วินเทจ โทรศัพท์และตะเกียงโบราณ เก้าอี้และบาร์ไม้ ยังไม่รวมการทำป้ายบอกชื่อเบียร์ที่วางขายในแต่ละวันด้วยการเขียนเลียนแบบฟอนต์จีนที่น่าสนใจ เบียร์สดที่นี่มีจำนวน 7 แท็ป พร้อมคราฟต์เบียร์ขวดที่มีให้เลือกเต็มตู้กว่า 60 ชนิด ทั้งลาเกอร์ เอล ไอพีเอ ไซเดอร์ ฯลฯ นอกจากเบียร์แล้ว ที่ต้องลองให้ได้คือ เมนู China Town Cold Cut (เล็ก 190 บาท, ใหญ่ 300 บาท) คัดเลือดของเด็ดรสอร่อยจากเยาวราชมารวมไว้ในจานเดียว ทั้ง เป็ดรมควัน หมูรมควัน หมูแผ่น กุนเชียง และข้าวเกรียบ เข้ากันได้ดีกับเบียร์นุ่มๆรสเข้มอย่างดีเยี่ยม
Teens of Thailand
เมื่อเดินเรื่อยๆ ไปถึงกลางซอยนานา จะพบกับบาร์จินแห่งแรกของไทยที่ติดใน 50 อันดับบาร์ที่ดีที่สุดในเอเชียปี 2016 และได้รางวัลค็อกเทลบาร์ที่ดีที่สุดจาก The Bar Awards Bangkok 2017 อย่าง Teens of Thailand โดดเด่นตั้งแต่ประตูไม้ทึบตรงทางเข้าที่หากไม่รู้จักบาร์แห่งนี้มาก่อนต้องฉงนใจแน่ๆว่าคือร้านอะไร เมื่อเข้ามาด้านใน จะเห็นการตกแต่งแบบดิบๆ อย่างโปสเตอร์ภาพยนตร์เก่าๆ เทียน เปียโน นิตยสาร ในแสงไฟสีแดงสลัวๆ สำหรับเมนูค็อกเทลจะหมุนเวียนไปเรื่อยๆในแต่ละวัน แต่ยังคงใช้จินเป็นเบสอยู่ เพราะฉะนั้นเราจะได้ดื่มเครื่องดื่มใหม่ๆ อยู่เสมอทุกครั้งที่กลับมาเยือนบาร์แห่งนี้
Asia Today
ตรอกเล็กๆตรงข้าม Teens of Thailand เป็นที่ตั้งของบาร์รัมเล็กๆแต่มีความตั้งใจใหญ่อย่าง Asia Today ที่แนวคิดหลักคือความต้องการชูวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศไทยที่ใช้ในการปรุงค็อกเทลให้โดดเด่นไม่แพ้แอลกอฮอล์ ทำให้ที่นี่ได้รับความสนใจไม่น้อย การตกแต่งภายในร้านแตกต่างกันอย่างลงตัว ตั้งแต่ประตูหนีไฟตรงทางเข้า ป้ายไฟนีออนสีชมพูและแดงจ้า โปสเตอร์ภาพยนตร์ Pulp Fiction และโปสเตอร์วาบหวิวของสาวๆเรียงราย ที่ทำให้บาร์แห่งนี้มีเสน่ห์ เมนูค็อกเทลแนะนำจากบาร์เทนเดอร์คือ Collins (340 บาท) ที่ใช้เก๊กฮวยป่าจากเชียงรายเป็นจุดเด่น ผสมกับรัม มะนาว เวอร์มุธ ไข่ขาวและโซดา อีกเมนูหนึ่งคือ Khaoyai (360 บาท) ที่วัตถุดิบชูโรงคือน้ำผึ้งจากเขาใหญ่ นำมาผสมกับรัมและมะนาว ที่มีรสชาติหวานนุ่มกำลังดี
จานเล็กจานน้อย
ถึงแม้ร้านนี้จะปิดทำการวันอาทิตย์ แต่คาเฟ่จานเล็กจานน้อยดึงดูดให้เราสนใจได้ตั้งแต่หน้าประตู หากใครเป็นสาวกจานเซรามิกสวยๆทั้งมือ 1 และมือ 2 สภาพดี นำเข้ามาจากยุโรปและญี่ปุ่น ลองเดินจากซอยนานามาไม่ถึง 300 เมตร ก็จะเจอร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการตกแต่งร้านในโทนสีพาสเทล ลวดลายแพทเทิร์นน่ารักๆตามพื้น และชุดจานเซรามิกที่วางเรียงรายมากมาย แน่นอนว่าภาชนะที่ใช้เสิร์ฟเครื่องดื่มและขนมก็ต้องเป็นแก้วและจานเซรามิกลวดลายสวยงามที่เจ้าของร้านคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน เมนูเครื่องดื่มในร้านจะเน้นชา กาแฟไทยเป็นส่วนใหญ่ ลองดื่มชานมเย็น (60 บาท) ที่ไม่หวานจนเกินไป ทานคู่กับขนมปังปิ้งหลากท็อปปิ้ง (25-55 บาท) ก็อยู่ท้องสำหรับช่วงบ่ายแล้ว นอกจากนี้ยังมีแซนวิช และสโคนให้เลือกทานอีกด้วย
ร้านดั้งเดิมในย่าน
นอกจากร้านรวงที่เปิดใหม่ในซอยนานาแล้ว บริเวณโดยรอบของย่านเก่านี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะร้านต่างๆหลากสีสันที่แฝงตัวอยู่ตามตึกแถว หากสังเกตจะเห็นว่า ทั้งสิ้นค้า การจัดวาง และการตกแต่งร้านมีเอกลักษณ์และแตกต่างจากร้านโชห่วยที่เราเห็นกันชินตา เป็นสิ่งที่ทำให้ย่านเยาวราชยังสามารถดึงดูดผู้คนได้ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนก็ตาม ลองเดินตามถนนไปเรื่อยๆยามว่างในวันอาทิตย์ เพ่งมองสิ่งที่เราเคยมองข้ามทั้งสองข้างทาง จะทำให้ทุกคนเห็นเสน่ห์ของละแวกนี้อย่างที่เราเห็นอย่างแน่นอน
ไปสำรวจร้านรวงน่าสนใจที่แฝงตัวอยู่ตามตรอกซอยต่างๆ ในกรุงเทพฯ กันต่อวันอาทิตย์หน้า ณ ย่านสุดโปรดของเราตามลิงก์บทความของ Siam2nite ด้านล่างนี้ได้เลย!
- เที่ยวครบจบซอยใน 1 วันกับ #SundayWellSpent ซอยงามดูพลี!
- #SundayWellSpent ซอยร่วมฤดี ย่านเพลินจิตมีอะไรให้ทำภายใน 1 วันบ้าง?
- #SundayWellSpent ชวนเพื่อนไปตระเวนหาอะไรทำที่ซอยสวัสดี (สุขุมวิท 31) ในวันอาทิตย์กันดีกว่า!
- #SundayWellSpent ซอยสวนพลู-สาทร ย่านที่มีอะไรมากกว่าตลาดสด คอนโด และโรงแรม!
- #SundayWellSpent โกยความสุข 12 ชั่วโมงในวันอาทิตย์ ณ ซอย สุขุมวิท 49
- ซอกแซกย่านญี่ปุ่น ตุนความสุข ณ ซอยสุขุมวิท 33 กับ #SundayWellSpent
- #SundayWellSpent ย่านธุรกิจ ‘สาทร’ ซอย 10, 11 และ 12 มีอะไรให้ทำในวันอาทิตย์บ้าง?
- #SundayWellSpent ตะลอนย่านฮิปที่ซอยอารีย์
- #SundayWellSpent พักผ่อนร้านโน้น…นั่งชิลร้านนี้ ที่ซอยหลังสวน