ย้อนรอย 4 สถานที่รกร้างอันน่าสะพรึงในกรุงเทพมหานคร
สวรรค์ของนักท่องเที่ยวอย่างกรุงเทพฯ ดึงดูดผู้คนด้วยเสน่ห์ของผู้คน อาหาร บ้านเมืองและวิถีชีวิตแบบไทยๆ ที่ทำให้คนทั่วโลกหลั่งใหลเข้ามาเยือนสยามเมืองยิ้มอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ท้าทายใครต่อใครให้เข้าไปลองสัมผัสถึงแม้ว่ามันจะอันตราย และเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายมากขนาดไหนก็ไม่หวั่น นั่นคือ บรรดาสถานที่รกร้างที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร
ทุกสถานที่รกร้างต่างก็มีเรื่องราวเบื้องหลังที่อาจเรียกได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรม เพราะครั้งหนึ่ง สถานที่นั้นๆต่างก็เคยเป็นความหวังและความฝันของคนมากมาย แต่สุดท้ายกลับเหลือเพียงความผิดหวังและความโศกศร้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของเหล่าตึกอาคารรกร้าง จนเกือบเป็นแลนด์มาร์กของเมืองเลยก็ว่าได้
แม้ตึกอาคารเหล่านั้นจะดึงดูดให้เราไปเยือนสักแค่ไหน แต่การบุกรุกเข้าไปยังพื้นที่เขตหวงห้าม แน่นอนว่าเป็นการกระทำที่เสี่ยง เราจึงรวบรวม 4 สถานที่รกร้างในกรุงเทพมาให้ทุกคนได้สำรวจพื้นที่เหล่านั้นผ่านตัวอักษรและรูปภาพกันเลยที่นี่ ซึ่งรับรองว่าความน่ากลัวของเรื่องราวเบื้องหลังจะทำให้คุณตื่นเต้นเหมือนเราแน่นอน
ตึกสาทรยูนีค
ตึกร้างสูงเสียดฟ้าจำนวน 49 ชั้น ด้วยสถาปัตยกรรมแบบกรีก-โรมัน ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ใกล้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมวิวกรุงเทพมหานครอันสวยงามที่น่าตรึงตราตรึงใจแห่งนี้ เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ในประเทศไทยอย่างวิกฤตต้มยำกุ้งในปี พ.ศ. 2540 อาคารแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในชื่อ Ghost Tower นักท่องเที่ยวต่างก็ให้ความสนใจและเข้าไปสำรวจกันอยู่เนืองๆ ถึงแม้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปก็ตาม ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในปี พ.ศ.2560 ตึกถูกนำไปใช้เป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า-สยองขวัญเรื่อง เพื่อน…ที่ระลึก ทีมผู้สร้างเดียวกับเรื่องลัดดาแลนด์ ที่ทำออกมาได้หลอน และสั่นประสาทผู้ชม ตอกย้ำความน่ากลัวของสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
โครงการนี้เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2533 ด้วยเงินลงทุนทั้งหมดที่สูงถึง 1,800 ล้านบาท กับความตั้งใจสร้างสาทรยูนีคให้เป็นคอมเพล็กซ์ คอนโดมิเนียมสุดหรูใจกลางเมือง ในขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้อย่างสวยงาม ความฝัน และความตั้งใจของทุกฝ่าย เริ่มสะดุดลงในปี พ.ศ. 2536 เพราะ อ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ผู้เป็นเสาหลักและเจ้าของโครงการ ถูกตั้งข้อหาในคดีจ้างวานฆ่า ถึงแม้ในที่สุดศาลจะยกฟ้อง แต่ก็ส่งผลให้ขาดแคลนเงินทุนไปช่วงหนึ่ง เพราะสถาบันการเงินทั้งหลายต่างชะลอการปล่อยเงินกู้
เมื่อคดีความและทุกอย่างคลี่คลายก็เหมือนการดำเนินงานจะเรียบร้อยดี เพราะการก่อสร้างก็เสร็จไปแล้วถึง 80 เปอร์เซ็นต์ หากแต่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะอีกไม่กี่ปีถัดมากลับเจอก้อนหินก้อนใหญ่ยักษ์ที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดต้องล้มไม่เป็นท่า
ในปีพ.ศ. 2540 ประเทศไทยเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง หลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ทั้งประเทศประสบปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้น สถาบันการเงินทั้งหลายต้องปิดตัวลง โครงการก่อสร้างในกรุงเทพฯกว่า 300 อาคารถูกทิ้งร้าง ซึ่งอาคารสาทรยูนีคเป็นหนึ่งในอาคารที่ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างต่อให้เสร็จสมบูรณ์ได้ จนต้องปล่อยทิ้งร้างมากว่า 20 ปี
บ้างให้เหตุผลที่ทำให้ตึกสาทรยูนีคไม่สามารถก่อสร้างได้เสร็จ เป็นเพราะเงาตึกพาดทับบริเวณวัดยานนาวา ส่วนบริเวณที่ตั้งของอาคารอยู่ตรงข้ามวัด ซึ่งอาจมีแนวโน้มว่าเคยเป็นสุสานเก่ามาก่อน ถึงแม้จะยังไม่มีข้อเท็จจริงใดมาพิสูจน์ความเชื่อนี้ของชาวบ้านได้ แต่ก็ทำให้ชาวบ้าน คนงาน ฯลฯ รู้สึกหวั่นเกรงไม่น้อย
นอกจากนี้ ในปีพ.ศ. 2557 ก็ได้เกิดเรื่องราวน่าเศร้าสลดที่ทำให้ตึกร้างแห่งนี้ถูกพูดถึงอีกครั้งหนึ่ง เพราะช่างภาพชาวไทยบังเอิญไปพบศพชายชาวต่างชาติในอาคาร บริเวณห้องน้ำชั้น 43 หลังการตรวจสอบจากตำรวจจึงพบว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาวสวีเดนที่ฆ่าตัวตายโดยการแขวนคอ
ไม่เพียงแต่เรื่องราวที่เล่าขานกันมาทำให้ตึกร้างสาทรแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่เพราะบรรยากาศ วิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯที่ความสูงกว่า 185 เมตรจากพื้นดิน ทำให้สถานที่แห่งนี้มีเสน่ห์ไม่น้อยกว่าร้านอาหารหรือบาร์บนดาดฟ้าอื่นๆ ปัจจุบัน ตึกสาทรยูนีคมีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนามากขึ้น และยังไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในอาคารเช่นเดียวกับเมื่อก่อน
สุสานเครื่องบิน
หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของชาวต่างชาติแห่งใหม่ ที่โด่งดังจนออกข่าว มีรีวิวบนบล็อกต่างประเทศมากมาย และยกให้เป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือนในกรุงเทพฯ นั่นคือ Airplane Graveyard หรือสุสานเครื่องบิน ตั้งอยู่บริเวณซอยรามคำแหง 105 บรรดาคนที่มาสำรวจลานซากเครื่องบินแห่งนี้ส่วนใหญ่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมบริเวณดังกล่าวถึงมีเศษซากเครื่องบินทิ้งไว้ บ้างก็เดาว่าลานนี้เป็นจุดเกิดเหตุเครื่องบินตก บ้างก็บอกว่าเคยเจอผีในซากเครื่องบินตอนกลางคืน สิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะภาพความน่ากลัวทำให้สุสานเครื่องบินดึงดูดใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ประมาณ 5 ปีก่อน สถานที่แห่งนี้เคยเป็นลานเบียร์ชื่อ Runway Beer Festival ซึ่งเจ้าของได้นำเครื่องบินมาตั้งไว้เพื่อตกแต่งให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ โดยหวังว่าที่นี่จะกลายเป็นที่เที่ยวสุดฮิปแห่งใหม่ในกรุงเทพ แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลังจากเปิดได้ไม่นานนักก็ต้องปิดตัวลง และปล่อยพื้นที่ให้รกร้างว่างเปล่าอย่างนี้
บริเวณลานเป็นที่ตั้งของชิ้นส่วนเครื่องบิน โบอิ้ง 747 และ MD-82 ของสายการบินวันทูโก (One Two Go) เป็นสายการบินราคาประหยัดแห่งแรกของประเทศไทยโดยสายการบินโอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์ (Orient Thai Airlines) ซึ่งเปิดให้บริการเป็นระยะเวลาเพียง 7-8 ปีเท่านั้น เพราะสายการบินวันทูโกประสบกับวิกฤตหลังเหตุเครื่องบินตกในปี พ.ศ. 2550 ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศรู้สึกเสียใจและช็อกไปตามๆกัน
โศกนาฏกรรมนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 กับเที่ยวบิน OG269 กรุงเทพ-ภูเก็ต ที่นำเครื่องบินรุ่น MD-82 ขึ้นทะยานสู่ฟ้าพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 130 คน ในวันนั้นฝนตกหนักมาก จนทำให้ทัศนวิสัยด้านการบินไม่ดีเท่าไรนัก และทันทีที่ล้อถึงพื้น เครื่องบินก็เสียการทรงตัวจนไถลออกนอกรันเวย์ไปชนกับกำแพงดิน เกิดระเบิดถึง 2 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 90 คน เป็นชาวไทย 32 คน และชาวต่างชาติ 58 คน เมื่อตรวจสอบ ทำให้พบข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้เป็นผลจากสภาพอากาศหรือเครื่องบินแต่อย่างใด กลับเป็นความผิดพลาดขององค์กรที่ฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เพื่อความปลอดภัยที่กรมการขนส่งทางอากาศกำหนด โดยการใช้นักบินมากเกินไปจนพักผ่อนไม่เพียงพอนั่นเอง
ห้างนิวเวิลด์
บริเวณย่านบางลำภู ไม่ไกลจากถนนข้าวสารเท่าไรนัก มีอาคารแห่งหนึ่งที่ภายนอกดูเหมือนตึกรกร้างขนาดใหญ่ทั่วไป แต่ภายในกลับมีแอ่งน้ำพร้อมปลาหลายสายพันธ์ุนับพันตัวแหวกว่ายอยู่ ซึ่งอดีตห้างนิวเวิลด์แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น‘วังมัจฉา’ กลางกรุง ที่ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต้องแอบเข้าไปสำรวจดูสักครั้ง
ห้างนิวเวิลด์เปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2527 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เพราะเป็นห้างใหญ่แห่งแรกในย่านนี้ มีสินค้าหลากหลายและโดดเด่นด้วยลิฟต์แก้วหน้าห้าง แต่จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมมาจากการดำเนินการก่อสร้างตึกอย่างผิดกฎหมาย ที่ตัดสินใจโดยแก้ว ผูกทวนทอง และคณะผู้บริหาร เริ่มจากความหวังที่จะเป็นเจ้าแห่งห้างสรรพสินค้าของไทย แก้วและคณะได้ดำเนินการก่อสร้างห้างนิวเวิลด์จำนวนทั้งสิ้น 11 ชั้น ทั้งๆที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคาร 4 ชั้น โดยเขาวางแผนจะขออนุญาตต่อเติมชั้น 5-11 ในอนาคต หากแต่ยังไม่ทันสร้างชั้นที่เหลือเสร็จดี เขาได้รับคำสั่งศาลให้รื้อถอน เพราะต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตและก่อสร้างอาคารผิดแบบ แต่ก็ได้ประวิงเวลารื้อถอนและเป็นคดีนานนับสิบปี
ขณะนั้น ถึงแม้มีการดำเนินการรื้อถอนชั้น 5-11 อยู่ แต่ห้างนิวเวิลด์ก็ยังเปิดให้บริการชั้น 1-4 ตามปกติ จนกระทั่งในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2547 อาคารรับนำ้หนักเศษวัสดุต่างๆที่ช่างก่อสร้างได้รื้อถอนออกมาไม่ไหว จนตึกถล่มลงส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 6 รายและเสียชีวิตในเวลาถัดมาอีก 1 ราย
แล้วห้างร้างกลายมาเป็นวังมัจฉาได้อย่างไร… จุดเริ่มต้นมาจากใต้ซากตึกมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำเพราะฝนตก เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุง ชาวบ้านละแวกนั้นจึงนำปลาไปปล่อยเพื่อให้กินลูกน้ำ พร้อมทั้งให้อาหารจนปลาขยายพันธุ์และเติบโต กลายเป็นบ่อปลายักษ์ที่มีทั้งปลาหางนกยูง ปลาคาร์พ ปลาทับทิม ปลาดุก และอื่นๆอีกมากมายนับสามพันตัว
ปัจจุบันไม่สามารถเข้าเยี่ยมชมห้างร้างแห่งนี้ได้อีกต่อไป เพราะสำนักงานเขตพระนครได้ประกาศปิดตึกร้างอย่างเป็นทางการ และได้ขนย้ายปลาทั้งหมดไปอนุบาลเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติทั้งหมดแล้วเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2558
ตึกไทยฟา กรุ๊ป
หากเคยเดินทางไปแถวเซ็นทรัลบางนา จะเห็นตึกสูงระฟ้าจำนวน 32 ชั้นปราศจากผนัง ตั้งตระหง่านอยู่ริมถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ที่ให้ความรู้สึกชวนขนหัวลุกก่อนที่จะได้ทราบเรื่องราวเบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในอาคารแห่งนี้อีกก็ว่าได้ ซึ่งตึกไทยฟา กรุ๊ป เป็นอีกหนึ่งผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี พ.ศ. 2540 ที่คนไทยไม่เคยลืม
ถึงแม้ในปี พ.ศ. 2552 บริษัทไทยฟา กรุ๊ปถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อาคารแห่งนี้จึงตกอยู่ในความดูแลของบุคคลอื่น แต่ก็ปราศจากการปรับปรุงหรือพัฒนาตัวอาคารอย่างสิ้นเชิง เป็นระยะเวลาถึง 20 ปีที่ตึกไทยฟา กรุ๊ปรกร้างจนกลายเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยเรื่องราวสุดสยอง โดยหลายแห่งอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตในตึกไทยฟา กรุ๊ปมากถึง 5 ศพ ทั้งฆ่าตัวตายและถูกฆาตกรรม
เมื่อปี พ.ศ. 2555 มีถึง 2 เหตุการณ์น่าเศร้าเกิดขึ้น ในเดือนเมษายนมีชาวต่างชาติใช้สายยางผูกคอตายบริเวณชั้นดาดฟ้า เจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายอาจเครียดจากการถูกแฟนสาวทิ้ง เพราะพบรูปถ่ายหญิงสาวคนหนึ่งในกระเป๋าสตางค์พร้อมข้อความบอกลาบนกำแพงตรงช่องบันไดว่า ‘Try to remember what was good, sorry is not enough’ และในเดือนสิงหาคม พบชายวัยกลางคนถูกฆาตกรรมบนชั้น 30 โดยถูกมัดมือมัดเท้าเสียชีวิตอยู่ในห้องควบคุมไฟ คาดว่าถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิต และอีก 3 ศพก่อนหน้านี้ เป็นเหตุกระโดดตึกทั้งหมด
ปัจจุบัน ตึกไทยฟา กรุ๊ปไม่ได้เป็นสถานที่รกร้างอีกต่อไปแล้ว เพราะเมื่อปี พ.ศ. 2560 มีกลุ่มทุนจากประเทศจีน บริษัท ไท่ฮั่งไท่ กรุ๊ปมาซื้อต่อเพื่อพัฒนาโครงการเป็นอาคารสำนักงานต่อไป