6 เหตุผลที่ทำให้คุณต้องไป Wonderfruit Festival
มีเพื่อนคุณคนไหนมีท่าทีอยากชวนคุณไป “Music Festival” อีกแล้วบ้างใหม? ถ้าคุณเป็นเหมือนเราคุณอาจรู้สึกเหนื่อยที่จะต้องไปเผชิญกับเพลงดังๆ หรือ ควันไฟที่พ่นใส่หน้าคุณ เราเชื่อว่ามีจุดๆ นึงในชีวิตที่ความตื่นเต้นที่มากับการไปเที่ยวมิวสิคเฟสติวัล แบบเดิมๆ มักค่อยๆเลือนลางจางหายไป การเต้นแบบไม่ลืมหูลืมตา พอทำบ่อยเข้าใครก็เหนื่อยได้ ซึ่งถ้าคุณบอกเพื่อนคุณที่ชวนไปทำแบบนั้นอีกว่าขอบาย เราก็พอจะเข้าใจได้
การนอนไม่ทำอะไรอยู่บ้านบางทีก็เป็นเรื่องดี แต่ในทางกลับกันการนอนและไม่ทำอะไรเลย ไม่สามารถสร้างความทรงจำดีๆ ทีจะเก็บเอาไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น แทนที่จะนอนเกางพุงอยู่บ้าน ระหว่างวันที่ 17-20 ธันวาคม 2015 ผู้จัดงาน Wonderfruit Festival ได้กลับมาอีกครั้ง เพื่อคนที่รักความอิสระเสรี ให้ได้มีโอกาสกลับไปเยือนพื้นที่เขียวขจี ณ สยาม คันทรี่ คลับ พัทยา ที่ถูกแปลงโฉมให้กลายเป็น เมืองเล็กๆ พร้อมจัดกิจกรรมหลากหลาย ไว้รอต้อนรับคุณอยู่และนี่คือ 6 เหตุผลที่ทำให้คุณไม่ควรพลาดงานที่จัดขึ้นถึง 4 วันเต็มๆ
1. ศิลปะนั้นมีอยู่ทั่วไปจริงๆ
สิ่งที่ทำให้ Wonderfruit Festival แต กต่างไปจากเฟสติวัลในประเทศไทยอันอื่นๆ คือที่งาน Wonderfruit ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่นั้นไม่ได้มาเพื่อดนตรีอย่างเดียว แต่เป็นการมาเพื่อเพลิดเพลินไปกับความเป็น Lifestyle Festival ที่มีครบทุกรสชาติ คุณอาจพบว่าอยากจะไปชมศิลปะที่ถูกนำมาแสดงใน Moonlander อย่างมีประสิทธิภาพ หรือเดินชมสถาปัตยกรรมที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอย่างเช่น the Ziggurat ซึ่งเป็นที่พักผ่อนสำหรับชาว Wonderfruit ถูกตกแต่งด้วยชิ้นส่วนเบียร์เก่าๆ แต่ยังไรก็ตาม ไม่ว่าคุณเลือกที่จะดื่มด่ำไปกับโชว์ หรือ ชนแก้วกับเพื่อนใหม่ ๆ สิ่งที่คุณจะพบที่ Wonderfruit นั้นก็คือศิลปะที่มีอยู่ทั่วไปจริง ๆ
2. ดนตรีคือกวีที่มีทำนอง
ไม่ว่าคุณจะเลือกอยู่เวทีไหน The Quarry, the Living Stage หรือเวทีอื่นๆ Wonderfruit Festival สามารถตอบโจทย์ด้านดนตรีของคุณได้อย่างแน่นอนเพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับมัน แต่ละเวทีในบริเวณงานมีศิลปินมากมายหลายชีวิต คุณจึงมั่นใจได้เลยว่าจะได้พบกับสิ่งที่กำลังมองหา ไม่ว่าจะเป็น ศิลปินจากต่างประเทศ เช่น Yasiin Bey (หลายคนอาจจะรู้จักเขาในนามของ Mos Def) หรือ กลุ่มวงตนตรีมาแรงอย่าง Polycat เรียกได้ว่าศิลปินทุกชีวิตที่มาร่วมงานนั้นสามารถตอบสนองรสนิยมทางการฟังเพลงของทุกคนไม่ว่าจะเป็นแนวไหน เมื่อคิดดูแล้ว คุณก็อาจมีโอกาศได้ค้นพบดนตรีแนวใหม่ในบรรยากาศสุดเก๋ของงาน Wonderfruit นี่เอง
3. อาหารอร่อยๆท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศโรแมนติก
พวกเราทุกคนคงจะพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเราชอบทานอาหารอร่อยๆ ภายใต้บรรยากาศดีๆ และก็คง มีไม่บ่อยครั้งที่คุณจะได้พบเจอกับพ่อครัวระดับแนวหน้าของประเทศไทยมาเก็บผักในสวน และนำมาล้างเพื่อเตรียมทำอาหารให้คุณได้ลิ้มลอง โดย Wonderfruit ได้นำพ่อครัวจากร้านชื่อดังอาธิเช่น Bo.lan, Err และ Gaggan มาจับคู่กับกลุ่มไทยแลนด์ยังฟาร์มเมอร์ เพื่อสร้าง Wonder Feast ให้กับผู้คนที่อยากลิ้มรส เมนูเด็ด จากพ่อครัวทั้งหลาย พร้อมจิบไวน์ หรือลองคอกเทลจาก Shingo Gokan mixologist ชื่อดัง แต่อย่าลืม งานนี้ต้องมีการจองก่อนเนื่องจากพื้นที่มีจำนวนจำกัด
4. ไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ดี ฟังเสียงหัวใจและจิตวิญญาณของคุณ
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของงานนั้นก็คือ Wonderfruit เป็นงานที่มีกิจกรรมเพื่อเด็กๆ ลูก หลาน หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงแสนรัก (ถ้าคุณมี Pet Pass) ทำให้ในขณะที่คุณและเพื่อนเตรียมพร้อมปลุกจิตวิญญาณ เพื่อเพิ่มพลังบวกในตัวคุณอยู่ที่ The Healing Village ลูกหลานของคุณสามารถไปสนุกกับการฝึกโยคะสำหรับเด็กหรือไปดิสโก้สำหรับเด็กที่ Camp Wonder ซึ่งทาง Wonderfruit มีบริการพี่เลี้ยงที่จะมาคอยดูแลเด็กๆ เพื่อให้คุณได้มีเวลาส่วนตัว ไปร่วมกิจกรรมอื่นๆสำหรับผู้ใหญ่ได้
5. พบปะพูดคุยและร่วมเวิร์คชอปที่น่าสนใจ
หลังจากที่คุณได้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสุขภาพทั้งหลายแล้ว มาร่วมผ่อนคลายและเพิ่มเติมความรู้โดยการฟังบรรยายจากบุคคลที่น่าสนใจอย่างเช่น Howie B (โฮวี่ บี) โปรดิวเซอร์ชื่อดังที่เคยร่วมทำงานเพลงกับวงระดับโลกอย่าง U2 มาเล่าเรื่องการทำดีคืนสู่สังคม และที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กันคือ workshop “Guided partner massage and meditation” หรือ workshop ทำ “Indigo dye mat” ไม่ว่าคุณจะสนใจเข้าฟังการบรรยายหรือทำ workshop เราเชื่อมั่นว่าทุกๆวันในงาน Wonderfruit คุณจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
6. ผจญภัยท่ามกลางธรรมชาติ พื้นที่แห่งความสนุก
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ถ้ากิจกรรมเพื่อสุขภาพและ workshop ในงาน Wonderfruit จะยังไม่ค่อยถูกใจ คุณก็สามารถไปร่วมทำกิจกรรมลุยๆที่มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การว่ายน้ำในสระอันสุดชิคในไสตล์ของ Wonderfruit ที่ถูกออกแบบมาพิเศษสำหรับงาน ปั่นจักรยานชมวิว หรือ วิ่งออกกำลัยกายรอบๆงานเพื่อสำรวจดูว่ามีอะไรอีกที่คุณไม่อยากพลาด ไม่ว่าคุณตั้งใจจะมาชิวๆหรือตั้งใจมาแบบเอาจริงเอาจัง กิจกรรมทั้งหมดในงานถูกสร้างสรรมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ
จริง ๆ แล้วประสบการณ์ที่คุณจะได้รับจากการไปงาน Wonderfruit Festival คงจะไม่สามารถถูกบรรยายได้โดยใช้คำพูดอย่างเดียว เราแนะนำว่าให้คุณไปที่งานด้วยตัวเอง ซึ่งอยู่ไม่เกิน1ชั่วโมงครึ่งจากกรุงเทพ นี่แหละคืองานที่คู่ควรกับการลากเพื่อนหรือพาครอบครัวไปเจออะไรแปลกใหม่ด้วยกัน บัตรเข้างาน สามารถหาซื้อได้บนเว็บไซต์ของ Wonderfruit Festival