น่าซื้อ! 7 กล้อง Instant ถ่ายปุ๊บได้ปั๊บ จับภาพความทรงจำ 2020
แนะนำกล้องจาก Polaroid, Fujifilm, Leica, Kodak และ Lomography จะมีตัวไหนตรงใจบ้าง ไปดูกัน!
ในขณะที่โลกกำลังหมุนไปพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกสบายของมนุษย์ มีคนจำนวนไม่น้อยที่หวนนึงถึงเสน่ห์ความเรียบง่ายแต่ซับซ้อนของสิ่งต่างๆ ในอดีต เราจึงเห็นว่าอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยก่อนอย่าง เครื่องเล่นแผ่นเสียงหรือกล้องฟิล์ม กลับมาเป็นกระแสและได้รับความนิยมอีกครั้งในปัจจุบัน
กล้องอินสแสตนท์ (Instant Camera) หรือที่หลายคนเรียกติดปากกว่ากล้องโพลารอยด์ (Polaroid) ตามชื่อบริษัทผู้คิดค้นและผลิตกล้องชนิดถ่ายปุ๊บได้รูปปั๊บตัวนี้เป็นเจ้าแรก ก็กลับมามีบทบาทในวงการถ่ายภาพอีกครั้งเช่นกัน เมื่อบริษัทกล้องหลายเจ้าต่างก็ลงสนามร่วมผลิตกล้องอินสแตนท์หลากดีไซน์มาเป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ ได้ช็อปปิ้งกันอย่างสนุกสนาน
นอกจากความคลาสสิกแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่กล้องชนิดนี้ยังครองพื้นที่ในจิตใจของคนทั่วไป เป็นเพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีสกิลการถ่ายภาพเหมือนช่างมืออาชีพ ก็สามารถบันทึกเรื่องราว ณ สถานที่หรือเหตุการณ์ต่างๆ ได้ง่ายดายในคลิกเดียว แถมยังได้รูปแบบฮาร์ดก็อบปี้มาเก็บไว้อีกด้วย
เราจึงขอแนะนำกล้องอินสแตนท์ 7 รุ่น ที่น่ามีไว้ในครอบครอง เพื่อสแนปภาพความทรงจำดีๆ ที่ทุกคนกำลังมีในปี 2020 นี้! (ไม่เรียงลำดับ)
Polaroid 600 Camera
รุ่นนี้เป็นซีรีส์กล้องวินเทจจากโพลารอยด์ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ยุค 80 จนถึงต้นปี 2000 โดยเป็นหนึ่งในกล้องเรือธงของแบรนด์เลยก็ว่าได้ ซึ่ง Polaroid 600 Camera ที่ขายอยู่ ณ ปัจจุบัน ส่วนใหญ่คือกล้องโบราณ ที่ผู้เชี่ยวชาญของโพลารอยด์นำมาแยกชิ้นส่วน ทำความสะอาด ดีไซน์ใหม่ และปรับปรุงให้พร้อมใช้งานได้ตามปกติ (แน่นอนว่าไม่มีสต๊อกสินค้าเยอะ และเป็นกล้องลิมิเต็ดทั้งนั้น)
นอกจากเสน่ห์ความคลาสสิกที่ไม่มีกล้องอินสแตนท์ตัวไหนเหมือนแล้ว ความน่าสนใจอยู่ที่ฟีเจอร์ของกล้องแต่ละตัวในซีรีส์ 600 ก็แตกต่างกันไปอีกด้วย
เช่น รุ่น Sun 660 Autofocus (รูปบน) มีระบบ Sonar Autofocus ในขณะที่รุ่น Barbie (รูปล่างซ้าย) มีเลนส์ Fixed Focus พร้อมเลนส์ Close-up ส่วนรุ่น Pop Deco Editions (รูปล่างขวา) มีเพียงเลนส์ Fixed Focus เท่านั้น แต่ทุกรุ่นมีระบบแฟลชอัตโนมัติ และโหมดปรับความมืด-สว่าง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะถ่ายรูปยากกว่ากล้องรุ่นใหม่
สำหรับฟิล์มที่ใช้ เป็นฟิล์มจากโพลารอยด์รุ่น 600 Film โดยมีให้เลือกซื้อทั้งภาพสีและขาวดำ ขอบขาวทั่วไป หรือรุ่นพิเศษที่ขอบมีลวดลายต่างๆ สุดน่ารัก มีขนาด 4.233 x 3.483 นิ้ว และใช้เวลา Develop จนภาพสมบูรณ์ประมาณ 15 นาที
Fujifilm Instax Wide 300
กล้องอินสแตนท์จากฟูจิรุ่น instax Wide เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2000 โดยรุ่น Wide 300 นี้ เป็นตัวที่ถูกนำมาดีไซน์ใหม่และเริ่มวางขายเมื่อช่วงปลายปี 2014 โดยผลิตออกมาเพียงแค่ 1 รุ่น 1 สีเท่านั้น คือ สีเงิน-ดำ อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน
จุดเด่นของกล้องอยู่ที่การใช้ฟิล์มขนาด 4.3 x 3.4 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าฟิล์ม instax mini ถึงสองเท่า จึงเหมาะกับการใช้เก็บภาพกลุ่มในปาร์ตี้หรืออีเวนต์ต่างๆ มาพร้อมเลนส์ Close-up ที่สามารถถ่ายภาพวัตถุใกล้มากถึง 40 ซม. (แค่ยืดแขนก็สามารถเซลฟี่ได้สบายๆ)
รวมถึงปรับมอเตอร์โฟกัสเพื่อถ่ายภาพระยะปกติและภาพ Landscape ได้ มีแฟลชอัตโนมัติเพื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อย โดยกล้องจะคำนวนระดับความมืด-สว่างให้ตามระยะห่างจากกล้องถึงวัตถุ หมายความว่าถึงแม้จะไม่มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ ก็สามารถถ่ายภาพสวยๆ ได้ง่ายดาย
ส่วนฟิล์มที่ใช้สำหรับกล้องรุ่นนี้มี 2 ชนิดเท่านั้น ได้แก่ instax Wide รุ่น White เป็นภาพสี ขอบขาว และรุ่น Monochrome เป็นภาพขาว-ดำ ซึ่งใช้เวลา Develop จนภาพสมบูรณ์ประมาณ 10 นาที
Leica Sofort
กล้องอินสแตนท์ตัวแรกจากไลก้า แบรนด์กล้องไฮเอนสัญชาติเยอรมันที่เราเชื่อว่าคนเล่นกล้องอยากได้มาไว้ในครอบครองกันถ้วนหน้า โดย Laica Sofort เป็นรุ่นที่มีราคาจับต้องได้ (ไม่แตะหลักแสนเฉกเช่นรุ่นอื่น) ดีไซน์กล้องมีความโมเดิร์นคลาสสิกในรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส พร้อมหลากสีสันให้เลือกจับจองตามความต้องการ ได้แก่ ดำ ส้มอมเหลือง แดง ขาว และเขียวมินต์
คุณสมบัติของกล้องรุ่นนี้ อย่างแรกคือ โหมดการถ่ายภาพที่ครอบคลุมทุกประเภทการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Automatic, Party & People, Sports & Action, Macro, Multiple Exposures, Time Exposures, Self-portraits และ Self-timer
ซึ่งมาพร้อมระบบ Manual Focus จำนวน 3 ระยะ ตั้งแต่ Macro ที่สามารถถ่ายภาพวัตถุได้ใกล้ที่สุดถึง 30 ซม. ไปจนถึงระยะไกล 3 เมตรเป็นต้นไป (ไม่ว่าจะถ่ายเซลฟี่หรือแลนด์สเคป Leica Sofort ก็สามารถเกบได้หมด) กล้องมีแฟลชในตัว รวมถึงปุ่มปรับความมืด-สว่างของภาพ ได้ตามที่ผู้ถ่ายต้องการ
ไลก้าผลิตฟิล์มอินสแตนท์สำหรับใช้กับกล้องรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยมีขนาดเท่ากับ instax Mini ของฟูจิ ประมาณ 1.8 x 2.4 นิ้ว โดยฟิล์มสีราคากล่องละ 500 บาท/10 แผ่น ฟิล์มขาวดำกล่องละ 600 บาท/10 แผ่น (สามารถซื้อได้ที่ Leica Store Bangkok ที่ Gaysorn Village เท่านั้น) แต่หากไม่สะดวกไปซื้อที่ช็อป ก็สามารถใช้ฟิล์มรุ่นมินิของฟูจิได้เช่นกัน
Kodak Smile: Instant Print Digital Camera
กล้องรุ่นนี้เป็นกล้องดิจิทัลปรินต์ได้ ที่นำเสนอความสะดวกสบายและทันสมัยมากกว่าภาพความคลาสสิกแบบกล้องอินสแตนท์ที่เรารู้จัก โดย Kodak Smile: Instant Print Digital Camera พึ่งเปิดตัวที่งานแสดงนวัตกรรม CES (Consumer Electronics Show) ในลาสเวกัสเมื่อปี 2019
ตัวกล้องมีขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับการพกพาเป็นอย่างมาก ซึ่งทางโกดักได้ผลิตออกมาถึง 5 สี ให้ทุกคนได้เลือกช็อปสีโปรดกันอย่างเต็มที่ ได้แก่ เขียว ดำ น้ำเงิน ขาว และแดง
ส่วนฟีเจอร์เด่นๆ อย่างแรกคือความคมชัดของภาพสูงสุดถึง 10 ล้านพิกเซล มาพร้อมแฟลชอัตโนมัติ และโหมดตั้งเวลาถ่ายรูป สามารถแต่งรูปในตัวกล้องได้เลย อาทิ ใส่ขอบ ใส่ฟิลเตอร์สี โฟโต้บูท ฯลฯ โดยดูผ่านจอแสดงผล LCD ก่อนสั่งพิมพ์ภาพ แถมยังสามารถใส่การ์ด MicroSD เพื่อบันทึกช่วงเวลาสำคัญไว้ปรินต์ออกมาทีหลังได้อีกด้วย
กล้องรุ่นนี้ใช้กระดาษสำหรับปรินต์ภาพแทนฟิล์มทั่วไป โดยโกดักผลิตออกมาในชื่อ Zink มีขนาด 2x3 นิ้ว ซึ่งเป็นกระดาษไร้ขอบ และสามารถลอกสติกเกอร์ด้านหลังออกเพื่อไปติดวัตถุต่างๆ ตามใจชอบได้ นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Zero Ink ในการปรินต์ ภาพจึงมีความคมชัดและมีสีสดมากกว่าภาพจากฟิล์มอินสแตนท์ทั่วไป
Polaroid OneStep 2
รุ่นนี้เป็นกล้องอินสแตนท์ที่โพลารอยด์ผลิตขึ้นมาใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากกล้องรุ่นยอดฮิตจากปี 1977 อย่าง OneStep โดยการออกแบบรุ่นที่ผสานความคลาสสิกเข้ากับความร่วมสมัย รูปทรงสีเหลี่ยมจับถนัดมือ และมีให้เลือกหลากสี ได้แก่ สีขาว แดง มินต์ เทาเข้ม ชมพูคอรัล และฟ้า
สำหรับคุณสมบัติของ OneStep 2 นั้น เริ่มจากตัวเลนส์ เป็นเลนส์ฟิกซ์ที่สามารถถ่ายวัตถุได้ตั้งแต่ระยะ 2 ฟุตขึ้นไป ตัวกล้องบรรจุแบตเตอรี่ที่ชาร์จซ้ำด้วยสาย USB ได้ ซึ่งการชาร์จหนึ่งครั้งสามารถอยู่ได้นานถึง 60 วัน มาพร้อมแฟลชอัตโนมัติ และระบบตั้งเวลาถ่ายภาพ
ถึงแม้กล้องรุ่นนี้จะไม่มีโหมดการถ่ายภาพหลายระยะหรือคำนวนแสงอัตโนมัติมากเท่ากล้องอินสแตนท์จากค่ายอื่น แต่ความไม่ซับซ้อนนี้เองที่ทำให้คนทุกเพศทุกวัย รวมถึงเด็กๆ ก็สามารถสนุกสนานกับการถ่ายภาพได้ เพียงแค่คลิกและรอภาพไหลออกมาเท่านั้น
Polaroid OneStep 2 สามารถใช้ฟิล์มจากโพลารอยด์ได้ 2 รุ่น ได้แก่ i-Type Film และ 600 Film โดยมีให้เลือกซื้อหลายสีหลายลายขอบ มีขนาด 4.233 x 3.483 นิ้วเท่ากัน ความแตกต่างอยู่ที่ ฟิล์มรุ่น i-Type ไม่มีแบตเตอรี่ในตัวอย่างรุ่นอื่นๆ เพราะการ Develop รูปภาพจะใช้แบตฯ จากตัวกล้องแทนนั่นเอง (เท่ากับราคาของฟิล์มถูกลงด้วย!)
Fujifilm instax Square SQ6
กล้องอินสแตนท์จากฟูจิที่มีฟอร์แมตรูปขนาด 1:1 ตัวแรก พึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2018 โดยตัวกล้องถูกออกแบบให้มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส พร้อมดีไซน์สุดโมเดิร์นที่ให้ความรู้สึกทันสมัย เรียกได้ว่าเป็นกล้องไฮบริดเพราะนำเสน่ห์ของกล้องฟิล์มอินสแตนท์มาผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัล จึงเป็นกล้องที่ใช้งานง่าย
ฟีเจอร์หลักของกล้อง Fujifilm instax Square SQ6 มีการใช้เลนส์แบบยืด-หดอัตโนมัติ (Retractable) มีระบบจับเวลาถ่ายภาพ พร้อมแฟลชในตัว สามารถเลือกเปิด-ปิดได้ กล้องปรับโฟกัสด้วยมอเตอร์ มีทั้งหมด 3 ระยะด้วยกันคือ Macro, Normal และ Landscape
สำหรับโหมดการถ่ายภาพเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานประเภทต่างๆ กล้องรุ่นนี้มีทั้งหมด 6 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Automatic Exposure Control, Selfie, Macro, Landscape, Double Exposure และ Light/Dark ซึ่งปัจจุบันวางจำหน่ายทั้งหมด 5 สีด้วยกันคือ เทาเข้ม ฟ้า โรสโกลด์ แดง และขาว
ทางฟูจิออกฟิล์มรุ่นใหม่ เพื่อใช้กับ Fujifilm instax Square SQ6 โดยเฉพาะ ในชื่อฟิล์ม instax Square ซึ่งเป็นภาพที่มีสัดส่วน 1:1 หรือจัตุรัส (แต่ขนาดฟิล์มคือ 2.83 x 3.37 นิ้ว) โดยตอนนี้มีรูปสีเท่านั้น ส่วนกรอบฟิล์มมีให้เลือกจำนวน 4 ลาย ได้แก่ ขาวล้วน ดำล้วน ลายหินอ่อน และลายดาวบนท้องฟ้า ซึ่งฟิล์มชนิดนี้ใช้เวลา Develop ประมาณ 90 วินาที
Lomography Lomo’Instant Square Glass Combo
กล้องฟิล์มอินสแตนท์ระบบอะนาล็อกจาก Lomography ตัวแรกที่เป็นระบบ Dual-Format ที่สามารถใช้ฟิล์มได้ 2 ขนาดในกล้องเดียว โดยใช้ได้ทั้งฟิล์มของฟูจิรุ่น instax Square ( 2.83 x 3.37 นิ้ว) และ instax Mini (1.8 x 2.4 นิ้ว) เพียงแค่เปลี่ยนฝาหลังกล้องเท่านั้น ซึ่งเพอร์เฟคสำหรับคนที่อยากถ่ายภาพทั้งสองขนาดแต่ไม่อยากซื้อกล้องสองตัวเป็นอย่างมาก
ถึงแม้จะเป็นระบบอะนาล็อก แต่ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่โลโม่ฯ ใส่มาก็มากพอที่จะอำนวยความสะดวกในการถ่ายภาพให้กับทุกคนได้ อาทิ Auto Mode ที่คำนวนชัตเตอร์สปีด ความสว่าง การใช้แฟลชให้อัตโนมัติ มีโหมดจับเวลาการถ่ายภาพ โหมดถ่ายภาพระยะไกล โหมด Multiple Exposure และ Long Exposure
ส่วนเลนส์ที่ตัวกล้องเป็นเลนส์กระจกชนิด Portrait ที่สามารถถ่ายวัตถุได้ในระยะใกล้สุด 50 ซม. มีระยะโฟกัสจำนวน 3 ระยะด้วยกัน และมาพร้อมรีโมตคอนโทรลสำหรับกดชัตเตอร์ระยะไกลอีกด้วย
ตัวกล้อง Lomo’Instant Square Glass Combo มีวัสดุเป็นพลาสติก มีน้ำหนักเบา แม้ตัวกล้องจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ส่วนการดีไซน์สุดคลาสสิกหน้าตาสุดวินเทจให้ความรู้สึกราวกับถือกล้องโบราณสักตัว ซึ่งทาง Lomography ผลิตกล้องสำหรับเซ็ตคอมโบออกมาด้วยกันทั้งหมด 3 สี ได้แก่ ขาว ดำ และแดงเลือดหมู
Escura Instant 60s
ตัวสุดท้ายนี้ เป็นกล้องอินสแตนท์ที่เราคิดว่าน่าสนใจและอยากแนะนำให้หลายคนรู้จัก เพราะอาจจะยังไม่คุ้นชื่อยี่ห้อของกล้องตัวนี้เท่าไรนัก เนื่องจาก Escura Instant 60s เป็นกล้องอินสแตนท์จากโปรเจคหนึ่งบนเว็บระดมทุน Indiegogo ที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของคนไทยและฮ่องกง! (เราจึงไม่ได้รวมไว้ในลิสต์เพราะไม่ได้มีวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ)
ลักษณะภายนอกของตัวกล้องค่อนข้างเรโทร สีสันสดใส และมีขนาดกะทัดรัด โดยได้แรงบันดาลใจในการดีไซน์มาจากกล้องฟิล์มในช่วงยุค 60 ซึ่งนำมาสู่ฟังก์ชันการใช้งานที่ออกแบบให้เป็นระบบอะนาล็อก 100 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าผู้ใช้จะต้องหมุนฟิล์มออกมาด้วยมือเอง ปราศจากแบตเตอรี่ที่ช่วยให้ฟิล์มเด้งออกมาอย่างกล้องรุ่นอื่นๆ
ตัวเลนส์เป็นไฟเบอร์ พร้อมระบบโฟกัสแบบ Hyper Focusing ไม่มีแฟลชในตัว (แต่สามารถเลือกซื้อเซ็ต Escura Set ที่มีแฟลชแยกได้) ด้วยความที่เป็นกล้องอะนาล็อก จึงไม่มีโหมดการถ่ายภาพเพื่ออำนวยความสะดวกใดๆ แต่เสน่ห์ของมันอยู่ที่ความดิบของกระบวนการถ่ายและสไตล์ของภาพที่ได้นั่นเอง สำหรับฟิล์มที่ใช้ใน Escura Instant 60s คือฟูจิฟิล์ม instax Mini ขนาด 1.8 x 2.4 นิ้ว ที่นิยมใช้กันทั่วไป
ราคา:
กล้อง Escura Instant 60s 2,648 บาท
ฟิล์ม Fujifilm instax Mini 270 บาท / 10 แผ่น
สินค้าที่ปรากฎในบทความของ Siam2nite เลือกโดยผู้เขียนทุกชิ้น และเมื่อคุณกดลิงก์เพื่อซื้อสินค้าเหล่านั้น เราอาจได้ Affiliate Commission เล็กน้อย