ปีนี้เราจะไม่นก "6 แอพหาคู่" หักคานทอง ต้อนรับแฟนใหม่ 2020

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Tinder แอพลิเคชั่นหาคู่สุดฮอตจากอเมริกาที่ครอบคลุมกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นแหล่งรวมหนุ่ม-สาวนานาชาติ มาพร้อมคอนเซ็ปต์การเล่นง่ายๆ “Match. Chat. Date.” ถ้าใช่ปัดขวา (Swipe Right) ไม่ใช่ปัดซ้าย (Swipe Left) หรือถ้าถูกใจใช่เลย แบบว่าชอบหนักมาก ก็ปัดขึ้นบนหรือกดดาว (Super Like) เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้

โดยถ้าเขาก็สนใจเราเหมือนกัน (ปัดขวาให้เรา) ก็จะถือว่า Match! ซึ่งเมื่อจับคู่กันแล้วทั้งสองฝ่ายก็จะสามารถแชทกันได้ แล้วหลังจากนั้นจะนัดกันไปเดทหรืออะไรก็แล้วแต่ความสมัครใจ ส่วนเปอร์เซ็นต์ว่าจะเจอความสัมพันธ์ที่ยืนยาวหรือไม่ Tinder อาจจะยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แล้วก็ไม่ต้องตกใจที่จะเจอโปรไฟล์ประเภทตามหาคู่นอนหรือเซ็กส์ไม่ผูดมัดอะไรทำนองนั้น เพราะนี่ถือเป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นอย่าคาดหวังอะไรมากนัก

สาวๆที่มีสเป็กเป็นหนุ่มๆชาวต่างชาติ ต้องเตรียมโหลดกันไว้เลย กับแอพหาคู่ที่กำลังฮอตฮิตตามหลัง Tinder มาติดๆอย่าง Bumble ซึ่งทีมผู้พัฒนาแอพลิเคชั่นนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่พวกเขาแยกตัวออกมาจาก Tinder โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการสร้างสิ่งที่แตกต่างกว่า แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบฟังก์ชันการใช้ง่ายๆอย่าง การปัดขวา-ซ้าย เมื่อเจอคนที่ใช่และไม่ใช่มาใช้กับแอพนี้ด้วย

แต่ความแตกต่างที่ว่านี้คือเมื่อ Match กันแล้ว ไม่ใช่ใครจะทักใครก่อนก็ได้ แต่ Bumble จะให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อนภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งหากภายในเวลานี้หากยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น รวมถึงทักไปแล้วผู้ชายไม่ตอบกลับ การจับคู่ก็จะอันตรธานหายไปโดยอัตโนมัติ แต่ทั้งนี้หนุ่มๆ สามารถกดขยายเวลาต่อไปได้อีก 24 ชั่วโมง กรณีที่รอจนแล้วจนรอด แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมทักมาหาเสียที เพื่อให้โอกาสเธอคนนั้นได้มีเวลาแก้ตัวได้อีกครั้ง

ส่วนโอกาสที่จะเจอคู่เดทระยะยาว เมื่อเทียบกับ Tinder ถือว่ามีเปอร์เซ็นต์มากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเพอร์เฟ็คทั้งหมด มันก็ต้องมีประเภทรักสนุกแต่ไม่อยากผูกพันธ์ปะปนมาบ้าง เป็นเรื่องปกติ

ใครที่ต้องการหาคู่แบบจริงๆจังๆ เราขอแนะนำ OKCupid เพราะนี่คือแอพที่ถือกำเนิดมาจากบริษัทหาคู่จริงๆในอเมริกา ดังนั้นการจับคู่ (Match) จึงมีความเป็นมืออาชีพมากพอสมควร เมื่อเทียบกับบรรดาแอพหาคู่อื่นๆ

โดยก่อนที่คุณจะสามารถปัดซ้าย-ขวา เพื่อหาคนที่ใช่ได้นั้นจะต้องผ่านขั้นตอนการตอบคำถามเชิงจิตวิทยา (แบบละเอียดยิบ) เพื่อให้แอพค้นหาคนที่มีไลฟ์สไตล์ตรงกับเรามากที่สุด รวมถึงข้อมูลที่จำเป็น เช่น เราต้องการคู่เดทหญิง/ชาย, ช่วงอายุ, ระยะทาง, รูปแบบความสัมพันธ์ จากนั้นแอพจะประมวลผลและทำการสุ่มโปรไฟล์ที่มีความ Match กับเราสูงที่สุดขึ้นมาให้เราเลือก

ทว่าไม่ต้องรอให้ Match กันเสมอไปก็ได้ เพราะหากคุณถูกใจใครสักคนมากๆ แอพนี้ก็สามารถให้คุณส่งข้อความหาอีกฝ่ายได้เลยเช่นกัน แต่เขาจะตอบกลับมาหรือไม่นั้นก็เรื่อง ซึ่งหากสถานะของเขาขึ้นว่าออนไลน์อยู่ แต่ไม่มีรีแอคชั่นใดๆกลับมา ก็เรียบร้อยโรงเรียนจีน...น น นกแน่นอน!

สำหรับประชากรบน OkCupid ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ หลากหลายเชื้อสาย ทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกัน แอฟริกัน ตะวันออกกลาง ใครอยากหาคู่เดทเป็นคนต่างชาติ ต้องลองโหลดมาเล่นกัน ส่วนจะได้แฟนเป็นจริงเป็นจังกับเขาไหม อันนี้ก็อยู่พรหมลิขิตบันดาลชักพาแล้วล่ะ!

ช้าๆได้พร้าเล่มงาม น่าจะเหมาะกับการอธิบายคอนเซ็ปต์ของแอพหาคู่อย่าง Coffee Meets Begel (CMB) หรือเปล่านะ เพราะหลังจากเรากรอกโปรไฟล์ ใส่ข้อมูลไลฟ์สไตล์ ความชอบต่างๆลงไปเรียบร้อยแล้ว แอพลิเคชั่นก็จะคัดเลือกคนที่เหมาะสมมาให้ 2-3 คนในช่วงเวลาเที่ยงของแต่ละวัน

ซึ่งเราจะกดรับหรือไม่รับก็ได้ โดยไม่ได้เป็นการสุ่มมาให้แบบมั่วๆ แต่จำแนกจากคนที่มีไลฟ์สไตล์ตรงกับเราจริงๆ โดยหาก Match กันแล้ว ห้องแชทจะมีอายุ 7 วัน ก่อนจะ expire ซึ่งเราจะมีโอกาส extend ห้องแชทได้ 1 ครั้ง หลังจากนั้นหากคุยกันถูกคอ ก็แลกไลน์ เฟซบุ๊ก หรืออะไรกันก็ว่าไป

โดยขั้นตอนทั้งหมดกว่าจะ Match กว่าจะได้คุย ก็ใช้เวลาพอสมควร แอพนี้จึงไม่เหมาะกับคนใจร้อน เหมือนที่แอพเขาเคลมว่า เน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ ช้าแต่ชัวร์ โอกาสพบรักแท้มีมากกว่า!

สำหรับประชากรบน Coffee Meets Begel (CMB) ก็มีกลุ่มเป้าหมายให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งคนไทย ต่างชาติ แถมพ่วงมาด้วยโปรไฟล์ดีๆแบบอัดแน่น ทั้งหน้าตา การศึกษา การงาน บอกเลยว่าดีงาม แอพนี้คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน เพียงแต่อย่างที่บอกไปว่า ของดีมันก็ต้องใช้เวลาอะเนอะ

เคยได้ยินประโยคที่ว่า เนื้อคู่อาจเป็นคนที่เคยเดินสวนกันมาก่อน หรือเปล่า? นั่นแหละคือคอนเซ็ปต์ของ Happn เค้าเลย! ซึ่งแตกต่างจากแอพหาคู่อื่นๆอย่างสิ้นเชิง เพราะแอพนี้เน้นคนที่เคยเดินผ่านกันมาก่อนจริงๆ (ระยะไม่เกิน 250 เมตร) โดยใช้เทคโนโลยี Geolocated หรือการระบุตำแหน่งผู้ใช้งานแบบ Real Time โดยทันทีที่เราเดินสวนกับอีกฝ่ายที่ใช้งาน Happn เหมือนกัน โปรไฟล์ของเขาก็จะโชว์เข้ามา พร้อมวันและพิกัดที่เจอกัน (แต่จากที่เราได้ทดลองใช้งาน ณ ตอนนี้ แอพก็มีแนะนำโปรไฟล์ที่ไม่เคยแม้แต่จะสวนกันมาให้เหมือนกัน)

แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่หลังจากเจอกันแล้ว บนหน้าโปรไฟล์จะมาพร้อม 3 ทางเลือก คือ กดกากบาท เซน์โน, กดหัวใจ ที่เขาจะไม่รู้ว่าเราชอบ เว้นเสียแต่ว่าเขาก็กดหัวใจให้เราเหมือนกัน และทางสุดท้ายกดดาวสีเหลือง Say Hello ไปเลยตรงๆ ให้รู้ว่าเราอยากคุยนะจ๊ะตัวเธอ ซึ่งหากอีกฝ่ายก็คิดตรงกัน ก็จะกดตอบรับ จากนั้นคนทั้งคู่ก็จะสามารถแชทกันได้แบบฟินๆ

ปิดท้ายกันด้วยฟีเจอร์เดทน้องใหม่จาก Facebook อย่าง Facebook Dating (เปิดตัวครั้งแรกปี 2018) ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้คนบน Facebook ที่มีสถานะโสดได้มีโอกาสมาเจอกัน ผ่านความชื่นชอบและความสนใจที่เหมือนๆกัน เช่น การเข้าร่วม Event หรือ Groups

โดยโปรไฟล์ Dating จะแยกจากโปรไฟล์ปกติที่แสดงบน Facebook และไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเพื่อนหรือญาติจับโป๊ะว่าแอบเล่นฟีเจอร์หาคู่ เพราะคนที่จะเข้ามาดูโปรไฟล์ Dating ของเราได้ มีเพียงผู้ที่เราและเขามีรายชื่อของกันและกันอยู่ในรายการแนะนำเท่านั้น อีกทั้งเฟซบุ๊กจะไม่แนะนำเพื่อนปัจจุบันบน Facebook หรือคนที่เราเคย Block มาให้

และหากวันดีคืนดีเลื่อนไปเจอคนรู้จักในรายการแนะนำ คุณก็ยังที่จะหลบเลี่ยงได้ด้วยการกดแสดงหรือซ่อนโปรไฟล์ Dating จากบุคคลเหล่านั้นได้ทันที รวมถึงสามารถบล็อกโปรไฟล์อื่นๆ ที่ไม่พึงประสงค์ได้ทุกเมื่ออีกด้วย