5 ออนเซนในกรุงเทพฯ แช่น้ำร้อนฟีลญี่ปุ่นสุดฟินไม่ต้องตีตั๋วไปไกล!
พาไปผ่อนคลายกับ "5 ออนเซน" กลางกรุงฯ ครบวงจรทั้งบ่อน้ำพุร้อน ห้องซาวน่า ได้ฟีลญี่ปุ่นแท้ๆ แบบไม่ต้องตีตั๋วบินไปไกลถึงถิ่น
สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในเมืองกรุงฯเกือบตลอดทั้งปี คงไม่ค่อยชวนให้ใครๆนึกถึงบ่อน้ำพุร้อนหรือ “ออนเซน” (ภาษาญี่ปุ่น : 温泉) สักเท่าไร แต่ในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ การหลบหนีความเปียกแฉะ ไปแช่น้ำร้อนผ่อนคลายสบายๆ ฟังดูเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจไม่น้อย แถมยังได้สุขภาพเต็มๆ
ใช่แล้ว! เพราะ “ออนเซน” เป็นวัฒนธรรมการปรนนิบัติสุขภาพแขนงหนึ่งของชาวญี่ปุ่น ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขาเลยก็ว่าได้ ซึ่งออนเซนของญี่ปุ่น คือน้ำแร่ร้อนธรรมชาติที่เกิดจากภูเขาไฟที่ยังไม่ดับซึมผ่านชั้นดินและหิน จึงอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ อาทิ โพแทสเซียม, แคลเซียม เป็นต้น การแช่ออนเซนจึงมีประโยชน์มากมาย ทั้งด้านความงามที่ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์ หรือบำบัดอาการปวดเมื่อย และผ่อนคลายร่างกายที่เหนื่อยล้า
ดังนั้นเราจึงมี “5 ออนเซนที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ” ที่ครบครันทั้งบริการออนเซน นวดสปา บิวตี้คอร์ส เครื่องดื่ม-อาหารสุขภาพ มาชวนทุกคนไปลองหาประสบการณ์ผ่อนคลายร่างกายดีๆสไตล์ญี่ปุ่นแท้ในวันหยุดนี้ แบบไม่ต้องตีตั๋วบินไปไกลถึงถิ่น! ...ถ้าพร้อมแล้วเตรียมเปลื้องผ้า แล้วไปแช่น้ำร้อนกันได้เลย
ไคเซน ไพรเวทออนเซ็นแอนด์สปา
Kaizen Private Onsen ออนเซ็นสปาไพรเวทสุดพรีเมียมระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 26 ใจกลางกรุงเทพฯ ให้คุณได้พบกับความผ่อนคลายแบบต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ ๆ แบบที่ไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่น
พาคุณมาเปิดประสบการณ์ใหม่กับ Private Onsen ต้นตำรับจากญี่ปุ่น ที่ผสานกับสปาแผนไทยจาก Therapist ฝีมือดีมากประสบการณ์ โดยภายในมีห้องออนเซ็น 3 รูปแบบ มีทั้งห้องสำหรับ 1 ท่าน หรือแบบสำหรับมาเป็นคู่ เรียกได้ว่าเป็นส่วนตัวสุด ๆ และแบบ VIP Max ที่สามารถเข้ารับบริการพร้อมกันได้สูงสุดถึง 6 ท่าน ให้คุณและทุกคนที่คุณรัก ได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าไปด้วยกัน ความพิเศษของห้องนี้คือ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้เป็นระบบเจ็ตสปาที่ช่วยเรื่องระบบการเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น หรือแช่น้ำแร่ผสมน้ำนมช่วยทำให้ผิวเนียนใส
บริการของที่นี่ก็เรียกได้ว่าครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการนวดแผนไทย, สปาและทรีตเมนท์ รวมไปถึงออนเซ็นที่มีระบบบ่อน้ำแร่ธรรมชาติจากแร่ธาตุคุณภาพพรีเมียม ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย เหนื่อยล้า สร้างความรู้สึกสบายและผ่อนคลายอย่างอ่อนโยน ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นผงออนเซ็นและผลิตภัณฑ์สปาสูตรพรีเมียม ทางร้านได้นำเข้าจากต่างประเทศและเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมและปลอดภัยต่อผิว100%
สำหรับออนเซนที่นี่มีแพ็คเกจให้เลือกหลากหลาย โดยราคาแพ็คเกจออนเซ็นและซาวน่า เริ่มต้นที่ 1,500 บาท ต่อคน และหากมาเปนคู่ ราคาจะเหลือเพียง 2,800 บาทต่อคู่ ซึ่งหากลูกค้าต้องการบริการนวดและสปา ก็มีหลายแพ็คเกจที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการนวดไทยที่ช่วยปรับสมดุลการไหลเวียนของเลือดลมในร่างกาย ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มพลังให้ร่างกายและจิตใจ หรือการนวดน้ำมันร้อนแบบญี่ปุ่น และทรีทเมนต์อีกหลากหลาย โดยแพ็คเกจนวดจะเริ่มต้นที่ 990 บาทต่อคน
Yunomori Onsen & Spa (ยูโนะโมริ ออนเซน แอนด์ สปา)
Yunomori Onsen & Spa ออนเซนตำรับญี่ปุ่นแท้แห่งแรกในเมืองไทย กับคอนเซ็ปต์ “บ่อน้ำแร่ในสวนธรรมชาติ” เปิดบริการอยู่ที่โครงการเอ สแควร์ สุขุมวิท26 บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 2,500 ตารางเมตร ที่ถูกเซตเป็นสวนญี่ปุ่น ภายในมีโซนออนเซนซึ่งมีทั้งบ่อน้ำร้อนในร่มและสวนกลางแจ้ง จัดสรรไว้ให้บริการด้วยกันถึง 6 ประเภท
จุดที่น่าสนใจคือ “บ่อโซดาสปา”(Soda Spa) ที่มีการปล่อย Co2 โมเลกุลขนาดเล็กลงไปในน้ำปริมาณมากกว่า 1,000 ppm ซึ่งมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการลำเลียงออกซิเจนในเลือดและร่างกาย ส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ หรือแม้แต่ปรับสมดุลสภาพผิวพรรณ ชะลอวัยให้ดูอ่อนเยาว์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่ทางออนเซนแห่งนี้นำมาใช้เป็นเจ้าแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนอีกหนึ่งบ่อที่เป็นไฮไลท์คือ “บ่อเจ็ท” (Jet Bath) อ่างน้ำวนที่มีความยาวสำหรับการนอนแช่อย่างสบาย น้ำที่หมุนวนด้วยแรงดันอากาศจะช่วยนวดตัวผ่อนคลายความเครียด ลดความตึงปวดของกล้ามเนื้อและข้อ แถมฟองอากาศขนาดเล็กยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้อีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีบ่อน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ จากจังหวัดระนอง ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำที่มีความบริสุทธิ์มากที่สุดแห่งหนึ่งและอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย, บ่อสมุนไพรในถังไม้สักส่วนตัว ช่วยคลายความเหนื่อยล้า บำรุงผิวพรรณ รักษาไข้หวัด, บ่อน้ำเย็น กระชับรูขุมขนให้ความสดชื่น และบ่อจากุชชี่แบบญี่ปุ่น ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญทุกบ่อของออนเซนแห่งนี้ เป็นระบบน้ำไหลเวียน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาด
สำหรับออนเซนที่นี่จะแยกชายหญิงชัดเจน ค่าบริการคนละ 450 บาท สามารถอยู่ได้ทั้งวัน โดยการเข้าใช้บริการผู้ชายไม่อนุญาตให้ใส่เครื่องนุ่งห่มใดๆ ส่วนผู้หญิงทางสปามีชุดชั้นใน(บางๆ)ให้สวมใส่ได้ แต่ใครที่สามารถเปลือยผ้าได้อย่างไม่เขินอายแล้วนั้น ก็ชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนแล้วลงบ่อได้เลย
โดยระยะเวลาในการแช่ออนเซนแต่ละครั้ง ไม่ควรนานเกินไปเพราะจะทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า ดังนั้นเวลาที่เหลือหลังจากแช่น้ำร้อนเสร็จ เรายังสามารถไปเอ็นจอยกับกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ห้องอบไอน้ำ ห้องซาวน่า นวดแผนไทย นวดสปา สครับขัดตัว หรือโซนคาเฟ่ ที่มีเครื่องดื่ม อาหารญี่ปุ่นฟิวชัน ที่มีบริการอย่างครบครัน
Let’s Relax Onsen and Spa (เลท รีแลกซ์ ออนเซน แอนด์ สปา)
“Let’s Relax Onsen and Spa” ออนเซนสไตล์ญี่ปุ่นใจกลางกรุงเทพฯ อีกหนึ่งแห่งที่ใหญ่และครบวงจรมากที่สุด ตั้งอยู่บนโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์พอยท์ ย่านทองหล่อ ภายในมีบริการนวดสปาและออนเซน พร้อมห้องสตีม ซาวน่า บรรยากาศเหมือนอยู่ญี่ปุ่นแท้ๆ โดยโซนออนเซนของที่นี่มีบ่อน้ำแร่ให้บริการทั้งหมด 5 บ่อด้วยกัน ซึ่งส่งตรงมาจากแหล่งน้ำที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มีสรรพคุณช่วยบำบัดร่างกายและบำรุงผิวพรรณที่แตกต่างกัน
จุดเด่นคือบ่อน้ำแร่เกโระ (Gero Hot Springs Bath) บ่อน้ำพุร้อนอุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียส ที่มาจากเมืองเกโระ ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นแหล่งน้ำแร่ 1 ใน 3 ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น มีคุณสมบัติช่วยเรื่องความงาม โดยผู้หญิงญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าการแช่น้ำแร่เกโระ สลับกับแช่บ่อน้ำเย็นจะช่วยทำให้ผิวสวยเปล่งปลั่งและยังช่วยคลายเครียดได้อีกด้วย สำหรับบ่อนี้ถือเป็นไฮไลท์ของออนเซนแห่งนี้เลยก็ว่าได้
อีกหนึ่งบ่อที่ช่วยเรื่องผิวพรรณ คือ บ่อซิลค์บาธ (Silk Bath) บ่อน้ำแร่สีขาว ที่เกิดจากการพ่นออกซิเจนบริสุทธิ์อัดแน่นจนเห็นเป็นสีขาว มีอุณหภูมิอยู่ที่ 40 องศา มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวนุ่ม ลื่น ชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี ส่วนบ่อที่ช่วยบำบัดร่างกาย อาการปวดเมื่อยเหนื่อยล้าต่างๆ ที่น่าสนใจคือ บ่อโซดา (Soda Bath) อุณหภูมิความร้อนอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส มีคุณสมบัติช่วยขับสารพิษที่ตกค้างภายในผิวหนัง กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต พร้อมปรับสมดุลร่างกาย และบ่อเวิร์ลพูล (Whirlpool Bath) อุณหภูมิ 36 องศาเซลเซียส ช่วยคลายการปวดเมื่อยตามร่างกายด้วยหัวเจ็ท พ่นฟองอากาศ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกนวดผ่อนคลายสบายๆ
นอกจากนั้นยังมี บ่อน้ำเย็น (Cold Bath) อุณหภูมิ 18 องศาเซลเซียส ที่จะช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่ายกาย ทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง และทำให้หลอดเลือดหดตัว โดยแช่ที่บ่อนี้เป็นลำดับสุดท้ายจะช่วยให้รู้สึกสบายตัวมากยิ่งขึ้น
สำหรับการใช้บริการบ่อออนเซนที่นี่ทั้งชายและหญิงต้องเปลือยผ้า (แยกโซนชาย-หญิง) ราคา 650 บาท/คน ซึ่งในราคานี้สามารถแช่ได้ไม่จำกัดเวลา โดยหลังจากแช่ออนเซนจนสบายเนื้อสบายตัวแล้ว ภายใน Let’s Relax Onsen & Spa ยังมีพื้นที่ให้ผ่อนคลายได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเราสามารถไปผ่อนคลายในห้องหินร้อน (Hot Stone Room) ที่ปล่อยความร้อนผ่านพื้นหิน ผสานคุณประโยชน์จากเกลือหิมาลายัน ที่อุดมด้วยแร่ธาตุมากถึง 84 ชนิด มีสรรพคุณช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินหายใจ หรือนั่งพักปรับอุณหภูมิที่ห้องคูลดาวน์ (Cool Down Room) ซึ่งความเย็นจะช่วยให้รู้สึกสบายแบบสุดๆก็ได้เช่นกัน
PAÑPURI WELLNESS & ONSEN (ปัญญ์ปุริ เวลเนส แอนด์ ออนเซน)
PAÑPURI WELLNESS & ONSEN ออร์แกนิคสปาและออนเซ็นสุดหรู ท่ามกลางวิวสกายไลน์ใหญ่ที่สุดใจกลางเมือง บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร ณ ชั้น 12 เกษรทาวเวอร์ หรือทั้งชั้นของตึก ที่เนรมิตรบรรยากาศแช่น้ำร้อนแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ ด้วยบ่อออนเซนขนาดใหญ่ถึง 5 บ่อด้วยกัน ซึ่งนำเข้าน้ำแร่มาจากประเทศญี่ปุ่น แบ่งเป็นบ่อซิกเนเจอร์ ใช้น้ำแร่จากเมืองคุซัตสึ (Kusatsu) ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 ของแหล่งออนเซนที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น น้ำแร่ของเมืองนี้ขึ้นชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคได้หลายโรค ทั้งด้านผิวพรรณและอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
บ่อตามฤดูกาล ที่จะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนน้ำแร่จากแหล่งที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นทุกๆ 3 เดือน ตามฤดูกาลตลอดทั้งปี เช่น ออนเซนหน้าร้อน จากเมืองเบปปุ (Beppu) เมืองในจังหวัดโออิตะ บนเกาะคีวชู ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณ บรรเทาอาการอักเสบของผิวที่แพ้ง่าย ลดรอยฟกช้ำ และรักษาผื่นคัน เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีบ่อโซดา บ่อน้ำเย็น และบ่อเจ็ท (Vitality Pool) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งทางออนเซนจะมี Routing การแช่แนะนำให้ทั้งหมด 4 แบบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้แก่ Deep Sleep, De-Strees, Energy boost และ Clean Detox ซึ่งแต่ละสูตรลำดับเวลาจะไม่เหมือนกันและให้ประโยชน์ที่ต่างกัน มีทั้งบำบัดอาการนอนไม่หลับ ความเครียด เหนื่อยล้า และดีท็อกซ์สารพิษ ซึ่งปัจจุบันเป็นอาการที่หนุ่มสาววัยทำงานมักเผชิญกันเป็นจำนวนมาก แต่หากใครไม่อยากทำตามโปรแกรม ก็สามารถลงแช่ตามสะดวกได้เช่นกัน
โดยภายในโซนออนเซน มีบริการทั้งบ่อแบบรวม (แยกชาย-หญิง) และบ่อส่วนตัว ชายหญิงมือใหม่ที่อาจจะเขินอาย ทางออนเซนก็มีกางเกงขาสั้น และชุดชั้นในบางๆ ให้ใส่ปกปิดร่างกายระหว่างลงได้ แต่ใครที่อยากได้ฟีลแช่ออนเซนแบบที่ญี่ปุ่นจริงๆซึ่งจะได้ความสบายและผ่อนคลายมากกว่า ก็เปลื้องผ้าแล้วลงแช่กันได้เลย
สำหรับค่าบริการออนเซน ผู้ใหญ่ 750 บาท เด็ก 450 บาท โดยราคานี้สามารถอยู่ภายในออนเซนได้ทั้งวัน พร้อมมีโซนพักผ่อนและชุดคลุมออร์แกนิกให้บริการ ซึ่งเราสามารถมานั่ง-นอนเล่นชิลๆ ก่อนจะกลับไปแช่ออนเซนใหม่ก็ได้ หรือเปลี่ยนไปทำกิจกรรมสุขภาพที่น่าสนใจอื่นๆ ทั้งนวดสปาออร์แกนิก, ห้องสตีมและห้องซาวน่าเกลือหิมาลัย ช่วยระบบหายใจ บรรเทาโรคหอบหืด ภูมิแพ้ ไซนัส และดีท็อกซ์สารพิษ หรืออาหารเพื่อสุขภาพ(ออร์แกนิก 100%) และเครื่องดื่ม Cold Pressed (ปกติเซตละ 1,170 บาท) ที่มักมีโปรโมชั่นราคาพิเศษอย่างสม่ำเสมอ ให้เราได้เลือกสั่งมาปรนนิบัติสุขภาพกันอย่างครบวงจร ก็พร้อมบริการเช่นกัน
Kashikiri Onsen and Spa (คาชิคิริ ออนเซน แอนด์ สปา)
มือใหม่หัดแช่ออนเซนหรือใครที่พลาดประสบการณ์การแช่บ่อน้ำพุร้อนดีๆที่ญี่ปุ่นเพราะความเขินอาย Kashikiri Onsen and Spa ออนเซนตำรับญี่ปุ่นแท้ใจกลางกรุงเทพฯภายในซอยสุขุมวิท49 แห่งนี้ น่าจะตอบโจทย์ทุกคนได้เป็นอย่างดี เพราะที่นี่เป็น “ออนเซนส่วนตัว” ในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวสุดๆ อยู่ในห้องที่ปิดมิดชิดให้เราสามารถเปลื้องผ้าลงแช่ได้อย่างไม่ต้องหวาดหวั่นสายตาใคร แต่หากใครที่มาเป็นคู่ ไม่ว่าจะคู่เพื่อนหรือคู่รัก แล้วอยากจะเอ็นจอยด้วยกัน ก็สามารถเลือกใช้บริการห้องแบบ Connecting Room ก็มีบริการเช่นกัน
โดยออนเซนของที่นี่มีน้ำแร่บริการทั้งหมด 3 ประเภทคือ โซดา ออนเซน (Soda Onsen) มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุล เพิ่มออกซิเจนในเลือด ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก, บลู เธอราพี (Blue Therapy) ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เนียนนุ่ม เล็บและผมแข็งแรง และไวท์ รีบอร์น (White Reborn) ที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาผดผื่น ภูมิแพ้ผิวหนัง ลดอาการอักเสบและสิว ซึ่งใช้ผงน้ำแร่ไวท์ รีบอร์นจากแหล่งน้ำแร่คุสัทสึออนเซน ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีน้ำแร่จากแหล่งน้ำชั้นดีต่างๆในญี่ปุ่น เช่น เมืองเบปปุ และ โนโบริเบ็ตสึ ซึ่งล้วนแล้วแต่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและมีสรรพคุณช่วยบำบัดและบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี
การแช่ออนเซนจะใช้เวลาราว 45 นาที ค่าบริการสำหรับออนเซนอย่างเดียว 700 บาท หลังจากนั้นยังมีบริการนวดสปาและนวดเพื่อสุขภาพต่างๆให้เราได้เลือกผ่อนคลายกันอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเราสามารถซื้อเป็นแพ็คเกจออนเซนพร้อมนวดสปาได้เช่นกัน
Y SPA (วาย สปา)
ปิดท้ายกันที่ Y SPA ซอยสุขุมวิท16 สำหรับที่นี่ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ออนเซนตำรับญี่ปุ่น แต่เป็น “จิมจิลบัง” (Bathhouse) หรือโรงอาบน้ำและซาวน่าสไตล์เกาหลีครบวงจร ซึ่งมีบริการเกี่ยวกับสุขภาพด้วยกันหลากหลายประเภท ทั้งนวดสปา ซาวนา ฟิตเนส รวมถึงออนเซน
ภายในแบ่งเป็น Y Hot Zone, Y Healing Zone, Y Spa & Massage และ Y Complex สำหรับออนเซนจะอยู่ใน Y Healing Zone ประกอบด้วยบ่อน้ำร้อน-น้ำเย็น 5 บ่อใหญ่ๆ ซึ่งเป็นแบบรวมชาย-หญิง แต่ทางสปาจะมี underwear เตรียมไว้บริการให้ หรือเราสามารถพกชุดว่ายน้ำแบบวันพีชสีสุภาพมาเองก็ได้ และหากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัว ทางสปาก็มีบ่อส่วนตัว(แยกชายหญิง) บริการเช่นกัน แต่มีจำกัดเพียงห้องละ 1 บ่อเท่านั้น
ถัดมาที่ Y Hot Zone จะเป็นโซนที่รวมห้องซาวนา ห้องสตีม และห้องร้อนบำบัดอาการทางสุขภาพต่างๆ ให้เราได้ผ่อนคลายร่างกายหลังจากแช่น้ำร้อน ไม่ว่าจะเป็น Charcoal Room(ห้องถ่าน) ที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับพิษ กลิ่น และเชื้อโรคต่างๆ จากสรรพคุณของคาร์บอนในถ่านบริสุทธิ์, Hinoki Wood Room(ห้องไม้ฮิโนกิ) สรรพคุณหลักๆคือช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการหวัด ไซนัสอักเสบ ไมเกรน และโรคหืดหอบ
สำหรับใครที่เป็นภูมิแพ้ หรือมีอาการเกี่ยวกับโรคผิวหนังอักเสบ Himalayan Salt Room(ห้องเกลือหิมาลัย) น่าจะเป็นตัวช่วยได้ดี เพราะอุดมไปด้วยเกลือในทุกตารางนิ้ว โดยตัวห้องจำลองมาจากถ้ำเกลือในเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งถือว่าเป็นเกลือที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาและบรรเทาอาการโรคต่างๆ โดยเฉพาะ โรคทางเดินหายใจ ปอด ภูมิแพ้ และโรคผิวหนัง นอกจากนั้นยังมี Hot Room(ห้องร้อน), Snow Room(ห้องเย็น) และ Red Clay Room(ห้องดินแดง) ที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ดีท็อกซ์สารพิษ และลดริ้วรอย
โดยหลังจากเสร็จภารกิจจากห้องต่างๆแล้ว บริเวณด้านนอกยังมี Pebble Walk Path หรือทางเดินหินนวดฝ่าเท้า และ Fish Spa(สปาปลา) ให้เราได้ผ่อนคลายส่วนล่างกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับค่าบริการออนเซนและซาวนา 550 บาท/คน ซึ่งราคานี้เราสามารถอยู่ภายในสปาได้ทั้งวัน โดยยังไม่รวมฟิตเนส, โปรแกรมนวดสปาและบิวตี้คอร์สต่างๆที่มีบริการ เช่น Nail Design(เพ้นท์เล็บ) เป็นต้น