สาวกเหล้าบ๊วย-สาเกเตรียมจด 5 ร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่นที่น่าลองแวะไปสักครั้ง
อาหารญี่ปุ่นสำหรับคนไทย เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยและโปรดปรานมาโดยตลอด การหาร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆสักร้านในกรุงเทพฯ เพื่อมีมื้ออาหารอันโอชะร่วมกับครอบครัวและคนใกล้ชิดจึงไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อย โดยเฉพาะช่วง 4-5 ปีให้หลังมานี้ มีร้านกินดื่มอีกหนึ่งประเภทที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก นั่นคือ อิซากายะ ที่เราสามารถทานอาหารรสอร่อย และจิบเครื่องดื่มจากญี่ปุ่นแท้ๆ ได้ ในบรรยากาศเป็นกันเอง
อิซากายะดั้งเดิม เป็นสาเกบาร์ที่มีตั้งแต่ยุคเอโดะ แต่พึ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วงยุคเมจิ หรือช่วงปี ค.ศ. 1868 เป็นต้นมา ซึ่งตลอดระยะเวลาหนึ่งร้อยกว่าปีมานี้ อิซากายะก็มีการพัฒนาและปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นมากขึ้น จากสาเกบาร์เพียงอย่างเดียว กลายเป็นร้านสำหรับสังสรรค์หลังเลิกงานที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์หลายประเภทจำหน่าย เช่น เบียร์ โชจู ค็อกเทล ไวน์ และวิสกี้ เน้นเมนูอาหารหลากชนิดที่แบ่งกันทานกับเพื่อนฝูงได้ อย่างถั่วแระญี่ปุ่น ผักดอง ไก่ทอด ซาซิมิ อาหารเสียบไม้ย่าง บางที่เสิร์ฟอาหารจานหลักเพื่ออิ่มท้อง เช่น ข้าวหน้าต่างๆ ราเมน หม้อไฟญี่ปุ่น ฯลฯ ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป
อิซากายะในกรุงเทพฯ มีหลายแบบให้เราเลือกชวนคนรอบข้างไปเปิดประสบการณ์กินดื่ม ณ ที่เหล่านั้นได้อย่างนับไม่ถ้วน ทั้งไสตล์ญี่ปุ่นแท้ โมเดิร์นเล็กน้อย โฮมมี่เหมือนดื่มที่บ้าน หรือหรูหราสุดๆ ก็มี หากรู้สึกว่าตัวเลือกที่มีเยอะเกินไป เรามี 5 ร้านกินดื่มที่เรียกตัวเองว่าอิซากายะแท้ๆ และร้านอาหารที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นผสมผสานลงไป จะมีร้านใดที่น่าไปใช้เวลาหลังเลิกงานวันนี้เพื่อสังสรรค์ในบรรยากาศสบายๆบ้างนั้น ไปทำความรู้จักสถานที่เหล่านั้นพร้อมกันเลยดีกว่า
Ma-Ke` Inu
ร้าน Ma-Ke` Inu (มา-เกะ อินุ) ไม่ได้เป็นอิซากายะเต็มตัว แต่อยู่ตรงกลางระหว่างร้านอาหารญี่ปุ่นและบาร์ ที่เสิร์ฟอาหารโฮมเมดพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สไตล์ญี่ปุ่นในบรรยากาศอบอุ่น มีจุดเริ่มต้นจากกลุ่มเพื่อนต่างวัยจำนวน 8 คน ที่เวลาพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆในชีวิต จะมีมุมที่พวกเขารู้สึกว่า ‘แพ้’ จึงเรียกตัวเองว่า ‘หมาขี้แพ้’ ซึ่งเป็นความหมายของชื่อร้านในภาษาญี่ปุ่นว่า Ma-Ke` Inu คอนเซ็ปต์ร้านคือ Loser’s Bar ที่ไม่ว่าคุณจะรู้สึกเหนื่อยหรือแพ้เรื่องใดมาก็ตาม เมื่อมาที่นี่และได้ทานอาหารอร่อยๆ ได้รับการบริการที่ดี เจอบรรยากาศสบายๆและเป็นกันเอง สามารถทำให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้นได้
ร้านขนาด 1 คูหาแห่งนี้ แบ่งสัดส่วนพื้นที่อย่างลงตัว บริเวณชั้นหนึ่งมีโต๊ะและบาร์ยาวที่แม้เราจะมาคนเดียวก็สามารถนั่งมองเชฟปรุงอาหาร และพูดคุยกับพนักงานได้อย่างไม่เคอะเขิน บริเวณชั้นสองเป็นโซนรองรับกลุ่มเพื่อนที่มาสังสรรค์ด้วยกัน การตกแต่งร้านและเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดใช้ไม้เป็นหลัก จึงให้ความรู้สึกโฮมมี่ที่ค่อนข้างอบอุ่น ของแต่งร้านทั้งหมดเป็นของสะสมของกลุ่มเจ้าของ ที่เรียกได้ว่าคนละทิศคนละทาง แต่รวมกันแล้วมีสไตล์เป็นอย่างมาก เช่น ของเล่นญี่ปุ่น โปสเตอร์ภาพยนตร์และการ์ตูน ถุงมือพร้อมลูกเบสบอล กล้องโพราลอยด์ แผ่นเสียง หุ่นฟิกเกอร์ ฯลฯ
อาหารที่ Ma-Ke` Inu ทุกเมนูเป็นสูตรโฮมเมด แม้กระทั่งซอสโชยุ ซอสผัดเนื้อ หรือน้ำสลัดก็ปรุงเองโดยเชฟประจำร้าน เน้นอาหารประเภทดงบุริ (ข้าวหน้าต่างๆ) แต่ก็มีอาหารหลักและเมนูทานเล่นอื่นๆพร้อมเสิร์ฟจำนวนมาก เมนูแนะนำคือ Steak Don (360 บาท) ข้าวหน้าเนื้อวากิวส่วนแฟลต ไอรอน (สันไหล่ส่วนในสุด) มีความเหนียวนุ่มกำลังดีจากมันที่ปนอยู่ในเนื้อ เป็นเมนูพิเศษที่มีขายเฉพาะวันพุธ-พฤหัสบดี Salmon Tatare (140 บาท) เมนูใหม่ที่นำแซลมอนทาร์ทาร์มาห่อสาหร่ายให้ทานง่ายพอดีคำ สามารถเลือกได้ว่าอยากทานแบบปกติหรือห่อสาหร่าย และ Salmon Sweet Chin (180 บาท) หัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว ปรุงใหม่หม้อต่อหม้อรสกลมกล่อม
ถึงแม้จะมีเมนูเครื่องดื่มไม่มากแต่ก็ครอบคลุม ได้แก่ ซันโตรี่ ไฮบอล (Suntory Highball), อุเมะชู โชยะ (Umeshu Choya) เบียร์สด เบียร์ขวด และซอฟต์ดริ้งอื่นๆ ช่วยดับกระหายได้เป็นอย่างดี
สถานที่: 150/2 ซอย ลาดพร้าว 4 ถนน ลาดพร้าว แขวง จอมพล เขต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
สถานี MRT ที่ใกล้ที่สุด: พหลโยธิน (ทางออก 1)
เวลาเปิดทำการ: วันพุธ - จันทร์ เวลา 17.00 - 24.00 น.
ติดต่อร้าน: 098-749-9353
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุ๊กเพจร้าน Ma-Ke` Inu รวมถึงเดินทางไปลิ้มลองของจริงตามแผนที่นี้ได้เลย!
JUA (จั่ว)
JUA (จั่ว) เป็นโมเดิร์นอิซากายะ ตั้งอยู่ย่านเจริญกรุง โดยเชฟเชต แอดกินส์ (Chet Adkins) และช่างภาพอาชีพเจสัน แลง (Jason Lang) ที่หลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่อิซากายะในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นสไตล์ดั้งเดิม ทั้งแง่ของอาหารและการออกแบบร้าน พวกเขาจึงอยากทำอะไรที่แตกต่างออกไป เดิมที อาคารแห่งนี้เป็นบ่อนการพนันผิดกฎหมายที่ดำเนินการมานานถึง 20 ปี จึงกลายเป็นที่มาของชื่อร้าน ‘จั่ว’ ที่มาจากการจั่วไพ่
ตัวร้านบริเวณชั้นแรกเป็นผลงานของฌอน ดิกซ์ (Sean Dix) ดีไซน์เนอร์จาก dix design+architecture ประเทศฮ่องกง ที่ออกแบบร้านอาหารมีชื่อเสียงมากมาย เช่น Yardbird, Ronin, Carbone, Belon เมื่อเดินเข้าไปจะเห็นบาร์โค้งหินขัดหรือเทอร์ราซโซ (Terrazzo) ที่นำเสนอความโมเดิร์นออกมาอย่างชัดเจน บนผนังร้านทั้งบริเวณชั้น 1 และ 2 มีผลงานภาพถ่ายโดยเจสันและเพื่อนช่างภาพแขวนไว้ ซึ่งคอลเลกชั่นที่เห็น ณ ปัจจุบันเป็นชุดภาพที่แสดงถาวร แต่จะมีผลงานจากศิลปินคนอื่นหมุนเวียนมาแสดงเรื่อยๆ หากศิลปินอยากนำผลงานมาแสดงทั้งร้าน หรือแค่บริเวณชั้นใดชั้นหนึ่งก็สามารถทำได้ เปรียบเสมือนอิซากายะกึ่งแกลเลอรี่ศิลปะก็ว่าได้
ไอเดียอาหารแต่ละเมนูมาจากเชฟเชต ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นทุนเดิม เมื่อเขาได้เดินทางไปทั่วโลก จึงนำศิลปะการทำอาหารจากประเทศต่างๆ มาผนวกเข้าด้วยกัน กลายเป็นอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลจากทั่วโลก (Japanese [food] with global influences) เมนูที่พลาดไม่ได้คือ Meatball (120 บาท) หรือที่เรียกว่าสึคุเนะ (Tsukune) เนื้อหมูบดปั้นแล้วนำมาเสียบไม้ย่างทาซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น โรยด้วยไข่แดงขูด ที่แฝงกลิ่นอายอาหารญี่ปุ่นและไทยได้อย่างลงตัว Prawn (220 บาท) กุ้งย่างเนยทุเรียน ที่เชฟนำทุเรียนไปหมัก ผสมเนย แล้วปรุงรสเพิ่ม เป็นผลลัพธ์จากการผสานอาหารญี่ปุ่น ไทย อิตาเลียน และฝรั่งเศสเข้าด้วยกัน เมนูแนะนำอีกจานคือ Uni Pasta (800 บาท) ที่ใช้เส้นพาสต้าออเรคคิเอตเต้ (Orecchiette) ท็อปด้วยอูนิและไข่ปลาแซลมอน มีที่มาจากอาหารอิตาเลียน ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น หัวใจสำคัญของอาหารที่นี่ คือวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และการปรุงที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน
เครื่องดื่มที่ JUA เน้นสาเกเป็นหลัก จึงมีให้เลือกดื่มกว่าสิบชนิด นอกจากนี้ยังมีอุเมะชู (Umeshu)โชจู (Shochu) วิสกี้ญี่ปุ่น คลาสสิกค็อกเทล และแอลกอฮอล์ประเภทอื่นเช่น วอดก้า ไวน์ จิน บรันดี บิตเทอร์ ฯลฯ ที่เราได้ลองคือ Miss Ozawa (350 บาท) ที่มีส่วนผสมของจิน ดรายเวอร์มุธ มะนาว ราสเบอร์รี่ไซรัป ท็อปด้วยโฟมไข่ขาว กลายเป็นเครื่องดื่มสีแดงที่มีรสหวาน เหมาะสำหรับสาวๆ และ Umeshu Highball (350 บาท) รสของเหล้าบ๊วย โซดา และเหล้าเชอร์รี่ เข้ากันได้ดีกับอาหารญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
สถานที่: 672/49 ซอย เจริญกรุง 28 ถนน เจริญกรุง แขวง บางรัก เขต บางรัก กรุงเทพฯ 10500
สถานี MRT ที่ใกล้ที่สุด: หัวลำโพง
เวลาเปิดทำการ:
- วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 18.00 - 24.00 น.
- วันอาทิตย์ เวลา 17.00 - 22.00 น.
ติดต่อร้าน: 02-103-6538
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุ๊กเพจร้าน JUA รวมถึงเดินทางไปลิ้มลองของจริงตามแผนที่นี้ได้เลย!
Rokukyu 69
หลังจากจากทีมหุ้นส่วนที่เคยฝากผลงานร้าน Flat Marble เชฟส์ เทเบิล (Chef’s table) พรีเมี่ยมย่านอารีย์ที่หลายๆ คนน่าจะรู้จัก ตัดสินใจไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยกัน แล้วชื่นชอบร้านสไตล์อิซากายะดั้งเดิมเป็นอย่างมาก เมื่อกลับมายังประเทศไทย จึงตัดสินใจทำร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่นด้วยกันในทันที กลายเป็น Rokukyu 69 (โระ-ขุ-คิว) ที่มาจากคำว่า Roku แปลว่าเลข 6 สื่อถึงความสุขและความสนุกสนาน ส่วน Kyu แปลว่าเลข 9 หมายถึงการพัฒนา
เพื่อคงบรรยากาศสบายๆที่เป็นกันเองเช่นเดียวกับอิซากายะในประเทศญี่ปุ่น จึงไม่จัดวางโต๊ะให้มีปริมาณมาก แต่เน้นเล็กๆ ลูกค้าเต็มร้านมากกว่า ด้านในมีห้องส่วนตัวจำนวน 12 ที่นั่งไว้รองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ที่น่าสนใจคือการตกแต่งร้านทั้งด้านในและด้านนอกเรียกได้ว่าเป็นงานคราฟต์และแฮนด์เมด เพราะทีมหุ้นส่วนและกลุ่มเพื่อน พี่ น้อง ช่วยกันสร้างสรรค์ขึ้นมาจากสองมือของพวกเขาเอง ทั้งกำแพงนิตยสารที่หิ้วกลับมาจากญี่ปุ่น นำมาฉีกและแปะผนังด้วยตัวเอง (อย่าลืมแวะไปดูนิตยสารที่แปะในห้องน้ำ ศิลปะของจริง!) ป้ายไม้ภาษาญี่ปุ่นเขียนมือ กำแพงภาพด้านนอกที่เป็นเอกลักษณ์ของ Rokukyu 69 เป็นผลงานของรุ่นพี่ที่สนิทมาเพ้นท์ให้อย่างสวยงาม
เมนูอาหารที่ร้านเน้นยากิโทริ (ส่วนต่างๆของไก่เสียบไม้ย่าง) และอาหารทานเล่น แบ่งกันทานกับกลุ่มเพื่อนตามสไตล์อิซากายะ ที่แฝงกลิ่นอายอาหารไทยที่เราคุ้นชินไว้ มีทั้งเมนูหลักพร้อมเสิร์ฟเป็นประจำ และเมนูกับแกล้มพิเศษที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าได้วัตถุดิบใดมา และเชฟอยากนำมาปรุงในลักษณะไหน
นอกจากนี้ยังมีอาหารจานหลักเช่น ข้าวดงบุริ สุกี้นาเบะ และราเมน รองรับลูกค้าผู้ที่อยากทานอาหารญี่ปุ่นหนักๆ เมื่อถามถึงเมนูแนะนำที่ไม่ว่าใครมาทานจะต้องสั่ง นอกจากหมึกวาซาบิ ข้าวหน้าหมู/เนื้อบูโกลกิ และเนื้อแดดเดียวแล้ว มี Chicken Combo Set (6 ไม้ 199 บาท) ส่วนต่างๆของไก่ทั้งอก ตับ กึ๋น และหนังไก่ ย่างเหลืองกรอบกำลังดี ทานคู่น้ำจิ้มซีฟู้ดหรือน้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ดทำเอง เพิ่มรสชาติได้อย่างดี คอหมูข้าวคั่ว (129 บาท) สูตรพิเศษของเชฟที่ถูกหน้าตาเรียบง่ายของอาหารลวง เพราะรสชาติดีกว่าที่คาด และ หมึกดองในปลาร้าญี่ปุ่น (99 บาท) ที่เราสามารถเลือกได้ว่าอยากทานแบบยำหรือไม่ยำ เราได้ลองแบบยำ ซึ่งมีรสชาติเค็ม เผ็ด เข้มข้น
เครื่องดื่มในร้านครอบคลุมทุกประเภท ได้แก่ เบียร์ อุเมะชู สาเก ไฮบอล บรันดี ที่น่าสนใจคือ เบียร์สดรสชาติต่างๆที่ร้านคิดและผสมขึ้นมากันเอง ทั้งเบียร์น้ำผึ้งมะนาว เบียร์สตรอเบอรี่ เบียร์เสาวรส ที่เราได้ลองคือ Umeshu Choya (149 บาท) รสชาติหวาน ดื่มง่าย ที่สาวกอิซากายะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะกับการจิบคู่อาหารเสียบไม้ย่างในบรรยากาศสบายๆ อย่างดีเยี่ยม
สถานที่: 24/4 ซอย อารีย์ 4 (ฝั่งเหนือ) ถนน พหลโยธิน แขวง สามเสนใน เขต พญาไท กรุงเทพฯ 10400
สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: อารีย์
เวลาเปิดทำการ: วันอาทิตย์ - ศุกร์ เวลา 18.00 - 24.00 น.
ติดต่อร้าน: 091-494-6669
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุ๊กเพจร้าน Rokukyu69 รวมถึงเดินทางไปลิ้มลองของจริงตามแผนที่นี้ได้เลย!
Sasori Izakaya
หลังจากตระเวนทานอาหารที่อิซากายะที่ประเทศญี่ปุ่นหลายรูปแบบ จนกระทั่งถูกใจร้านหนึ่งที่ออกแบบสไตล์โมเดิร์นในย่านกลางคืนอย่างรปปงงิ (Roppongi) บวกกับเพื่อนหุ้นส่วนทำร้านอาหารญี่ปุ่นโซซากุ (Sousaku) ในซอยอารีย์อยู่แล้ว จึงมีความรู้เรื่องอาหารญี่ปุ่นอยู่ประมาณหนึ่ง ความสนใจและความชื่นชอบจึงเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างออกมา และเกิด Sasori Izakaya ในซอย พหลโยธิน 11 แห่งนี้ขึ้น
การออกแบบร้านคงความเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น แฝงกลิ่นอายญี่ปุ่นเล็กน้อยด้วยการใช้ไม้แทนปูน ทั้งตัวร้านและเฟอร์นิเจอร์ด้านใน ตกแต่งด้วยภาพศิลปะเพียงไม่กี่รูป ทำให้บรรยากาศร้านดูคลาสสิก เหมาะสำหรับใช้เวลาหลังเลิกงานมาสังสรรค์ ดื่มกินสบายๆกับกลุ่มเพื่อน
เมนูอาหารมีจำนวนไม่มากนักหากเทียบกับอิซากายะอื่น แต่ก็หลากหลายพอสมควร ทุกเมนูผ่านการชิมและคัดสรรเฉพาะเมนูเด็ดที่คิดว่าเหมาะจะนำมาเป็นเมนูหลักของร้าน มีทั้งอาหารทานเล่น และอาหารจานหลักอิ่มท้อง เมนูแนะนำจานแรกคือ Eihire and Squid Grill Set (229 บาท) ชุดครีบปลากระเบนและหมึกย่างเตาถ่าน เสิร์ฟคู่มายองเนสโรยพริก และ Grill Cheese Nori (260 บาท) ชีสสองชนิดบนสาหร่าย ท็อปด้วยบรรดาผลไม้แห้งเช่น ถั่ว ลูกพลัม มะเขือเทศเพิ่มรสชาติ เป็นเมนูแกล้มแอลกอฮอล์ที่เหมาะสำหรับย่างทานเล่นเพลินๆระหว่างรออาหารจานอื่น ถัดมาเป็นกลุ่มเสียบไม้ปิ้งย่างยากิโทริ เช่น Bottom Shioyaki (39 บาท) ตูดไก่ย่างเกลือที่อร่อยและเคี้ยวเพลิน (มาก) Thigh Yuzukocho (45 บาท) สะโพกไก่ยางซอสยูซุโคโช (ส้มยูซุกับพริกไทยญี่ปุ่น) Liver (35 บาท) ตับหมูหั่นเต๋าย่างเกลือ ที่ระดับความสุกด้านในยังไม่สุกดี ทานง่าย ไม่แห้งร่วน Beef Enoki (55 บาท) เนื้อสันไหล่พันเห็ดเข็มทอง และ Beef Leek (55 บาท) เนื้อสันไหล่พันกุยช่าย ทาซอสเนื้อสูตรพิเศษโดยเชฟ ที่มีรสหวานเค็มกำลังดี
สำหรับสายดื่ม ที่ Sasori Izakaya มีเบียร์หลายประเภท ทั้งดราฟต์ คราฟต์ และขวด สาเกประมาณ 7 ชนิด อูเมะชู และที่น่าลองคือยูสุชู เป็นเหล้ายูสุที่ไม่หวานเท่าอูเมะชู แต่มีรสเปรี้ยวแซมเล็กน้อย สามารถดื่มได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
สถานที่: 39 (ก่อนถึงซอยประชานิมิตร 1) ซอย พหลโยธิน 11 แขวง สามเสนใน เขต พญาไท กรุงเทพฯ 10400
สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: อารีย์
เวลาเปิดทำการ: วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 17.30 - 24.00 น.
ติดต่อร้าน: 02-042-7797
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุ๊กเพจร้าน Sasori Izakaya รวมถึงเดินทางไปลิ้มลองของจริงตามแผนที่นี้ได้เลย!
Izakaya Yokohama
ทองหล่อ ซอย 10 เป็นย่านกลางคืนที่ไม่มีขาปาร์ตี้คนไหนไม่รู้จัก เป็นธรรมดาที่ก่อนจบค่ำคืนสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ต้องตระเวนหาร้านอาหารง่ายๆทานก่อนกลับบ้าน บางครั้งต้องนั่งรถต่อไปร้านใกล้เคียงในซอย แต่หากมีอีกตัวเลือกหนึ่ง ตั้งอยู่ใจกลางอารีน่า 10 ที่มีทั้งอาหารญี่ปุ่นรสดีในราคาสมเหตุสมผล พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เหมาะสำหรับการต่อยก 2 ในคืนนั้นอย่าง Izakaya Yokohama (ซึ่งหลายคนไม่ทราบว่ามีอิซากายะดีๆตั้งอยู่ข้างผับ!) โดยเจ้าของร้านชาวญี่ปุ่น ที่ต้องการให้ทุกคนได้มีประสบการณ์การกินดื่มในบรรยากาศเรียบหรู แต่ราคาเข้าถึงได้
การตกแต่งภายในร้านมีสไตล์โมเดิร์น ให้บรรยากาศที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความหรูหราเล็กๆ บริเวณด้านหน้าร้านมีบาร์ยาวเราสามารถมองเชฟปรุงอาหารแต่ละจานได้อย่างถนัดตา ด้านในเต็มไปด้วยห้องอาหารส่วนตัวที่รองรับได้ตั้งแต่ 2-20 คน หากต้องการบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติขึ้นมา บริเวณกลางร้านมีสวนขนาดย่อม พร้อมโต๊ะอาหารจำนวน 3 โต๊ะ ให้เราสามารถนั่งกินดื่มตรงนั้นได้อย่างสบายๆ จุดเด่นของที่แห่งนี้คือภาพมุมสูงจากชั้น 3 ที่มองลงไปเห็นผับและบาร์ด้านล่าง ซึบซับความสุขและสนุกสนานผ่านกระจกใสในแต่ละห้องได้อย่างลงตัว
อาหารที่ Izakaya Yokohama มีเมนูทานเล่น และเมนูหลักตามสไตล์อิซากายะอื่น เช่น หมึกวาซาบิ เสียบไม้ปิ้งย่าง ซาซิมิ ข้าวดงบุริ ฯลฯ แต่ที่แนะนำคือบรรดาเมนูเนื้อวัวคุณภาพ ที่นำมาปรุงและจำหน่ายในราคาถูกกว่าร้านอาหารพรีเมี่ยมในท้องตลาด เช่น ข้าวหน้าเนื้อวากิว A3 (550 บาท) ที่เชฟนำเนื้อวัว A3 หนากำลังดีมาจี่ไฟเล็กน้อยแล้วพันข้าว โดยได้แรงบันดาลใจในจัดจานจากลักษณะภูเขาไฟฟูจิในประเทศญี่ปุ่น ท็อปด้วยไข่แดง และครีมซอสสูตรพิเศษ ที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อเป็นอย่างมาก อิคุระด้ง (490 บาท) ข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอนและอูนิสดพูนจาน
นอกจากนี้ ยังมีชุดอาหารกลางวันราคาไม่แพง เช่น ชุดทงคัตสึ ชุดสเต็กไก่ ยากิโทริด้ง ฯลฯ ราคาเริ่มต้นที่ 99 บาท ที่ต้องลองอีกอย่างคือเมนูของหวาน เมลอนเชอร์เบท (280 บาท) นำเมลอนไปปั่นทำไอศกรีมโดยไม่ผสมน้ำ ใส่ไซรัปเล็กน้อย แล้วบรรจุลงในผลเมลอน มีรสชาติหวานเย็น ปิดท้ายมื้อได้อย่างดี
เครื่องดื่มในร้านมีให้เลือกหลากลายชนิด ซึ่งครอบคลุมแอลกอฮอล์จากญี่ปุ่นทุกประเภทเลยก็ว่าได้ เช่น เบียร์ วิสกี้ ไวน์ โชจู อุเมะชู ชูไฮ สาเก และซอฟต์ดริ้ง หรือหากดื่มเพียงแก้วเดียวแล้วรู้สึกไม่จุใจพอ ก็สามารถสั่งเป็นบุฟเฟ่ต์เครื่องดื่มได้ โดยมีให้เลือกหลายหลายราคา เช่น เบียร์สดและซอฟต์ดริ้ง (270 บาท) เบียร์สด,ซอฟต์ดริ้ง และโชจู (390 บาท) เบียร์สด, วิสกี้โซดา, สาเก, ไวน์, โชจู และซอฟต์ดริ้ง (490 บาท) ตลอดระยะเวลา 3 ชั่วโมง
สถานที่: ชั้น 3 อารีน่า 10 ซอย ทองหล่อ 10 แขวง คลองตันเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพฯ 10110
สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: ทองหล่อ
เวลาเปิดทำการ: ทุกวัน เวลา 11.30 - 02.00 น.
ติดต่อร้าน: 02-392-2129
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุ๊กเพจร้าน Izakaya Yokohama รวมถึงเดินทางไปลิ้มลองของจริงตามแผนที่นี้ได้เลย!