จะยาวไปไหน!? 4 ร้านของกินเล่นในกรุงเทพฯ ที่คนต่อคิวกันยาวเหยียด
เคยไหมที่เรายอมอดทน รอคอย ลงทุนลงแรงเพื่ออะไรสักอย่างหนึ่ง เพราะว่ามันมีคุณค่ามากๆ แล้วถ้าเป็น “ของกินเล่น” ล่ะ เราจะยอมอดทนรอมากแค่ไหนเพื่อจะได้กินของอร่อยสักครั้งหนึ่ง
เราขอนำเสนอ 4 ร้านของกินเล่นทั้งร้านขนมและร้านเครื่องดื่มยอดนิยมในกรุงเทพฯ ที่ต้องยอมต่อคิวรอตั้งแต่ 15 นาทีไปจนถึงหลักชั่วโมง! เพื่อจะลิ้มชิมรสความอร่อยที่ไม่เหมือนใครจากการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีและกรรมวิธีการทำที่ใส่ใจ เรารวบรวมมาทั้งร้านเก่าแก่ที่ขายติดต่อกันมาหลายรุ่นและร้านใหม่ล่าสุดที่บางคนอาจจะยังไม่เคยได้ลอง ขอบอกเลยว่า หลายร้านในนี้ควรรีบไปตั้งแต่ร้านเปิดเพื่อให้มั่นใจว่าของจะไม่หมดเสียก่อน เพราะขนมหรือน้ำในร้านเหล่านั้นช่างแสนอร่อยล้ำจนทุกคนต้องมากองรวมกันตรงนี้!
(การเรียงลำดับนี้ไม่ได้เป็นการจัดอันดับใดๆ)
Brown Café ブラウン
มาใหม่มาแรงจากแดนเจียงใหม่ กับร้านชาไข่มุก (และขนม) Brown Cafe ที่เพิ่งมาเปิดสาขาในสยามสแควร์วัน ทำให้คนต่อคิวกันยาวเหยียด ใช้เวลารอประมาณ 15-60 นาทีแล้วแต่ช่วงเวลา โดยร้านเป็นบูธขนาดไม่ใหญ่ เน้นให้ซื้อแบบ Take Away ออกไปมากกว่า
สิ่งที่โดดเด่นสุดๆ ของร้านมาจากแพคเกจจิ้งที่สะดุดตา ทั้งชาไข่มุกแบบแก้วที่ทำก้นแก้วเป็นทรงมนน่ารักไม่เหมือนใคร และแบบขวดกลับบ้านที่ดูพรีเมียมเหมือนมาจากไต้หวัน
ส่วนเมนูนั้น จุดเด่นคือตัวไข่มุกดำของร้านซึ่งผสมน้ำตาลทรายแดงลงไปด้วย ทำให้มีความหวานในตัวและเคี้ยวหนึบ สำหรับเครื่องดื่มแนะนำจะเป็นตัว Fresh Milk (แบบแก้ว 60 บาท แบบขวด 65 บาท) และ Milk Tea (แบบแก้ว 65 บาท แบบขวด 70 บาท)
และถ้าหากใครอยากจะลองความแปลกใหม่ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นไข่มุกพิเศษอื่นๆ ได้ เช่น ไข่มุกมันม่วง ไข่มุกสตรอว์เบอร์รี่ ไข่มุกมัทฉะ ฯลฯ รวมถึงลองชิมขนมอย่าง Brown Signature (129 บาท) น้ำแข็งไสสไตล์ไต้หวันมาพร้อมท็อปปิ้งอย่างเฉาก๊วย เจลลี่กาแฟ ทาโร่แป้ง หรือ Taiwan with Bubble Toast (59 บาท) ขนมปังปิ้งของร้านที่มีไข่มุกร้อนๆ โปะมาให้ด้วย
อาม้า เบเกอรี่
ร้านนี้อาจจะไม่ถึงกับต้องยืนรอขาแข็งแต่ก็ต้องฝ่าฟันลูกค้าที่ต่างก็มายืนออแน่นหน้าร้านตั้งแต่เพิ่งเปิดช่วงเช้า เพราะ “อาม้าเบเกอรี่” คือร้านเด็ดใกล้วัดแขก สีลม ที่เปิดมามากกว่า 50 ปีจนสืบทอดมาสู่ทายาทรุ่นที่ 3 แล้ว
อาม้าเบเกอรี่ขายขนมปังนุ่มๆ สอดไส้ต่างๆ เช่น แฮมชีส ไส้กรอกหมูหยอง หมูแดง แต่ที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านเลยคือ “ขนมปังไส้สังขยา” ซึ่งไส้ไม่หวานจนเลี่ยน แต่เป็นความหวานที่ละมุนละไมและไส้แน่นเต็มคำ บอกเลยว่า “กัดเจอไส้ตั้งแต่คำแรก”
ขนมปังร้านนี้ใช้วัตถุดิบอย่างดี เช่น กะทิที่ต้องคั้นสดเท่านั้น ไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สารแต่งกลิ่น ทำให้รสเป็นธรรมชาติมาก ทั้งยังอบสดใหม่ทุกวันจริงๆ (ตามสโลแกนหน้ากล่อง) ขนมปังจึงหอมกรุ่นเพราะเพิ่งออกจากเตา ทั้งหมดนี้ขายเพียงชิ้นละ 10-15 บาท ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากไปหลังเที่ยงวันแล้วละก็ มีสิทธิ์ที่ไส้ที่คุณต้องการจะเกลี้ยงตู้ไปเรียบร้อยแล้ว!
Coffeelism Stand
บาร์กาแฟสไตล์มินิมอลที่ตกแต่งอย่างปราณีตนี้ตั้งอยู่ในสาทรซอย 8 กลางแหล่งคนทำงาน ทำให้ช่วงเวลาพักกลางวันคือช่วงที่คนเนืองแน่นร้านมากที่สุด
แม้จะเป็นร้านขนาดเล็กๆ แต่ด้วยคุณภาพคับแก้วในราคาย่อมเยา (40-55บาท) ทำให้ใครๆ ต่างยอมอดทนเข้าแถวรอ เมนูเด่นของทางร้านคือ Black Cacao Latte นมสดที่เติมผงคาเคาสีดำสนิทด้านบน ให้รสเข้มข้นมันๆ ถึงใจคนชอบทานโกโก้แบบที่ได้รสออกขมโดยธรรมชาติของมัน
ส่วนกาแฟนั้น ร้านมีการเบลนด์เมล็ดกาแฟสูตรเฉพาะ และมีเมนูที่ช่วยกระตุ้นแรงทำงานของหนุ่มสาวออฟฟิศอย่าง Double-shot Cappucino เพราะช็อตเดียวไม่เคยพอสำหรับกาแฟคุณภาพดีแบบนี้ ไปจนถึงกาแฟดริปของทางร้านที่ให้คุณลิ้มรสกาแฟได้อย่างเต็มที่
KINU Donut
เพิ่งเปิดมาไม่นานแต่กลายเป็นขนมดังย่านอารีย์ไปแล้ว กับโดนัทนุ่มๆ โรยผงไอซิ่งยี่ห้อ KINU Donut ซึ่งเจ้าของได้นำสูตรจากญี่ปุ่นมาปรับให้มีความหวานน้อยลงเข้ากับเทรนด์รักสุขภาพของคนไทยในขณะนี้ โดยตัวผงไอซิ่งในกล่องจะแยกมาให้ ทำให้แต่ละคนสามารถปรับความหวานได้เองจากการโรยผงไอซิ่ง ล่าสุดทางร้านยังเพิ่มประเภทไอซิ่ง นอกจากไอซิ่งปกติสีขาว ยังมีไอซิ่งซินนาม่อนสีน้ำตาลที่น่าจะถูกใจคนชอบกลิ่นหอมอวลของอบเชยเป็นอย่างดี
ความอร่อยของโดนัท 8 ชิ้น 100 บาทที่ทอดขายกันริมทางนี้เกิดจากการใช้วัตถุดิบอย่างดี เป็นเนยสดแท้จากฝรั่งเศส ที่นำมาทอดกันวันต่อวัน ไม่ทำค้างไว้ ทอดในน้ำมันสะอาดไม่ใช้ซ้ำบ่อยครั้งเกินไปจึงไม่มีกลิ่นหืนติดมากับโดนัท แป้งที่นุ่มฟูทำให้รู้สึกละมุนในปาก และหอมเนย (แนะนำว่าจะอร่อยที่สุดต้องกินตอนยังร้อนๆ)
ความฮอตฮิตของ KINU ทำให้บางวันอาจจะขายหมดก่อนเวลา ดังนั้นใครตั้งใจมาทานควรจะมาก่อน 16.00น. เพื่อความชัวร์ และทางร้านเป็นร้านแบบไม่มีที่นั่ง ต้องซื้อเป็นแบบ Take Away เท่านั้น