5 คาเฟ่บรรยากาศดี กาแฟเด็ดในย่านทองหล่อ
ซีรีส์แนะนำร้านกาแฟในกรุงเทพชิ้นนี้ เราจะพาไปทัวร์คาเฟ่น่านั่งย่านทองหล่อ ย่านที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟสุดชิคซ่อนตัวอยู่ตามตรอกซอกซอย เราได้รวบรวม 5 คาเฟ่ที่เสิร์ฟกาแฟชั้นเยี่ยมพร้อมบรรยากาศดีๆที่เราพิสูจน์มาแล้ว ยืนยันได้จากรูปภาพสวย ๆ ที่เราเก็บมาฝากด้านล่างนี้
Roast
ร้านแรกในลิสต์ ตั้งอยู่ที่ The Commons คอมมูนิตี้มอลล์แบบเปิดโล่งในสุขุมวิท 31 ทันทีที่เดินเข้าประตูร้าน คุณจะได้กลิ่นหอมอโรม่าของกาแฟอบอวลไปทั่ว Roast ภูมิใจนำเสนอเมล็ดกาแฟคั่วสดจากทั่วโลก ที่มีให้เลือกหลากหลาย โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ Espresso Based Coffees, Signature Coffees และ Filter Coffees ในวันนี้เราสั่ง ‘Journey Blend’ กาแฟต้นตำรับอย่างลาเต้ร้อน และ ‘Farmer Project’ ม็อคค่าเย็นจากเมล็ดกาแฟคุณภาพของโปรเจคที่ Roast ร่วมมือกับ Thai High Ventures ซึ่งลาเต้โดยทั่วไปจะค่อนข้างเบา แตกต่างจากที่นี่อย่างชัดเจนเพราะเน้นความเข้มข้นของกาแฟและมีคาเฟอีนสูง ในขณะเดียวกันผงโกโก้ในเมนูม็อคค่าเย็นได้ให้รสสัมผัสของมอลต์ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่เราชอบมากเลยทีเดียว
อีกเมนูเครื่องดื่มที่มีความคิดสร้างสรรค์มากๆคือ เอสเพรสโซ่ลาเต้เย็น ที่น้ำแข็งทำมาจากเอสเพรสโซ่แทนน้ำเปล่า จึงช่วยคงรสชาติกาแฟไว้ได้อย่างดีเยี่ยม แทนที่เราจะได้รสชาติกาแฟที่เจือจางจากน้ำแข็งละลาย ในทางกลับกัน เทคนิคนี้ช่วยรักษารสชาติกาแฟเอาไว้เมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ Roast ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของเมนูอาหาร Brunch ซึ่งหลังจากรองท้องด้วยขนมปังเรียบร้อยแล้ว เราจึงเลือกลิ้มลองเมนูสปาเก็ตตี้ Truffle Alfredo และ Bacon Garlic ที่รสชาตินั้นดีไม่ผิดเพี้ยนไปจากหน้าตาอาหารเลยทีเดียว
หากถามความเห็นของเราคงบอกได้ว่า เป็นสถานที่เหมาะสำหรับรับประทานอาหารมื้อสายของวันอาทิตย์สุดๆ แต่แนะนำให้ไปเร็วสักเล็กน้อยเพราะในช่วงเที่ยงๆจะเริ่มมีลูกค้ามากขึ้นอาจทำให้ต้องรอคิว อย่าลืมลองเมนูของหวานจากที่นี่ด้วยเช่นกัน เพราะเราแอบเห็นโต๊ะข้างๆสั่ง Passionfruit Semifreddo น่ากินสุด ๆ
Roots Coffee Roasters
Roots เป็นอีกโปรเจคหนึ่งที่ดูแลโดยเจ้าของ Roast ตั้งอยู่บริเวณชั้น G ของ The Commons เช่นเดียวกัน แต่เป็นคาเฟ่ที่เน้นให้ลูกค้าซื้อกลับบ้านมากกว่า สำหรับ Roots เราลองสั่งลาเต้ยอดฮิตที่เห็นนมสามส่วนและเอสเพรสโซ่หนึ่งส่วนเรียงชั้นอย่างสวยงาม พร้อมกลิ่นหอมที่มีรสชาติอ่อนนุ่มให้ลิ้มรสอย่างลงตัว
กาแฟแนะนำประจำสัปดาห์นี้เป็นเมนูจากเมล็ดกาแฟเอสเพรสโซ่ของ House Blend & Thailand (ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่) เอธิโอเปีย (Yirgacheffe) และเมล็ดกาแฟไทย (หมู่บ้านแม่กําปอง จังหวัดเชียงใหม่) ที่ใช้วิธีการทำแบบ batch brews เมนูประจำสัปดาห์จะหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ส่วนเมนูเครื่องดื่มแนะนำโดยบาริสต้าประจำเดือนนี้คือกาแฟ ‘Ume & Apple‘ ส่วนผสมของผลไม้ทำให้กาแฟดำมีรสชาติที่สดชื่นแตกต่างไปจากเดิม บวกกับรสเปรี้ยวจากแอเปิ้ลเขียวและน้ำผึ้ง ทำให้เมนูนี้เป็นที่โปรดปรานของลูกค้าหลายต่อหลายคน
หากถามความเห็นของเราคงบอกได้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคอกาแฟหรือไม่ จะต้องชอบกาแฟที่ทำด้วยความประณีตจากบาริสต้าของ Roots และ 20 นาทีที่เสียไปเพื่อรอคอยเครื่องดื่มนั้นคุ้มค่าจริงๆ นอกจากนี้ยังมีบริการส่งฟรีในกรุงเทพหากซื้อกาแฟเย็นทั้ง black และ white จากที่นี่ ซึ่ง ณ ตอนนี้คุณจะต้องเริ่มรู้สึกอยากดื่มกาแฟเย็น ๆ แสนอร่อยจาก Roots แล้วแน่นอน
Greyhound Cafe
ก่อตั้งครั้งแรกในปี 1980s ในฐานะร้านขายเสื้อผ้าสำรับผู้ชาย และได้กลายมาเป็นร้านแรกๆที่ขยายมาทำธุรกิจคาเฟ่ของตัวเองในช่วงปี 1997 ปัจจุบัน Greyhound Cafe มีจำนวนมากถึง 14 สาขาทั้งในไทย ลอนดอน ฮ่องกง สิงคโปร์ จาการ์ต้า และอีกมากมาย ที่นี่ได้รับขนานนามว่าเป็น ‘the Hottest Seats in Bangkok’ โดยนิตยสาร Fortune เราจะเห็นว่าที่นี่มีเมนูอาหารฟิวชันน่าลิ้มลองเป็นจำนวนมาก
เริ่มจากเมนูเครื่องดื่ม The House Blend Cappuccino รสชาติเมล็ดกาแฟคั่วเข้มข้นคู่กับกลิ่นหอมอโรม่า พร้อมแสดงเอกลักษณ์ของ Greyhound ได้อย่างชัดเจนด้วยโลโก้บนโฟมในคาปูชิโน่ร้อนอย่างลงตัว อีกเมนูหนึ่งที่เราได้ลองคือชามะนาว น้ำแข็งทำมาจากน้ำชามะนาวแทนน้ำเปล่าทั่วๆไป ที่ยิ่งเพิ่มรสชาติของชามะนาวให้อร่อยเข้มข้นยิ่งขึ้น
หากถามความเห็นของเราคงบอกได้ว่า เมนูอาหาร เครื่องดื่ม หรือในที่นี้ ‘กาแฟ’ มีคุณภาพมาก อีกทั้งบรรยากาศภายในร้านแบบ Hi-end ทำให้ Greyhound Cafe กลายเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนได้ไม่ยาก ถ้าคุณอยากลองเมนูอาหารเด็ดๆจากที่นี่ เราแนะนำให้ลอง ริกาโตนีผัดแหนม ข้าวผัดปู หรือ Fish and Chips หมัก Beer Batter ที่รับรองว่ารสชาติไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว
D’Ark by Phillip Di Bella
D’Ark เป็นอีกคาเฟ่ที่เราเรียกได้ว่ามีการตกแต่งอย่างเป็นศิลปะโดยการใช้โทนสีสว่างในสไตล์มินิมอล ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าพิมาน 49 ก่อตั้งโดย Coffee roaster ชื่อดัง Phillip Di Bella เขาพยายามคิดค้นสูตรกาแฟรสเด็ดที่ตอนนี้กลายเป็นเมนูเครื่องดื่มสัญลักษณ์ของร้านที่พลาดไม่ได้อย่าง D’Ark Blend
White coffee ที่นี่ใช้เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ที่การันตีด้วยรางวัลอย่าง Black Eagle Volume เพื่อให้ได้กาแฟเปี่ยมคุณภาพ ในวันนี้เราสั่ง Flat White และม็อคค่าร้อนที่ให้รสชาติแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดย Flat White’s D’Ark House Blend จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆของคาราเมลบัตเตอร์สก็อต ในขณะที่ Mocha’s Nicaraguan Nero Blend จะเข้มข้นและมีกลิ่นหอมที่รุนแรงมากกว่า เราเอ็นจอยกับรสช็อคโกแลตในกาแฟเข้มๆมากเลยทีเดียว
หากถามความเห็นของเราคงบอกได้ว่า แค่การออกแบบตกแต่งร้านเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้คุณอยากกลับมาที่นี่อีกหลายครั้ง โดยสาขาพิมาน 49 เปิดให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้า ส่วนสาขาเอ็มควอเทียร์เปิดให้บริการเวลา 10 โมง ที่นี่มีเมนู Brunch น่าลองหลากหลายอย่าง เช่น Tuna Tartare, Ham & Eggs Benedict และ Banana Pancakes
Audrey Cafe and Bistro
ร้านนี้แตกต่างจากร้านอื่นๆในลิสต์ของเราด้านการตกแต่งร้านและบรรยากาศ Audrey Cafe มีชื่อเสียงจากการตกแต่งร้านสไตล์วิคตอเรียอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงเมนูของหวานที่มีสเน่ห์ โดยได้แรงบันดาลใจจากหญิงผู้เป็นไอคอนของภาพยนตร์คลาสสิคเรื่อง Breakfast at Tiffany’s อย่าง Audrey Hepburn สาขาทองหล่อที่เราไปมาในวันนี้เป็นสาขาดั้งเดิมที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาร้าน Audrey ทั้งหมด
พนักงานเสิร์ฟแนะนำให้เราสั่งวานิลลาลาเต้เย็น และชีสเค้กไวท์ช็อคโกแลต นอกจากหน้าตาเจ้าสองเมนูนี้ที่เราให้ 10 เต็ม 10 รสชาตินั้นก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เริ่มจากวานิลลาลาเต้ที่ให้กลิ่นของวานิลลาแทรกด้วยกลิ่นถั่วอ่อนๆที่ทิ้งรสชาตินมไว้ปลายลิ้น ส่วนชีสเค้กไวท์ช็อคโกแลตนั้นได้ลิ้มรสครีมนุ่มๆตามด้วยไวท์ช็อคโกแลตที่จบด้วยโอริโอ้ครัมเบิ้ลทำเราประทับใจสุดๆ
หากถามความเห็นของเราคงบอกได้ว่า วานิลลาลาเต้ให้รสชาติหวานเข้มข้นที่เราสามารถเอ็นจอยกับเครื่องดื่มนี้ได้ราวกับกำลังทานขนมหวาน หรือถ้าสนใจเครื่องดื่มที่เน้นคาเฟอีน อเมริกาโน่หรือเครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่าง ‘Cafe Audrey’ เป็นเมนูที่เราอยากแนะนำ ซึ่งตอนนี้มีบริการส่งฟรีเมื่อสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านทางแอพลิเคชั่นบนโทรศัพท์อีกด้วย