7 ร้านมังสวิรัติใกล้ BTS ต้อนรับเทรนด์ฮิต 2019 ปีแห่ง Vegan Food

ปักหมุด! 7 ร้านอาหารมังสวิรัติ โลเคชั่นใกล้ BTS บรรยากาศน่านั่งชิล ที่คนกินเนื้อก็สามารถไป enjoy eating ได้แบบเต็มอิ่ม

7 ร้านมังสวิรัติใกล้ BTS ต้อนรับเทรนด์ฮิต 2019 ปีแห่ง Vegan Food
© Siam2nite

สื่อชั้นนำระดับโลก The Economist ยกให้ปี 2019 เป็นปีแห่ง “อาหารวีแกน” (Vegan Food) หลังพบว่า 1 ใน 4 ของประชากรหนุ่มสาวชาวอเมริกันวัย 25-34 ปี หันมารับประทานมังสวิรัติกันมากขึ้น สอดคล้องกับสถิติจาก The Vegan Society ที่เปิดเผยว่า ชาวมังสวิรัติในอเมริกาเพิ่มขึ้นกว่า 600% จาก 4 ล้านคนในปี 2014 เป็น 19.6 ล้านคนในปี 2017 และเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงทวีปอื่นๆ ที่อาหารมังสวิรัติเป็นที่ต้องการไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร ปีที่ผ่านมาพบว่า ความต้องการอาหารวีแกนของชาวอังกฤษ เพิ่มขึ้นสูงถึง 987% จากปี 2017

เพื่อต้อนรับ “เทรนด์อาหารแห่งปี” เราจึงได้รวบรวม “7 ร้านอาหารมังสวิรัติในกรุงเทพฯ” ที่พร้อมเสิร์ฟเมนูมังสวิรัติสุดหลากหลายในแบบฉบับที่ไม่ว่าคุณจะเป็นสายผักหรือสายเนื้อก็สามารถไป enjoy eating กันได้แบบเต็มอิ่ม ที่สำคัญตั้งอยู่ในโลเคชั่นใกล้ BTS สายสุขุมวิทใจกลางเมือง ตอบโจทย์วิถีคนเมืองสุดเร่งรีบอย่างเราๆ ให้สามารถเดินทางไปปรนนิบัติร่างกายด้วยมื้ออาหารดีๆจากธรรมชาติได้อย่างสะดวกสบายที่สุด ส่วนจะมีร้านไหนที่น่าสนใจบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย

01

ณ อรุณ (โรงแรมอริยาศรมวิลล่า)

© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite

เริ่มต้นกันที่ “ณ อรุณ” ห้องอาหารสุขภาพที่เสิร์ฟเมนูมังสวิรัติแบบไทยๆ ใจกลางกรุงเทพฯ สามารถลงสถานี BTS เพลินจิต แล้วตรงเข้าไปจนสุดซอยสุขุมวิท 1 เราก็จะพบกับบรรยากาศสุดคลาสสิกในสไตล์ไทยร่วมสมัย ที่ตัวร้านดัดแปลงมาจากบ้านเก่าอายุเกือบ 80 ปี ของ “คุณพระเจริญวิศวกรรม” อดีตคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ คนแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งท่านเป็นต้นตระกูลของ “คุณแอร์ (ปริย เชนะกุล)” ทายาทและเจ้าของบ้านคนปัจจุบัน

โดยหลังจากบ้านหลังนี้กลายเป็นสมบัติตกทอดมาถึงรุ่นหลาน จึงได้มีการปรับการใช้งานบางส่วนเป็นบูทีคโฮเทล ภายใต้ชื่อ “อริยาศรมวิลล่า” ที่เปิดให้บริการห้องพัก รวมถึงห้องอาหาร ณ อรุณ ซึ่งเน้นเสิร์ฟเมนูมังสวิรัติและซีฟู้ดเป็นหลัก (ไม่มีประเภทเนื้อสัตว์) เนื่องคุณแอร์และคุณเดวิด สามี ทานมังสวิรัติมานานกว่า 20 ปีแล้ว จึงถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่ทางร้านเต็มใจนำเสนอเพื่อเอาใจคนรักสุขภาพ

ณ อรุณ มีเมนูอาหารให้เลือกสั่งกว่า 100 เมนู ซึ่งจะกำกับไว้ชัดเจนว่าเมนูไหนเป็นมังสวิรัติหรือซีฟู้ด โดยอาหารมังสวิรัตินั้นมีให้เลือกสั่งกว่า 80% ซึ่งมีทั้งของทานเล่นและจานหลักอิ่มท้องที่หลากหลายพอสมควร เมนูแนะนำจานแรกคือ ปอเปี๊ยะทอด (170 บาท) ไส้ผักทอดจนกรอบเหลือง หั่นพอดีคำทานคู่กับน้ำจิ้ม จานที่สอง ยำส้มโอ (175 บาท) รสเปรี้ยวหวานกำลังดี ทานแล้วเย็นสดชื่น

ส่วนเมนูอาหารไทย เช่น มัสมั่นไก่เจ (245 บาท) รสชาติของทางร้านจะเน้นปรุงจัด น้ำแกงเข้มข้น ทานคู่กับ ข้าว 3 สี (55 บาท) ซึ่งรวมข้าวหอมมะลิ ข้าวอัญชัญ และข้าวกล้อง หรือจะเลือกสั่งเป็น ข้าวออแกนิก (70 บาท) ได้คุณค่าสารอาหารแบบเน้นๆ ก็พร้อมเสิร์ฟเช่นกัน

ของหวานแบบมังสวิรัติก็มีให้เลือกอร่อยมากมาย อาทิ ทับทิมกรอบบนไอศกรีมมะพร้าวซอเบ (145 บาท) ที่เย็นสดชื่นรสหวานกำลังดี , เฉาก๊วยน้ำกะทิกับธัญพืช (85 บาท) หรือขนมหวานแบบตะวันตก ที่ทำขึ้นแบบโฮมเมดโดยคุณเดวิด เช่น ทาร์ตชอคโกแลต (245 บาท) แอปเปิ้ลครัมเบิ้ล (240 บาท) ซึ่งเราจะได้ลิ้มรสขนมหวานเหล่านี้ในแบบสไตล์อังกฤษแท้ๆ

สำหรับเครื่องดื่มก็สามารถสั่งมาดับกระหายกันได้อย่างหลากหลายเช่นกัน ทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้สด หรือสมูทตี้เพื่อสุขภาพ แต่เราสามารถคาดหวังกับนานาเครื่องดื่มได้อีกมากมาย ด้วยความเป็นที่ห้องอาหารของโรงแรม จึงมีทั้ง hard drink และ soft drink บริการแทบจะทุกประเภท

นอกจากนี้ หากใครที่มาเป็นคู่หรือคนเดียว แล้วเลือกไม่ถูกว่าจะสั่งอะไรดี ทางร้านก็มี Specialities Vegetarian (1,650 บาท) เซตอาหารมังสวิรัติสำหรับ 2 คน และคนเดียว (850 บาท) ให้บริการเช่นกัน ซึ่งจะจัดเมนูอาหารที่มีทั้งของว่าง จานหลัก และเครื่องดื่ม ที่รับประทานเข้ากันเป็นอย่างดี มาให้อย่างพร้อมสรรพ

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ นอกจากเราจะได้อิ่มท้องไปกับอาหารมังสวิรัติรสชาติตำรับไทยสุดหลากหลายแล้ว ยังได้ซึบซับกลิ่นอายเก่าๆของบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายใน ที่ยังคงของเดิมไว้และเพิ่มเติมของใหม่เข้าไปอย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ของประดับ ที่เน้นเป็นงานไม้ งานผ้าสไตล์ไทย ท่ามกลางความโปร่งโล่งสบายของตัวห้องอาหาร ที่โครงสร้างเป็นเพดานสูง มีหน้าต่างรอบด้าน และหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถเปิดรับลมรับแสงธรรมชาติได้

โดยหากใครที่ชอบบรรยากาศชิลๆ ก็สามารถเลือกนั่งโซน outdoor ริมสระว่ายน้ำ ที่สดชื่นสบายตาด้วยสีเขียวของหมู่มวลต้นไม้น้อยใหญ่ พร้อมกับการรับประทานอาหารมื้อสุขภาพไปด้วย ก็อาจทำให้เราค้นพบวิธีชาร์จพลังให้ตัวเองอย่างง่ายๆ จนอาจต้องกลายเป็นขาประจำไปเลยก็ว่าได้

  • สถานที่:

    65 ซอย สุขุมวิท 1 แขวง คลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: เพลินจิต)

  • เวลาเปิดทำการ:

    06.30 - 22.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-254-8880

02

โดซ่า คิงส์ (Dosa King Bangkok)

ต่อกันที่ร้านอาหารสไตล์อินเดียมังสวิรัติ “Dosa King Bangkok” ย่าน BTS นานา ซึ่งเป็นร้านที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในฐานะผู้บุกเบิกอาหารอินเดียและมังสวิรัติในกรุงเทพฯ โดยเปิดให้บริการมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งเราสามารถคาดหวังรสชาติอาหารอันเข้มข้มแบบต้นตำรับแท้ๆได้ที่ร้านแห่งนี้ โดยไม่ต้องตีตั๋วบินไปไกลถึงประเทศอินเดีย!

ร้านตั้งอยู่สุขุมวิทซอย 11 สามารถลง BTS สถานีนานา ทางออก3 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเพียง 50 เมตร ก็จะพบป้ายบอกทางเข้าร้าน ที่จะนำเราไปสู่ร้านขนาด 2 คูหา ภายในกว้างขวาง ตกแต่งอย่างเรียบหรู บรรยากาศดี มีโซนที่นั่ง 2 ชั้น ซึ่งสามารถรองรับลูกค้าได้อย่างสบายๆ

จุดเด่นของ ​Dosa King คือการเสิร์ฟอาหารอินเดียมังสวิรัติที่เน้นรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการแบบจัดเต็ม ในขณะที่เราจะได้ลิ้มรสชาติเหมือนทานอาหารอินเดียถึงถิ่น ผ่านเมนูที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งอาหารอินเดียใต้ อินเดียเหนือ เครื่องดื่ม และของหวาน เมนูแนะนำที่น่าลองคือ Paneer Tikka Dosa (อินเดี้ยนเครป) ตัวโดซ่าส์จะทาพริกแกงเผ็ดแบบอินเดียทางภาคใต้ และเสริฟพร้อมคอตเทจชีสย่าง น้ำจิ้มมะพร้าว น้ำจิ้มผักชี และซุปถั่วเหลือง อีกจานคือ Chilli Dosa ไส้ข้างในมีหอม พริกหวาน พริกหยวก และคอตเทจชีส เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มมะพร้าว น้ำจิ้มผักชี ทานคู่ซุปถั่วเหลือง

ส่วนเครื่องดื่ม แน่นอนว่าต้องมี Lassi (โยเกิร์ตปั่นหวาน) เครื่องดื่มยอดนิยมของชาวอินเดีย ซึ่งทางร้านมีเมนู Mango Lassi โยเกิร์ตปั่นหวานมะม่วง ที่ใส่มะม่วงสุกลงไปเพิ่มรสชาติ ให้ได้หวานสดชื่นกันแบบเต็มๆแก้วด้วย

ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานช่วยเพิ่มน้ำตาลในเลือดอย่าง Gulab Jamun (กุหลาบ จามุน) ทำจากนมผสมแป้งสาลี แช่ในน้ำเชื่อม และ Ras Malai (ราส มาลัย) คอนเทจชีสกับนม แช่ในนมหวาน ขนมหวานชื่อดังของอินเดีย ที่ไม่ได้หาทานกันได้ทั่วๆ ไป จบมื้ออินเดียสไตล์แบบเต็มอิ่ม

  • สถานที่:

    สุขุมวิท ซอย 11 ถนนสุขุมวิท แขวง คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: นานา)

  • เวลาเปิดทำการ:

    11.00 - 23.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 080-545-1111

03

เมย์ เวจจี้ โฮม (May Veggie Home)

© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite

May Veggie Home ร้านอาหารมังสวิรัติที่มีคอนเซ็ปต์สุดแปลก “ร้านมังฯ ของคนกินเนื้อ” เนื่องจากจุดเด่นของทางร้านที่เน้นรสชาติแบบปรุงจัด เพราะอยากให้คนกินเนื้อมาลองอาหารมังสวิรัติแล้วไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง จนกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนทั่วไปที่อยากปรนนิบัติร่างกายด้วยมื้ออาหารดีๆ โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเฉพาะชาวมังสวิรัติเท่านั้น

ร้านตั้งอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก แยกอโศก-สุขุมวิท สามารถลง BTS สถานีอโศก ทางออก 4 แล้วตรงต่อมาเพียง 100 เมตร ภายในร้านกว้างขวาง ตกแต่งอย่างเรียบง่าย บรรยากาศสบายๆ ให้ความรู้สึกราวกับนั่งทานข้าวชิลๆ ที่บ้าน

อาหารที่ May Veggie Home ทุกจานเป็นเมนูมังสวิรัติสูตรโฮมเมด ซึ่งใช้วัตถุดิบ Vegan แบบออแกนิก ไม่มีผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และไม่ใส่ผงชูรส โดยเนื้อสัตว์ที่อยู่ในเมนูนั้น ทำมาจากวัตถุดิบหลักๆ อย่าง เต้าหู้ เห็ด และธัญพืชต่างๆ ที่นำมาสร้างสรรค์ให้มีสัมผัสใกล้เคียงกับของจริง เพื่อให้อาหารดูน่ารับประทาน และมีโปรตีนอย่างครบถ้วน

ซึ่งเมนูอาหารก็มีให้เลือกอร่อยมากมาย ทั้งอาหารไทยฟิวชั่น ตะวันตก ญี่ปุ่น และนานาชาติ เช่นเมนูแนะนำที่เราได้ลองทานอย่าง เบอร์เกอร์ชีสบาร์บีคิว (249 บาท) ที่เสิร์ฟมาในไซส์สุดคุ้ม เบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ที่ใช้ขนมปังโฮมเมดหอมนุ่ม ประกบกับเนื้อที่ทำจากถั่วเหลือง ราดด้วยชีสที่ทำจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ พร้อมด้วยเครื่องเคียงอย่าง หัวหอมทอด มันฝรั่งทอด ซอสสูตรพิเศษของทางร้าน และซอสมะเขือเทศ

ต่อด้วย ยำแซ่บไก่กรอบ (159 บาท) จานนี้รสชาติแซ่บถึงเครื่องยำ รสเผ็ดเปรี้ยวหวานกำลังดี เนื้อไก่ทำมาจากถั่วเหลืองหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ กรอบนุ่มให้รสสัมผัสเหมือนเนื้อไก่จริงๆ และอีกจานเป็นประเภทผักผลไม้ที่เน้นสุขภาพเต็มๆคือ ยำอะโวคาโด (199 บาท) ที่เสิร์ฟมาพร้อมอะโวคาโกสด 1 ลูกผ่าครึ่ง ปรุงรสน้ำยำแบบตะวันตกผสมไทย ท็อปด้วยผัดสดนานาชนิด โรยหน้าด้วยงา ได้ฟีลทานคลีนแบบมีรสชาติ

ปิดท้ายมื้อสุดเฮลท์ตี้ด้วยเครื่องดื่มสุขภาพเย็นๆ จากผักผลไม้อย่าง น้ำผลไม้คั้นรวมกาก (99 บาท) ที่ในหนึ่งแก้วอัดแน่นไปด้วย สัปปะรด บีทรูท แครอท แอปเปิ้ลเขียว-แดง และฝรั่ง ปั่นสดๆ จบมื้ออย่างสดชื่น

  • สถานที่:

    แยกอโศก ตรงข้ามตึก Exchange Tower
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: อโศก)

  • เวลาเปิดทำการ:

    11.00 - 22.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-118-2967

04

รัสยานา รีทรีต รอว์ฟู้ดคาเฟ่ (Rasayana Retreat : Raw Food Café)

© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite

รัสยานา รีทรีต รอว์ฟู้ดคาเฟ่ (Rasayana Retreat: Raw Food Café) มีความแตกต่างจากร้านอาหารมังสวิรัติและ Vegan ร้านอื่นๆ อย่างชัดเจน ด้วยคอนเซ็ปต์ของร้านคือ “Raw Vegan Food” หรืออาหารที่ประกอบไปด้วยผัก, ผลไม้, ถั่ว และธัญพืช เป็นหลัก ไม่มีเนื้อสัตว์ แป้ง ไข่ นม เนย น้ำตาลขัดขาว ที่สำคัญการประกอบอาหาร Raw Food จะไม่ใช้ความร้อนเกิน 44 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาเอนไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ในผัก ผลไม้ ไว้ให้ได้มากที่สุด จึงมั่นใจได้ว่าทุกเมนูดีต่อสุขภาพแน่นอน เพราะเราจะได้สารอาหารแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

สำหรับเมนูแนะนำก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย เริ่มต้นที่ Starter อย่าง Mock Salmon Sushi (195 บาท) ซูชิแซลมอนม็อก ที่ทำจากอัลมอนด์, แครอท, น้ำมะนาว และโชยุ ส่วนโรลประกอบด้วย พริกหยวก, อโวคาโด้, แครอท, มะเขือเทศ และผักกาดหอม ที่เสิร์ฟมาพร้อมสลัดเครื่องเคียง ราดด้วยน้ำสลัดพริกหยวก รสชาติออกอมเปรี้ยว ได้สัมผัสซูชิแบบคลีนๆ ไปอีกแบบ

ต่อด้วยอีกหนึ่งเมนูที่เป็นไฮไลท์คือ Pasta Carbonara (220 บาท) พาสต้นที่ใช้เส้นจากซูกินีสด และซอสที่ทำจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เบคอนทำจากมะพร้าว พาร์เมซานทำจากยีสต์ และโรยหน้าด้วยพาร์สลี ออกมาเป็นพาสต้า Raw Food ที่รสชาติกลมกล่อมใกล้เคียงของจริง

ที่พลาดไม่ได้คือของหวาน ซึ่งมีให้เลือกประมาณ 10 รายการ ไม่ว่าจะเป็น Tiramisu Cake (180 บาท) ที่ใช้น้ำตาลมะพร้าวและนมอัลมอนด์ทำครีมแทนนมวัว, Raw Strawberry Cheese Cake (180 บาท), Banana Ice Cream (150 บาท), Carrot Cake (190 บาท) เป็นต้น ซึ่งทุกเมนูล้วนเป็นเบเกอรี่แบบ Raw Vegan แต่มีหน้าตาและรสชาติใกล้เคียงกับออริจินัลแทบไม่ต่างเลยทีเดียว ส่วนเครื่องดื่มก็มีเมนูน้ำผลไม้สกัดเย็น, Smoothies อาทิ Watermelon Smoothie (140 บาท), Red Alert (130 บาท) น้ำผักสกัดเย็นที่มีส่วนผสม บีทรูท, แอปเปิ้ล, มะนาว และขิงซึ่งทุกเมนูของที่นี่นอกจากอิ่มท้องแล้ว เราจะได้สุขภาพกลับบ้านเต็มๆ

รัสยานา รีทรีต รอว์ฟู้ดคาเฟ่ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 (พร้อมมิตร) สามารถลง BTS สถานีพร้อมพงษ์ แล้วต่อรถเข้าไปในซอย (หากใช้วิธีเดิน อาจจะใช้เวลาสักเล็กน้อย) ภายใต้บรรยากาศสุดร่มรื่น มีต้นไม้ล้อมโซนที่นั่งของร้านซึ่งเป็นแบบ open-air ให้เราสามารถนั่งสูดอากาศสดชื่นกันได้แบบเต็มปอด นอกจากอาหาร Raw Food ที่กล่าวไปนั้น จริงๆ แล้ว รัสยานา รีทรีตท์ ยังเป็นศูนย์สุขภาพครบวงจร ที่เปิดให้บริการฟื้นฟูสุขภาพด้วยการล้างพิษ นวดบำบัด นวดสปา นวดกดจุด รวมถึงบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพอีกด้วย

  • สถานที่:

    57 ซอย สุขุมวิท 39 (พร้อมมิตร) แขวง คลองตันเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: พร้อมพงษ์)

  • เวลาเปิดทำการ:

    09.00 - 21.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-662-4803

05

วีแกนเนอรี คอนเซ็ปต์ (Veganerie Concept)

© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite

วีแกนเนอรี คอนเซ็ปต์ (Veganerie Concept) ร้านอาหารและเบเกอรี่บรรยากาศสบายๆ สไตล์คาเฟ่ หลังสวนเบญจสิริ ที่เจ้าของร้านต้องการให้ที่นี่เป็นเหมือน community สำหรับคนรักสุขภาพได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ภายในร้านตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลดิบๆ แฝงธรรมชาติด้วยไม้ประดับสีเขียวสบายตา และชุดโต๊ะเก้าอี้สีไม้ที่จัดวางอย่างเรียบง่าย ซึ่งมีให้เลือกนั่งทั้งแบบโต๊ะใหญ่ โต๊ะ 4 คน และบาร์ติดกระจกให้ได้นั่งมองวิวด้านนอก ที่เป็นโซน outdoor กันได้แบบเพลินๆ

จุดเริ่มต้นของ Veganerie เกิดจากเจ้าของร้านและครอบครัวเริ่มทานอาหาร Vegan และพบว่าสุขภาพร่างกายดีขึ้น จึงอยากให้คนอื่นๆ ได้มีสุขภาพที่ดีเหมือนกัน รวมถึงต้องการเปลี่ยนมุมมองของคนทั่วไปว่าการกินอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์นั้นจริงๆ แล้ว รสชาติอร่อย หลากหลาย และไม่ได้มีแต่ผัก

โดยหากมานั่งชิลที่นี่ เราสามารถคาดหวังทั้งอาหารคาวและหวานได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นมื้อใหญ่หรือมื้อเล็ก ก็สามารถเลือกสั่งได้หลากหลายสไตล์ ทั้งไทยฟิวชั่น, ตะวันตก โดยอาหารแนะนำของทางร้านที่เป็นเมนูยอดฮิตคือ ส้มตำไก่ทอด (210 บาท) ที่เสิร์ฟมาพร้อมผักสดและไก่ทอดสูตรพิเศษที่ดัดแปลงมาจากเห็ดหิมะ แล้วนำมาปรุงแต่งให้มีเนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับไก่จริงมากที่สุด ทานคู่กับซอสสูตรเฉพาะ จานนี้เราจะได้รับโปรตีนจากเห็ด

อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ Veganerie Italian Zoodle (260 บาท) เมนูพาสต้าแคลอรี่ต่ำ จากเส้นซูกินีสด ราดด้วยซอสพาสต้ามะเขือเทศโฮมเมด ไส้กรอกถั่วเหลือง เห็ดแชมปิยอง ออริกาโน และชีสพาร์เมซานจากถั่วหิมพานต์ ถึงรสชาติแบบต้นตำรับอิตาเลียนแท้ๆ

ส่วนเมนูของหวานถือเป็นซิกเนเจอร์ของ Veganerie เลยก็ว่าได้ เพราะจริงๆแล้วทางร้านเริ่มจากเบเกอรี่มาก่อน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะมีให้เลือกเติมหวานกันอย่างนานาอย่าง ทั้ง อัลมอนด์ช็อกโกแลตฟัดก์เค้ก (125 บาท), เรดเวลเวดเค้ก (140 บาท), อิตาเลียนโรล (75 บาท) หรือ ฟรุตตี้ดีไลท์วาฟเฟิล (185 บาท) และเครื่องดื่มเย็นๆ ทั้ง โกโก้เย็น (120 บาท) ซึ่งใช้นมถั่วเหลืองและนมอัลมอนด์แทนนมวัว, มัทฉะลาเต้ (120 บาท) รวมถึงเมนูสมูทตี้เพื่อสุขภาพ อาทิ Flat Berry Smoothie (180 บาท) ที่มีส่วนผสมของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ รสชาติออกเปรี้ยว ได้ประโยชน์เต็มๆ แก้ว

และตอนนี้ Veganerie เริ่มขยายสาขาเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าสายเฮลท์ตี้กันอย่างทั่วถึง ซึ่งหากใครที่เป็นสายของหวานโดยเฉพาะก็สามารถชวนเพื่อนๆ แวะไปที่ Veganerie Soul สาขา สยามพารากอน (BTS สยาม), Veganerie Cafe สาขา Mercury Ville ชิดลม (BTS ชิดลม) หรือ Veganerie Take-Home สาขา Emquatier (BTS พร้อมพงษ์) ที่เน้นให้บริการเมนูเบเกอรี่โดยเฉพาะแบบจัดเต็ม นอกจากนั้นทางร้านเพิ่งเปิดสาขาใหม่ Vaganerie สีลมคอมเพล็กซ์ (BTS สีลม) ซึ่งกำลังมีเมนูใหม่ๆ ที่น่าสนใจและพร้อมเสิร์ฟให้ได้ไปลองกันอีกเพียบเช่นกัน

  • สถานที่:

    35/2 ซ.เมธีนิเวศน์ สุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: พร้อมพงษ์)

  • เวลาเปิดทำการ:

    10.00 น. - 22.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 089-628-8803

06

บร็อกโคลี่ เรฟโวลูชั่น (Broccoli Revolution)

© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite

มาถึงร้านที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพและชื่นชอบบรรยากาศชิลๆสไตล์คาเฟ่สุดชิคอย่าง Broccoli Revolution กันบ้าง กับคอนเซ็ปต์หลักของร้านคืออาหาร “Plant-Based” หรือ Veganแบบ 100% ที่ทุกๆ เมนูจะใช้วัตถุดิบจากพืชผักทั้งหมด ไม่มีนม เนย น้ำผึ้ง หรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์เป็นส่วนประกอบ ที่สำคัญมาจากฟาร์มเกษตรอินทรีย์ และได้นำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารที่หลากหลาย จากประสบการณ์ด้านอาหารและการใช้ชีวิตในแถบภูมิภาคอินโดจีน รวมถึงประเทศอื่นๆ จากการเดินทางและท่องเที่ยวของ “คุณหนู ณยา เอียร์ลิคซ์-อาดัม” ผู้ก่อตั้งร้าน

ทำให้ปัจจุบันทางร้านมีอาหารให้เลือกชิมมากมายหลายสัญชาติ ทั้งเอเชีย และ ยุโรป ซึ่งบางเมนูก็แปลกตาและไม่เคยได้ยินชื่อที่ไหนมาก่อน เนื่องจากหลายเมนูก็ได้นำมาปรับปรุงสูตรให้มีความแปลกใหม่ และพิเศษเฉพาะของทางร้านเท่านั้น อย่าง Phnom Penh Tofu Salad (180 บาท) หรือสลัดเต้าหู้พนมเปญ ที่ได้ inspired มาจากอาหารกัมพูชาซึ่งในจานจะมีเมล็ดยี่หร่า เต้าหู้ และนานาผัก ที่เสิร์ฟมาพร้อมซอสถั่วเหลืองใส่พริก ได้รสชาติและกลิ่นที่ไม่เหมือนสลัดจานไหนๆ

อีกเมนูที่หน้าตาน่ารับประทานไม่แพ้กันคือ Pesto Tortilla Pizza (250 บาท) พิซซ่าผักแป้งตอติลย่า เนื้อบางกรอบ หน้าพิซซ่าอัดแน่นด้วยผัก ทั้งมะเขือเทศ พริกหยวก สีสันน่ารับประทาน อิ่มอร่อยได้แบบไม่ต้องกลัวพุงออก หรือถ้าไม่ชอบเมนูที่หนักมากจนเกินไป จะสั่งเป็น Beetroot Salad (180 บาท) หรือ Black Quinoa Avocado Salad (250 บาท) ก็อิ่มแบบเบาท้องได้เช่นกัน และที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาที่นี่คือน้ำผักสกัดเย็น ที่มีให้เลือกหลากหลายรส โดยเราได้ลอง NO.9 (190 บาท) ที่มีส่วนผสมของบีทรูท แครอท แอปเปิ้ลเขียว และ มะนาว รู้สึกสดชื่นและได้รสชาติผักผลไม้สดแบบเต็มๆ แก้ว

ส่วนบรรยากาศภายในร้านตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลผสานลอฟต์ เน้นคงความดิบเท่ของผนังปูนเปลือยแซมอิฐและโครงเหล็ก แต่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและนั่งชิลกันได้อย่างไม่มีเบื่อ ด้วยสีเขียวสบายตาของต้นไม้นานาชนิด และต้นเฟิร์นที่ประดับอยู่ตามมุมต่างๆ ในร้าน ประกอบกับโซนที่นั่ง ที่ถูกจัดวางให้มีระยะห่างพอสมควร มีบาร์ติดกระจก และชั้นลอยภายในร้าน รวมถึงชั้น 2 ที่มีห้องกระจกขนาดกระทัดรัด ให้ผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ได้ใช้เวลาเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมกับการนั่งชมวิวถนนและตึกรามต่างๆ ของย่านสุขุมวิท

  • สถานที่:

    899 (ปากซอยสุขุมวิท 49) ถนนสุขุมวิท แขวง คลองตันเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: ทองหล่อ)

  • เวลาเปิดทำการ:

    09.00 - 22.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 095-251-9799

07

คุณเชิญ (Khun Churn)

© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite

ปิดท้ายกันที่ “คุณเชิญ” ร้านอาหารมังสวิรัติ สไตล์โมเดิร์น บรรยากาศสบายๆ ใจกลางเมืองที่ตั้งอยู่ในตึก Bangkok Mediaplex ชั้น G ซึ่งเราสามารถเดินเข้ามาจากทางเชื่อมที่ติดกับสถานี BTS เอกมัยได้เลย สำหรับอาหารมังสวิรัติของที่นี่ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นอาหารไทย 4 ภาค และจานเดียว ซึ่งมีให้เลือกกว่า 100 เมนู ที่สำคัญทุกจานผ่านการปรุงสุกจากวัตถุดิบธรรมชาติชั้นดีที่สดใหม่ สะอาด ปลอดสารพิษ ไม่ขัดขาว และไม่ใช้ผงชูรส แต่ยังคงรสชาติที่คุ้นลิ้นไว้ได้เป็นอย่างดี ที่ไม่ว่าจะเป็นคนที่กินมังสวิรัติอยู่แล้วหรือไม่นั้น ก็สามารถทานได้อย่างไม่ฝืนใจ เพียงแต่ส่วนผสมที่คุ้นเคยอย่างเนื้อสัตว์ ทางร้านจะใช้เป็นผักต่างๆ นานาเห็ด เต้าหู้ และธัญพืช แทนเท่านั้นเอง

อาหารกว่า 100 เมนูของร้านคุณเชิญ มีทั้งของว่าง จานหลัก จานเดียว และสลัด/ซุป เมนูแนะนำจานแรกเป็นของว่างยอดฮิตอย่าง ปอเปี๊ยะสดคุณเชิญ (110 บาท) ทานคู่กับซอสออกเปรี้ยวนิดๆ เข้ากับผักสดเป็นอย่างดี จานที่สอง เมี่ยงตะไคร้ใบชะพลู (110 บาท) และยำส้มโอ (110 บาท) เมนูที่ได้คุณประโยชน์จากพืชผักสมุนไพรเต็มๆ

หลังเตรียมท้องด้วยของว่างแบบเบาๆ ก็เริ่มมื้อด้วยจานหลักแนะนำที่เป็นดาวเด่นของร้านอย่าง ข้าวซอยคุณเชิญ (125 บาท) ซึ่งเสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงและเส้นหมี่กรอบ ที่จัดวางบนใบตองยกมาพร้อมกระจาดเล็กได้ฟีลแบบไทยๆ จานนี้เนื้อสัตว์ใช้เป็นโปรตีนเกษตร คู่กับน้ำแกงที่ปรุงแบบตำรับเหนือแท้ๆ ของร้าน ได้รสชาติไม่ต่างจากข้าวซอยพื้นเมือง

ส่วนอีกหนึ่งเมนูที่เราได้ลองคือ ข้าวผัดมันกุ้งพม่า (125 บาท) ซึ่งคือข้าวไม่ขัดสีผัดคลุกเคล้าพริกเผา เห็ดหอม และไข่ จนร่วนกำลังดี เสิร์ฟมาในจานทานแกล้มกับผักสดอย่าง บีทรูท, แครอทฝอย และแตงกว่า ถึงเครื่องรสเผ็ดแบบเบาๆ

ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ที่มีให้เลือกมากมายทั้ง น้ำสมุนไพร เช่น ชามะลิบ๊วย (60 บาท), ชามะนาว (70 บาท), น้ำผลไม้สกัดสดก็มีให้เลือกตามใจชอบเช่นกัน

  • สถานที่:

    ตึก Bangkok Mediaplex ชั้น G
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: เอกมัย)

  • เวลาเปิดทำการ:

    10.00 - 20.30 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-713-6599

Klook.com

บทความอื่น

รวมบทความน่าสนใจ โดยทีม Siam2nite

  1. 'วากิว ซันโด' Comfort Food สุดฮิตจากญี่ปุ่น มาถึงเมืองไทยแล้ว!

    'วากิว ซันโด' Comfort Food สุดฮิตจากญี่ปุ่น มาถึงเมืองไทยแล้ว!

    “ญี่ปุ่น” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่นอกจากจะมีอาหารอร่อย เป็นที่นิยมของคนทั่วโลก ยังขึ้นชื่อเรื่องการครีเอทเมนูใหม่ๆ ที่บางเมนูก็เป็นอาหารง่ายๆ แต่กลับด...

    อาหาร · 18 เมษายน 2019
  2. 15 ร้านข้าวแช่คลายร้อน ต้อนรับสงกรานต์ 2562

    15 ร้านข้าวแช่คลายร้อน ต้อนรับสงกรานต์ 2562

    “ข้าวแช่” เมนูอาหารโบราณตำรับชาววังที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน โดยเมื่อหลายร้อยปีก่อน ข้าวแช่ถือเป็นอาหารของชาวมอญ ก่อนที่ชาวไทยจะรับธรร...

    อาหาร · 5 เมษายน 2019
  3. ‘สนูป ด็อกก์’ แชร์สูตรเมนูโปรดสไตล์พ่อบ้านแร็ปเปอร์ในหนังสือสอนทำอาหารเล่มแรกในชีวิต

    ‘สนูป ด็อกก์’ แชร์สูตรเมนูโปรดสไตล์พ่อบ้านแร็ปเปอร์ในหนังสือสอนทำอาหารเล่มแรกในชีวิต

    แร็ปเปอร์รุ่นใหญ่เจ้าของเพลงฮิตตลอดกาล Gin & Juice, Drop it like it’s hot และร่วมฟีทเจอริ่งใน The Next Episode สุดคุ้นหู ที่ไม่ว่าเปิดเมื่อไหร่ก็โย...

    อาหาร · 27 กันยายน 2018
  4. 5 ขนมไหว้พระจันทร์สูตรเฉพาะ เปลี่ยนรสชาติแห่งเทศกาลให้ไม่จำเจ

    5 ขนมไหว้พระจันทร์สูตรเฉพาะ เปลี่ยนรสชาติแห่งเทศกาลให้ไม่จำเจ

    “ขอให้ดวงหน้าและผิวพรรณนวลสวยเหมือนอย่างพระจันทร์” เป็นคำอธิษฐานที่หญิงสาว (เชื้อสาย) จีนหลายคนคงภาวนาในคืนวันไหว้พระจันทร์ ทุกวันขึ้น 15 ค่ำหรือวั...

    อาหาร · 24 กันยายน 2018

ซีรีส์บทความ

เรื่องราวดีๆ ที่เราเลือกสรรมาอัพเดทให้คุณเป็นประจำ