Suit Up: 16 ร้านตัดสูทในกรุงเทพฯ ที่จะดึงความเป็นสุภาพบุรุษในตัวคุณ
สำหรับผู้ชายในยุค 4.0 แล้ว การดูแลตัวเองถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงการแต่งกายที่จะช่วยเสริมลุคให้เป็นชายหนุ่มที่ดูดีอยู่เสมอ บางครั้งจึงต้องให้รางวัลตัวเองสักครั้ง ด้วยประสบการณ์ของการสวมใส่สูทสั่งตัดที่สามารถเข้ากับรูปร่างของทุกคนได้พอดิบพอดี จนกลายเป็นชุดสูทสุดเท่ที่จะเติมคำว่า ‘สุภาพ’ ด้านหน้าคำว่า ‘บุรุษ’ โดยอัตโนมัติ
โดยบทความนี้ จะมาแนะนำ 16 ร้านตัดสูทคุณภาพสำหรับงบประมาณทุกประเภท ที่จะทำให้สุภาพบุรุษทุกท่านโดดเด่น เสริมบุคลิกภาพ และมีสไตล์เป็นของตนเอง
Ambassador & Smart Fashion - AMBFA Tailor
การหาสูทมาใส่สักตัว อาจจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่การหาสูทที่ใส่แล้วแมทช์เข้ากับตัวคุณ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก แต่ที่ร้าน Ambassador & Smart Fashion จะช่วยเนรมิตให้หนุ่มๆ มีลุคที่เพอร์เฟกต์และสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพราะเพียงแค่แวะมาที่นี่ที่เดียว ก็สามารถหล่อ เท่ สไตล์สุภาพบุรุษสุดเนี้ยบกันได้แบบไม่ยากเย็น
จากประสบการณ์การดำเนินกิจการมาเป็นเวลากว่า 40 ปี ซึ่งเป็นที่โดนใจของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมั่นใจได้เลยว่าที่นี่มาพร้อมคุณภาพพร้อมแบบคับแก้วจริงๆ โดยร้านให้บริการตัดสูททุกประเภทสำหรับผู้ชายและผู้หญิง มีให้เลือกทั้งสูทแบบทางการ สูทแบบลำลอง รวมไปถึงเสื้อผ้าสไตล์ต่างๆ ที่ต้องการ ก็สามารถนำมาปรึกษาและให้ทางร้านออกแบบได้เช่นกัน
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน เริ่มตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน ทางร้านก็พร้อมดีไซน์เสื้อผ้าออกมาให้เข้ากับยุคสมัยและบุคลิกของลูกค้า ภายใต้การปรับแพทเทิร์นให้เข้ากับแต่ละคนได้เป็นอย่างดี ผ่านการเลือกสรรวัสดุและเนื้อผ้าที่ได้มาตรฐาน เช่น ผ้าวูล ผ้าวูลเนื้อละเอียด ผ้าแคชเมียร์ ผ้าคอตตอน ผ้าลินิน ผ้าโพลีเอสเตอร์ รวมไปถึงผ้าไหม ก็มีให้เลือกเช่นกัน โดยผ้าประเภทต่างๆ นั้นได้นำเข้ามาจากหลากประเทศ อาทิ อิตาลี เยอรมัน อังกฤษ และออสเตรเลีย
สำหรับการตัดเย็บนั้น ทางร้านเน้นการตัดแบบพรีเมี่ยมผ่านฝีมือของช่างมากประสบการณ์ โดยขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน แต่ถ้าใครต้องรีบใช้งาน ก็สามารถลองปรึกษากับทางร้านเพื่อสั่งตัดแบบงานด่วนได้เช่นกัน ส่วนใครที่นำกลับไปใส่แล้ว มีบางจุดที่รู้สึกไม่พอดี ทางร้านก็พร้อมแก้ไขให้ในภายหลัง
นอกจากเสื้อผ้าแบบต่างๆ ที่ทางร้านพร้อมให้บริการอย่างเต็มที่แล้ว ก็ยังมีแอคเซสซอรี่อย่างเช่นเนคไทและคัฟลิงค์ที่จะมาช่วยเสริมลุคให้คุณสุภาพบุรุษได้เท่กันแบบไร้ที่ติ
Sam Cerruti Custom Tailors
หากชายหนุ่มคนไหนกำลังมองหาร้านตัดสูทคุณภาพ Sam Cerruti Custom Tailors (ร้านตัดสูทแซมเซอร์รูติ) ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่คุณต้องลิสต์ไว้ในใจ เพราะที่นี่ถือเป็นร้านสูทเก่าแก่ระดับคุณภาพ ทั้งในเรื่องของการออกแบบ เนื้อผ้า รวมไปถึงการตัดเย็บสุดประณีต โดยร้านถือเป็นกิจการครอบครัวที่สืบทอดกันมา และเปิดให้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 42 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ได้รับการดูแลโดยคุณแซม ภาคิน ทวีนันทกุล ที่เป็นทายาทรุ่นที่ 2
บริการของทางร้านจะมีทั้งการออกแบบและตัดเย็บสูททุกชนิด ซึ่งถือเป็น One Stop Shop ขนานแท้ เพราะเพียงแค่แวะมาที่นี่ที่เดียว คุณจะได้ลุคที่หล่อเนี้ยบแบบสุดๆ กลับบ้านไปด้วยอย่างแน่นอน โดยไอเท็มเสริมความหล่อนั้น มีให้เลือกเติมเต็มกันแบบครบลุค ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสูท เสื้อเชิ้ต กางเกง รองเท้า เนคไท และแอคเซสเซอรี่ต่างๆ ที่ขนกันมาให้เลือกอย่างเต็มที่ ส่วนหนุ่มคนไหนที่มีสาวข้างกาย ทางร้านก็ยังมีบริการตัดสูท เสื้อผ้า และกระโปรง สำหรับคุณผู้หญิงด้วยเช่นกัน
มาถึงเรื่องของคุณภาพกันบ้าง ต้องบอกเลยว่าอัดแน่นไม่แพ้กัน เพราะเนื้อผ้าที่ทางร้านเลือกใช้จะนำเข้าจากอังกฤษและอิตาลี ก่อนจะนำไปตัดเย็บอย่างพิถีพิถันโดยช่างฝีมือเยี่ยมมากประสบการณ์ ซึ่งใครที่มีแบบของเสื้อผ้าในใจอยู่แล้ว ก็สามารถนำมาให้ที่ร้านจัดการได้เลย ส่วนใครที่ยังไม่มีไอเดีย ทางร้านก็พร้อมเนรมิตลุคสุดเท่ให้เหมาะกับลูกค้าทุกคนได้เช่นกัน
สำหรับขั้นตอนทั้งหมดในการออกแบบและตัดเย็บชุดจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ก็พร้อมสแตนด์บายรองรับงานด่วนที่ใช้เวลาประมาณ 3 วัน และถ้าหากว่านำชุดกลับไปใส่แล้วมีปัญหา ทางร้านก็พร้อมแก้ไขให้ลูกค้าแบบทุกเมื่อ ถือเป็นบริการหลังการขายสุดยอดเยี่ยม ที่ทำให้หลายคนติดใจและแวะเวียนกลับมาที่ร้านในทุกครั้งที่นึกถึงการตัดสูท
DGRIE
การใส่สูทช่วยเสริมลุคให้หนุ่มๆ ดูดีขึ้นมาได้แบบทันตาเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสูทตัวนั้นเข้ากับทั้งบุคลิก รูปร่าง และสไตล์ของเราอย่างแท้จริง ซึ่งที่ DGRIE (ดีกรี) ร้านสูทสุดเรียบหรู ใจกลางสยาม ถือเป็นหนึ่งในร้านตัดสูทระดับคุณภาพที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยคนสำคัญในการเนรมิตรลุค Gentleman ให้หนุ่มๆได้หล่อเนี้ยบกันแบบหัวจรดเท้า
ด้วยประสบการณ์และชื่อเสียงที่สั่งสมมาตั้งแต่ปี 2011 กับจุดเด่นของทางร้านที่เน้นสูทในสไตล์แบบ Luxury Men Wear ที่มีความคลาสสิก เรียบหรู และสวมใส่ได้ในทุกโอกาส แถมคุณภาพแน่น เพราะเนื้อผ้าที่ทางร้านเลือกใช้ทั้งหมดนำเข้าจากประเทศอังกฤษและอิตาลี และผ่านกระบวนการตัดเย็บสุดพิถีพิถัน ที่ใช้ช่างฝีมือเยี่ยมผู้มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี
โดยทางร้านรับตัดสูทกันแบบครบทุกสไตล์ ไม่ว่าจะงานเล็ก งานใหญ่ หรือสูทเจ้าบ่าวสุดเป๊ะ ซึ่งจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ดีเทลที่ต้องการ อาทิ เนื้อผ้า สี กระดุม ซับใน ฯลฯ โดยขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งหากใครที่มีแบบในใจอยู่แล้ว ก็สามารถปรึกษากับทางร้านเพื่อขอคำแนะนำหรือปรับแพทเทิร์นให้ออกมาลงตัวที่สุดก็ได้ แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีไอเดีย ทางร้านก็พร้อม offer ให้คุณแบบเต็มที่เช่นกัน
นอกจากนี้ไอเท็มที่เป็นของคู่กันกับสูทอย่างเชิ้ตและกางเกง ทางร้านก็รับออกแบบและตัดเย็บเช่นกัน รวมถึงจำหน่ายงานแบบ Ready to wear ที่พร้อมให้คุณหนุ่มๆเสริมลุคหล่อได้แบบไม่ต้องรอ ทั้ง สูททางการ ชุดเสื้อ-กางเกง และเบลเซอร์ที่เน้นสไตล์แคชวลที่สามารถหยิบจับมาแมทช์กับเสื้อผ้าในตู้ของเราได้ทุกเมื่อ
ส่วนแอคเซสซอรี่อื่นๆ ที่จะมาช่วยเติมเต็มลุคให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ทางร้านก็มีให้เลือกหากันแบบครบครัน ทั้ง เนคไท คัฟลิงค์ ไทคลิป พิน ผ้าเช็ดหน้า เสริมทัพด้วยพอกเกตสแควร์ ผ้าพันคอ หมวก เข็มขัด รองเท้า และกระเป๋า หรือพูดง่ายๆว่ามาที่ DGRIE ที่เดียวคุณจะได้ลุคสุภาพบุรุษสุดเนี้ยบกลับไปด้วยอย่างแน่นอน
สำหรับร้านตัดสูท DGRIE ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งหมด 2 สาขาได้แก่ สยามสแควร์ซอย 2 (สาขาแรก) และ สาธร-นราธิวาสราชนครินทร์ 15 ซึ่งทั้งสองสาขาโดดเด่นมาตั้งแต่การตกแต่งร้านที่มีความเรียบหรู เน้นเป็นโทนสีดำ-ทอง มีกลิ่นอายความวินเทจผสมผสานกับความคลาสสิกเบาๆ ที่บ่งบอกสไตล์ของร้านที่มีความเป็น Luxury Men Wear อย่างชัดเจน
ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ครบจบในที่เดียว แถมคุณภาพคับแก้ว หนุ่มๆ ที่กำลังมองหาร้านตัดสูทดีๆ สักตัวที่เข้ากับยุคสมัยและสไตล์ของตัวเอง DGRIE ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับราคาชุดสูท เริ่มต้นที่ 6,900 บาท ใช้ระยะเวลาในการตัดเย็บประมาณ 3 สัปดาห์ แต่หากใครมีเหตุจำเป็นที่ต้องการงานเร่งด่วนซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ทางร้านก็พร้อมบริการเช่นกัน (แต่อาจจะมีเซอร์วิสชาร์จเล็กน้อย)
Patrick & Co Bespoke Tailors
แม้แต่รสชาติความอร่อย นักชิมยังเชื่อถือร้านอาหารระดับตำนาน ฉะนั้นการจะตัดสูทสักตัว ร้านเก่าแก่ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ในปี 1968 ที่ถือเป็นช่างตัดเสื้อคนแรกของไทยที่เริ่มตัดเครื่องแบบให้กับกองทัพอเมริกาอย่าง Patrick & Co ย่อมได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหลายต่อหลายรุ่น และสั่งสมชื่อเสียงมารวมถึงประสบการณ์มายาวนานเกือบ 60 ปี ถือเป็นร้านตัดสูทรุ่นเก๋าที่คุณผู้ชายสามารถวางใจในคุณภาพและบริการที่ยอดเยี่ยมได้ตั้งแต่ก้าวเข้าไปในร้านอย่างไม่ต้องลังเล
ปัจจุบัน Patrick & Co. ได้รับการดูแลโดยคุณ Navin Anandsongvit ทายาทรุ่นที่ 3 ที่ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานการตัดเย็บ เนื้อผ้า และบริการหลังการขายที่ครองใจลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำเอาไว้อย่างดีเยี่ยม ที่แตกต่างไปจากเดิมมีเพียงการปรับเปลี่ยนโลเคชั่นที่ย้ายจากบ้านหลังเดิม ณ ซอยสุขุมวิท 11 ซึ่งอยู่มานานกว่า 40 ปี มาปักหลักใจกลางย่านทองหล่อ (ตั้งแต่ปลายปี 2017) เพื่อยกระดับคุณภาพและมอบประสบการณ์ด้านบริการที่สะดวกสบายให้แก่ลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น
บริการของทางร้านมีทั้งออกแบบและตัดสูททุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสูทมาตรฐาน สูททางการ สูทลำลอง สูทเจ้าบ่าว ไปจนถึงทักซิโด้ เชิ้ต เบลเซอร์ และกางเกง ซึ่งราคาชุดสูทแต่ละชุดนั้นจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการเลือกเนื้อผ้าและวัสดุที่ใช้ในดีเทลส่วนต่างๆ ซึ่งผ้าของทางร้านเป็นผ้านำเข้าจากประเทศทั้งอิตาลี อังกฤษ และเอเชีย ที่ผ่านการเลือกสรรมาอย่างพิถีพิถัน เช่น ผ้าคอตตอน ผ้าลินิน และผ้าวูลแบบ 100%
โดยมีทั้งผ้าคุณภาพสูงและผ้าพรีเมียมจากแบรนด์เนม อาทิ Guabello, Reda, Drago, Vitale Barberis Canonico, Holland & Sherry ฯลฯ เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบสไตล์ Luxury อีกด้วย
ไม่เพียงแต่คุณภาพผ้าที่ทางร้านให้ความสำคัญ แต่ Patrick & Co.ยังใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนแรก ซึ่งหากคุณไม่เคยมีประสบการณ์หรือไร้ความรู้เรื่องสูท ทางร้านก็พร้อม Offer ให้อย่างเต็มที่ ภายใต้การปรับแพทเทิร์นให้เหมาะกับรูปร่าง บุคลิก และไลฟ์สไตล์ของเราอย่างแท้จริง ซึ่งขั้นตอนการฟิตติ้งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ครั้ง ตามมาตรฐานของร้านตัดสูทแบบ bespoke คุณภาพสูง เพื่อปรับแก้รายละเอียดต่างๆ จนเป็นที่น่าพอใจ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้ชุดสูทที่เนี้ยบมากที่สุด
หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนการส่งไปตัดเย็บโดยช่างประสบการณ์สูงที่โรงงานของร้านเอง โดยสูทมาตรฐานจะใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 5-10 วัน ขณะที่สูทสไตล์ Luxury ที่เน้นความละเอียดและหรูหรา จะใช้เวลาราว 6 สัปดาห์ ซึ่งหากนำชุดกลับไปใส่แล้วมีปัญหาหรือรูปร่างของคุณเปลี่ยนในระหว่างนี้ก็ยังก็สามารถนำชุดกลับมาให้ร้านปรับแก้ได้ฟรีภายใน 6 เดือนนับจากวันที่สั่งซื้ออีกด้วย
นอกจากท่อนบนจะเป๊ะทุกระเบียดนิ้ว Patrick & Co. ยังมีบริการตัดรองเท้า ซึ่งถือเป็นเพียงไม่กี่ร้านในกรุงเทพฯเท่านั้น แม้จะเป็นบริการใหม่ที่ทางร้านเพิ่งเพิ่มเข้ามา แต่การันตีคุณภาพ ทั้งสไตล์และความคงทน ถือเป็นอีกหนึ่งร้านตัดสูทแถวหน้าในกรุงเทพฯ ที่คุณสามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อเดินออกจากร้าน จะได้ลุคที่หล่อเนี้ยบ ดูดีสไตล์สุภาพบุรุษ ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียว
Bangkoksuits
ร้านตัดสูทราคาเริ่มต้นที่ 1,900 บาท ต่อชุดคงไม่สามารถหาได้ง่ายๆ แต่เป็นไปได้ที่ Bangkoksuits เพราะร้านนี้เริ่มต้นจากการเป็นโรงงานรับตัดสูทให้กับร้านต่างๆ ทำให้ได้ราคาส่ง และมีจุดเด่นที่ออกแบบทรงให้เข้ากับคนไทยและถนัดสูทสำหรับงานแต่ง แต่ข้อแม้คือต้องรีบไปสั่งแต่เนิ่นๆ เพราะคิวยาวเหยียด ใช้เวลารอคิวราว 3-8 สัปดาห์
Button Up
แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชายที่โดดเด่นด้วย 3 คุณลักษณะสำคัญ คือ ความเป๊ะของแพทเทิร์น ความละเอียดด้านการตัดเย็บ และการเลือกใช้เนื้อผ้าคุณภาพสูง ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ราคาที่จับต้องได้ โดยทางร้านให้บริการทั้งเสื้อสูท เสื้อเชิ้ต และอีกหลายไอเท็มสำหรับสุภาพบุรุษโดยเฉพาะ ผ่านการใส่ใจในทุกขั้นตอน รวมไปถึงการดีไซน์ ที่ผสมผสานความทันสมัยลงไป ให้นำมาใส่ได้ในทุกโอกาส
สำหรับสินค้าของทางร้านนั้นมีให้เลือกทั้งแบบสำเร็จรูป และแบบที่สามารถสั่งตัดได้ตามความต้องการ รวมไปถึงคอลเลคชั่นพิเศษต่างๆ ที่ทางร้านรังสรรค์ออกมาเพื่อเพิ่มความหลากหลาย จากคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา จึงทำให้ Button Up สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จนโดนใจศิลปินชื่อดังทั้งไทยและเทศ พีคสุดๆ ต้องยกให้ Snoop Dogg ที่เคยใช้บริการตัดชุดที่นี่ ในการเดินพรมแดงงาน Grammy Awards หรือการเป็น Official Stylist ประจำอัลบั้ม Reincarnated ของเขาอีกด้วย
Button Up มีทั้งหมด 7 สาขา ได้แก่ ทองหล่อ, สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัลลาดพร้าว, ดิ เอ็มโพเรียม และเซ็นทรัลบางนา
DNA
ร้านตัดสูทใจกลางสยามสแควร์ คัตติ้งเนี้ยบพร้อมด้วยเนคไท โบ พิน คัฟลิงก์ และเครื่องประดับอื่นๆ ที่สร้างสไตล์เป็นเอกลักษณ์ถูกใจคนรุ่นใหม่ ร้าน DNA มี 2 สาขาคือ สยามแควร์ซอย 3 และสีลมคอมเพล็กซ์ชั้น G
House of Tatayvon
อยากหล่อแบบดาราต้องมาที่ House of Tatayvon เพราะต้องขอบอกเลยว่า ที่นี่ก็ก้าวขึ้นแท่นร้านยอดฮิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะโดดเด้งโดนใจเหล่าดาราและเซเลบชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทย จนหลายคนหมุนเวียนมาใช้บริการกันอย่างไม่ขาดสาย ผ่านการดูแลและควบคุมโดยคุณต้าร์ ปิตุภูมิ สิริวรรณ เจ้าบองแบรนด์และดีไซเนอร์มากฝีมือ ที่ตั้งใจรังสรรค์สูทแต่ละตัวออกมาให้เหมาะกับผู้สวมใส่ทุกคน พร้อมเน้นในเรื่องของการตัดเย็บและเนื้อผ้าที่ได้คุณภาพ สามารถใส่ได้นานและใส่ได้หลายโอกาส
โดยสูทจะมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบที่เรียบหรูดูดี รวมไปถึงแบบที่เน้นสีสัน ก็มีให้เลือกกันอย่างวาไรตี้แทบทุกเฉดสี ผสานกับงานด้านแพทเทิร์น ซึ่งก็มีการดีไซน์ออกมาให้เลือกอย่างมากมายเช่นเดียวกัน ส่วนใครที่แบบในใจมาอยู่แล้ว ก็สามารถนำมาปรึกษากับทางร้านได้ โดยทางร้านพร้อมให้คำแนะนำและบริการอย่างเต็มที่
นอกจากบริการรับตัดสูทแล้ว ทางร้านยังมีบริการให้เช่าสูทอีกด้วย ใครที่ต้องไปออกงานบ่อย แต่ไม่อยากจำเจใส่สูทสไตล์เดิมๆ บอกเลยว่าห้ามพลาด โดยเรามีให้บริการ 2 สาขา ได้แก่ เมืองทองธานี และสยามพารากอน
Pinky Tailor
ร้านตัดสูทชื่อดังที่เปิดมานาน ตั้งแต่ปี 2523 ปัจจุบันทายาทรุ่น 2 คุณวิน-ปวิณ ผลิตเดชตระกูล คือผู้ดูแลร้านและสูททุกตัวให้เนี้ยบก่อนถึงมือลูกค้า การันตีด้วยกลุ่มลูกค้านักธุรกิจและทูตมากมายที่เลือกใช้บริการที่นี่ Pinky Tailor มีผ้าสารพัดรูปแบบให้เลือกเต็ม 3 ชั้นของร้านเพื่อสร้างสไตล์ที่ตรงใจที่สุด
POEM Suit Ceremony
หากพูดถึง POEM แล้วล่ะก็ หลายคนคงนึกถึงแบรนด์ชุดสุดปังของสาวๆ ที่ไม่ว่าใครได้ใส่ เป็นต้องสวยขึ้นทันตาเห็น ล่าสุดก็โด่งดังไกลไปทั่วโลก เมื่อนักร้องสาวอย่าง แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น เลือกใส่ชุดของ POEM ไปเฉิดฉายบนพรมแดงในงานออสการ์
ซึ่งนอกจากชุดสวยๆ ของผู้หญิงแล้ว POEM เขาก็ยังมีชุดสูทของสุภาพบุรุษให้บริการอีกด้วยในชื่อว่า POEM Suit Ceremony ซึ่งเราสามารถมั่นใจได้ถึงคุณภาพเลยว่า ชุดสูทของหนุ่มๆ นั้นจะต้องดีงามไม่แพ้ของสาวๆ แน่นอน ด้วยการคงเอกลักษณ์จุดเด่นของแบรนด์ POEM ไว้ในทุกชุด ที่สามารถโชว์ทรวดทรงองค์เอวของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าใครที่ไม่มั่นใจในหุ่นของตัวเอง รับรองว่า POEM ช่วยเสริมความมั่นใจให้คุณได้แน่ๆ
อีกทั้งงานตัดเย็บและเนื้อผ้า รวมไปถึงดีไซน์ ก็ยังคงความเนี้ยบและใส่ใจในทุกรายละเอียดเช่นกัน เพราะทางร้านจะเน้นการผลิตให้ลูกค้าแบบชุดต่อชุดขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อคุณ โดยต้องการทำการนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
RAMS
ร้านสูทที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นร้านขายแอคเซสซอรี่สำหรับผู้ชาย ก่อนจะขยับขยายมาเป็นร้านสูทแบบจริงจัง ด้วยแนวคิดที่อยากให้ผู้ชายไทยดูโดดเด่นและมีสไตล์ภายใต้การสวมใส่สูทที่เหมาะกับบุคลิกของแต่ละคน เพราะฉะนั้นสูทของที่นี่จึงไม่ได้มีดีไซน์และแพทเทิร์นที่ตายตัว ซึ่งมั่นใจได้เลยว่า สูทแต่ละตัวที่ตัดออกมา จะเหมาะสมกับคุณอย่างแน่นอน
อีกทั้งที่นี่ไม่ได้เพียงแค่ให้บริการตัดสูทอย่างเดียว แต่ยังพร้อมที่มอบประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้า ให้เหมือนได้มีสไตลิสต์ส่วนตัวอยู่ข้างๆ ที่จะคอยแนะนำเรื่องของเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของการเลือกเนื้อผ้าและโทนสี ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น กระดุม หรือ เครื่องประดับต่างๆ ปิดท้ายด้วยคำแนะนำการเลือกรองเท้า ที่จะแมทช์กับชุดที่เลือกมากที่สุด ช่วยให้หนุ่มๆ คอมพลีทลุคได้อย่างมั่นใจ
SUITCUBE
ร้านสูทนี้เริ่มต้นจากการผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ “ซอมิเต้” ก่อนจะเริ่มเปิดร้าน SUITCUBE เมื่อปี 2557 ทำให้ทีมงานมีพื้นฐานในวงการแฟชันอยู่แล้ว ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นสูทที่มีสไตล์ SUITCUBE มี 6 สาขา คือ สยามสแควร์วัน ชั้น 3, เทอร์มินอล 21 ชั้น 2, เดอะ พรอมานาด, ถนนพระราม 3, ซีคอนสแควร์ และเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่
Suit Select
แบรนด์สูทชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2001 โดยสาขาแรกอยู่ที่โยโกฮามา ก่อนจะขยายสาขาไปยังโตเกียว โอซาก้า และเมืองอื่นๆ อีกทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่ความสำเร็จยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะเขายังได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเปิดสาขาที่เมืองไทยเมื่อปี 2012 จนสร้างชื่อเสียงให้กับหนุ่มๆ แฟชั่นนิสต้าไทยได้สรรหาสูทสุดเท่มาเสริมลุคกันได้อย่างหล่อเหลาไม่แพ้หนุ่มยุ่นเลยทีเดียว
Suit Select ก่อตั้งโดย Kashiwa Sato ครีเอทีฟดีไซเนอร์ชื่อดังคนหนึ่งของโลก โดยร้านมาในคอนเซปต์แบบ One Stop Service ที่หนุ่มๆ สามารถหิ้วสูทกลับบ้านไปได้ในเวลาเพียงแค่ 30 นาที โดยสูทนั้นมีให้เลือกทั้งแบบสำเร็จรูป และแบบที่สามารถสั่งตัดได้ โดยทางร้านจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้แนะนำอย่างใกล้ชิด ซึ่งสูทแต่ละตัวที่ออกแบบมานั้น ถูกดีไซน์ออกมาให้เข้ากับทุกโอกาส ทั้งงานที่เป็นทางการและงานที่ดูสบายๆ ก็สามารถนำไป Mix & Match ได้เช่นกัน
Suit Select ประเทศไทยมีทั้งหมด 7 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เมกะบางนา, เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัลลาดพร้าว และเซ็นทรัลบางนา
Tailor on Ten
ร้านตัดสูทที่ก่อตั้งโดยชาวแคนาดาเมื่อปี 2010 ร้านเริ่มเปิดที่สุขุมวิทซอย 10 ก่อนจะย้ายมายังบ้านไม้โบราณท่ามกลางสวน และต้นไม้ในสุขุมวิทซอย 8 ให้ลูกค้าได้เลือกลองสูทอย่างสะดวกสบาย ด้วยความที่เป็นร้านก่อตั้งโดยชาวต่างชาติ จึงเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของชาวต่างชาติซึ่งเป็นลูกค้าหลักของที่นี่
The Somchai
ร้านสูทที่เป็นตัวแทนของ 2 แบรนด์ชื่อดังจากอิตาลีอย่าง Liverano & Liverano และ Orazio Luciano โดยภายในร้านจะมีชุดสูทให้บริการ 3 ประเภท ได้แก่ Ready to Wear คือสูทสำเร็จรูป ที่สามารถซื้อไปใส่ได้ทันที ตามมาด้วย Made to Measure คือสูทที่ถูกตัดเย็บจากไซส์ของผู้สวมใส่เป็นหลัก โดยจะมีการปรับแพทเทิร์นจากโครงร่างของสูทแบบเดิม ให้มีขนาดที่พอดีตัวลูกค้ามากที่สุด ปิดท้ายด้วยแบบที่ 3 กับ Bespoke คือการตัดสูทขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าคนเดียวเท่านั้น โดยสามารถแก้ไขทุกส่วนของสูทได้ตามต้องการ เพื่อให้ได้สูทที่สมบูรณ์แบบและเหมาะกับคนๆ นั้นมากที่สุด
โดยการตัดสูทแบบ Bespoke ที่ร้าน The Somchai อาจจะมีขั้นตอนในการตัดที่นานสักเล็กน้อย เพราะจะมีช่างพิเศษจากอิตาลี บินตรงมาทำการฟิตติ้งให้ รวมถึงการเก็บข้อมูล ให้คำปรึกษา และแก้ไขจนได้ชุดสูทที่เป๊ะที่สุด
นอกจากบริการด้านชุดสูทแล้ว ที่นี่ยังมีสินค้าประเภทอื่นๆ สำหรับสุภาพบุรุษให้เลือกช้อปปิ้งด้วยเช่นกัน อาทิ เสื้อเชิ้ต กางเกง และรองเท้าหนัง ที่ล้วนแล้วที่เป็นแบรนด์ที่นำเข้าทั้งสิ้น
Vvon Sugunnasil
Vvon Sugunnasil (วีวอน สุกัณศีล) ร้านสูทที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสไตล์ ที่มองเผินๆ นึกว่าร้านของต่างประเทศ แต่คอนเซปต์ของร้านนี้คือการตั้งใจรังสรรค์สูทที่เหมาะกับผู้ชายไทย โดยที่ไม่ต้องไปง้อแบรนด์จากต่างชาติ อีกทั้งทางร้านยังใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่เนื้อผ้า ที่เลือกใช้ผ้าวูล 100% กับสูททุกตัว รวมไปถึง กระดุม สี คัทติ้ง ก็คัดสรรมาอย่างดี จึงทำให้ทุกดีเทลของแบรนด์มีคุณภาพแบบสุดๆ
ส่วนในขั้นตอนของการตัดสูทนั้น บอกเลยว่าละเอียดไม่แพ้กัน บางครั้งอาจจะต้องฟิตติ้งกันหลายครั้งหน่อย เพื่อความสมบูรณ์แบบของชุด และให้เหมาะกับตัวลูกค้ามากที่สุด รวมถึงการให้คำแนะนำแก่ลูกค้าในเรื่องการตัดสูท พร้อมด้วยความเป็นกันเอง ให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจและสบายใจที่จะมาตัดสูทที่นี่ ซึ่งนอกจากจะให้บริการตัดสูทแล้ว ทางร้านยังมีเสื้อผ้าแบบ Ready to Wear มาให้เลือกช้อปปิ้งกันอีกด้วย
ด้วยคุณสมบัติทั้งหลายที่กล่าวมา จึงทำให้วันนี้ Vvvon Sugunnasil กลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์เสื้อผ้าที่โดนใจเหล่าดาราและเซเลบริตี้เมืองไทยมากมาย รวมไปถึงเหล่าแฟชั่นนิสต้าก็ปลาบปลื้มกับแบรนด์นี้ไม่แพ้กัน ส่วนใครที่สนใจ เราขอแนะนำให้โทรนัดหมายกับทางร้านก่อน จะได้ไม่ต้องรอนาน